สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 65 ท่านอ๋องป่วยหรือ? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย!

        โรงน้ำชาจุ้ยหง…นั่นมันหอนางโลมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเมืองตี้จิงนี่!

        กระไรนะ?

        คาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะให้บุตรสาวจากตระกูลเก่าแก่มั่งมี ผู้ไร้เดียงสาเช่นฮั่วอวี้เจียวไปยืนอยู่ในสถานที่เช่นนั้นเป็นเวลาสามวัน อีกทั้งนางยังต้องถอดเสื้อผ้าออกให้หมดเสียด้วย?

        นั่นจะเป็นเหตุการณ์เช่นใดกัน?  ไม่มีผู้ใดกล้าคิดเลย!

        ใบหน้าของฮั่วอวี้เจียวแดงก่ำขึ้นมาในทันที แทบจะกลายเป็นเสาเหล็กที่แดงฉาน

        “เป็นอย่างไรเล่า? คุณหนูฮั่วรักใคร่ชื่นชมสามีของข้า ถึงขนาดกล้าดูถูกข้า ทว่าแม้แต่กลอุบายที่ท่านเองกล่าวออกมาก็ล้วนไม่กล้าตอบรับแล้วหรือ? ”

        “ซูจิ่นซี แม้จวนสกุลซูจะไม่ได้สูงส่ง ทว่าอย่างไรก็ถือว่าเป็นครอบครัวใหญ่เช่นกัน เหตุใดเจ้าจึงไม่รู้จักละอายบ้าง ท่ามกลางผู้คนเช่นนี้ แม้แต่คำพูดนั้นเจ้ายังกล้าพูดออกมาอีกหรือ? ”

        หวาหรงจวิ้นจู่กล่าว

        ซูจิ่นซีไม่ได้พูดตอบ นางมองไปที่ฮั่วอวี้เจียวด้วยรอยยิ้มเย็นชา

        ผู้คนด้านข้างต่างเริ่มชี้นิ้วไปที่ซูจิ่นซี แอบกระซิบนินทา คำพูดอันใดล้วนมีทุกอย่าง

        ครานี้ถึงคราวที่ฮั่วอวี้เจียวเป็นฝ่ายเงียบแล้ว

        ซูจิ่นซีไม่อดทนเหมือนกับฮั่วอวี้เจียว นางยิ้มเยาะที่มุมปาก ก่อนจะหันหลังเดินกลับไป

        “ซูจิ่นซี ข้ารับปากเจ้า! ”

        จู่ๆ ฮั่วอวี้เจียวก็พูดด้วยน้ำเสียงขมฝาด สองมือกำแน่น จนเล็บจิกลงไปในเนื้อ

        ซูจิ่นซีไม่ได้หันกลับไป รอยยิ้มเยาะเย้ยของนางยิ่งเหยียดลึกขึ้นไปอีก นางส่ายศีรษะไปมาและเดินหายเข้าไปในฝูงชน

        แท้จริงแล้ว ไม่ว่าการเดิมพันครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ภายในใจของฮั่วอวี้เจียวนั้นมันคือการเดิมพันว่านางหรือซูจิ่นซีที่คู่ควรกับเยี่ยโยวเหยามากกว่ากัน ทว่าทันทีที่ฮั่วอวี้เจียวตอบรับการเดิมพันของซูจิ่นซี ฮั่วอวี้เจียวก็แพ้แล้ว

        ความรักระหว่างชายหญิงนั้นเท่าเทียมกัน ศักดิ์ศรีคือเส้นตาย ไม่ว่าจะรักฝ่ายตรงข้ามมากเพียงใด หากแม้ศักดิ์ศรีก็ไม่ต้องการ รักนี้ก็เท่ากับสูญเสียความสมดุลไปแล้ว เช่นนั้นมันจะมีความหมายอันใดอีก

        จนกระทั่งซูจิ่นซีหายตัวไปจากฝูงชน ฮั่วอวี้เจียวก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม

        ฝูงชนแยกย้ายกันไปแล้ว ทันใดนั้นฮั่วอวี้เจียวก็เห็นรถม้าที่คุ้นเคยจอดอยู่ตรงหัวมุมถนน

        บุรุษในรถม้านั้นเคร่งขรึมสูงศักดิ์ เขากำลังยกม่านขึ้นแล้วมองมาที่นาง

        เป็นเยี่ยโยวเหยา

        เขามาตั้งแต่เมื่อใดกัน?

        รถม้าของเขาจอดอยู่ตรงนั้นนานเพียงใดแล้ว?

        เหตุการณ์ที่นางเดิมพันกับซูจิ่นซีเมื่อครู่นั้นเสียงดังมาก เขาได้ยินหมดแล้วกระมัง?

        เช่นนั้นเขาก็รู้แล้วว่านางชอบเขาอยู่?

        ทันใดนั้นหัวใจของฮั่วอวี้เจียวก็เต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง แก้มของนางที่แดงฉานอยู่แล้วยิ่งร้อนผ่าวขึ้นไปอีก

        “ท่าน… ท่านอ๋อง! ”

        เสียงของฮั่วอวี้เจียวไม่ดังนัก นางเพียงพูดกับตนเองอย่างแผ่วเบา

        ภายในใจของฮั่วอวี้เจียวเกิดความฮึกเหิม อีกนิดเดียวนางก็เกือบจะเดินไปข้างหน้าเพื่อสารภาพกับเยี่ยโยวเหยาให้ชัดเจนแล้ว ทว่าก่อนที่นางจะรวบรวมความกล้าให้มากพอ เยี่ยโยวเหยาก็ปิดม่านแล้วสั่งให้คนขับรถม้าออกตัวไป

        ทันใดนั้นในใจของฮั่วอวี้เจียวก็พรั่งพรูความรู้สึกหดหู่ออกมาราวกับตกลงไปในก้อนเมฆ

        รถม้าของเยี่ยโยวเหยาได้เคลื่อนออกไปไกลจากสายตาของฮั่วอวี้เจียวแล้ว ทว่าฮั่วอวี้เจียวยังยืนอยู่ที่เดิม

        หวาหรงจวิ้นจู่ตกใจกับการเดิมพันที่ซูจิ่นซีกล่าวออกมา ยิ่งคิดไม่ถึงว่าฮั่วอวี้เจียวจะตอบรับการเดิมพันของซูจิ่นซีด้วย นางยืนงงงวยอยู่ที่เดิม แม้แต่สติก็ยังไม่กลับมาเสียที

        บุรุษที่ฮั่วอวี้เจียวชอบคือเยี่ยโยวเหยา เมื่อครู่ที่ฮั่วอวี้เจียวกับซูจิ่นซีทะเลาะกันนั้น แม้แต่คนโง่ก็สามารถมองออกได้ นับประสาอะไรกับเยี่ยเซินที่ใจคิดเอาอกเอาใจแต่เพียงฮั่วอวี้เจียว

        เยี่ยเซินยืนอยู่ที่ประตูร้านจวีเซียงฟาง บทสนทนาระหว่างฮั่วอวี้เจียวและซูจิ่นซีเมื่อครู่นี้กระจ่างแจ้ง เขาเห็นการแสดงออกของฮั่วอวี้เจียวที่หลงไหลในเยี่ยโยวเหยาได้อย่างชัดเจนเช่นกัน มือทั้งสองของเขากำหมัดแน่น

        เยี่ยโยวเหยา ต่อไประหว่างข้ากับเจ้า ไม่จบง่ายๆ แน่!

        แม้ซูจิ่นซีจะแยกออกมาก่อนเยี่ยโยวเหยานานแล้ว ทว่าเป็นเยี่ยโยวเหยาที่นั่งรถม้าและยังใช้เส้นทางที่สั้นกว่า ดังนั้นเมื่อซูจิ่นซีถึงจวนโยวอ๋อง เยี่ยโยวเหยาก็มาถึงก่อนแล้ว

        “พระชายา ท่านอ๋องกลับมาแล้วเพคะ! ”

        ทันทีที่ซูจิ่นซีก้าวเข้าไปในประตูจวน พ่อบ้านก็เอ่ยเตือนนาง

        ซูจิ่นซีเดินไปถึงเรือนชิงโยว เยี่ยโยวเหยาก็อยู่ตรงนั้นแล้ว  เขานั่งที่หน้าประตูเรือนอวิ๋นไค ดื่มชาอย่างสบายอกสบายใจ

        ซูจิ่นซีตกตะลึงเล็กน้อย นางก้าวเท้าอย่างแผ่วเบาเดินเข้าไป

        ประการแรก…แน่นอนว่าเป็นเพราะภาพของเยี่ยโยวเหยาที่นั่งอยู่ตรงนั้นช่างสวยงามมากเสียจนสะดุดตา ประการที่สอง…นี่เป็นครั้งแรกที่เยี่ยโยวเหยามานั่งอยู่หน้าประตูเรือนอวิ๋นไคในเวลาที่นางไม่อยู่

        เขากำลังทำอันใดอยู่กัน?

        หรือว่าจะรอนางกลับมา? มีเรื่องอันใดหรือ?

        “ท่านอ๋อง ท่านกลับมาแล้วหรือเพคะ? ”

        ซูจิ่นซียิ้มอย่างสดใสกล่าวทักทาย

        “อืม! ”

        เสียงของเยี่ยโยวเหยาตอบกลับอย่างเย็นชา

        “ท่านอ๋อง ท่านมีเรื่องอันใดหรือไม่เพคะ? ”

        ซูจิ่นซีถามต่อ

        “ร่างกายของข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายเล็กน้อย เจ้าดูให้ข้าหน่อยสิ! ”

        ทันใดนั้นหลิงเฟิงที่ยืนอยู่ด้านหลังเยี่ยโยวเหยาก็รู้สึกประหลาดใจ

        ไม่เคยได้ยินท่านอ๋องกล่าวว่ารู้สึกไม่สบายมาก่อนเลย!

        “อ้อ! ”

        ซูจิ่นซีนั่งลงตรงข้ามเยี่ยโยวเหยา นางวางนิ้วเรียวยาวลงบนข้อมือที่เยี่ยโยวเหยายื่นออกมา

        “ร่างกายส่วนใดของท่านอ๋องที่รู้สึกไม่สบายเพคะ? ”

        เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้ว กระแอมไอสองครั้งพร้อมกับกำมือมาทาบริมฝีปาก

        “คอ”

        “อ้อ! ”

        ซูจิ่นซีรวบรวมความคิด นางใช้เวลาสักพักในการจับชีพจร

        “ดูจากชีพจรแล้ว ท่านอ๋องไม่ได้เป็นอันใดมากเพคะ นอกจากพิษดูดเลือด พิษอื่นๆ ก็กำจัดออกไปหมดแล้ว ทว่าพิษดูดเลือดกับอาการไอของท่านอ๋องไม่เกี่ยวข้องอันใดกัน บางทีท่านอ๋องอาจต้องลมหนาวมา หม่อมฉันจะสั่งยาให้ท่านสองเทียบ ให้ท่านอ๋องนำมาดื่มเป็นชาสักสองสามครั้งก็จะสามารถบรรเทาอาการไอได้เพคะ ”

        “อืม! ”

        เยี่ยโยวเหยาส่งเสียงตอบ จากนั้นก็ทำเป็นไอขึ้นมาอีก

        ซูจิ่นซีเหลือบมองเยี่ยโยวเหยาอย่างแปลกใจเล็กน้อย

        แท้จริงแล้วนางไม่เห็นอาการผิดปกติใดเลยจากการจับชีพจรของเยี่ยโยวเหยา ทว่าสังเกตจากอาการไอของเขาแล้ว ก็ดูไม่เหมือนแกล้งไอนี่!

        ซูจิ่นซีเขียนชื่อยาและมอบให้กับหลินเฟิง เยี่ยโยวเหยาก็ลุกขึ้นเตรียมกลับไปที่ตำหนักฝูอวิ๋น

        “ท่านอ๋อง! ”

        ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็ตะโกนรั้งเยี่ยโยวเหยาเอาไว้

        “มีเรื่องอันใด? ”

        เยี่ยโยวเหยาหันกลับมา

        “เรื่องนั้น… เรื่องของเฉินไท่เฟย หม่อมฉันขออภัยจากใจจริงเพคะ ทว่าหม่อมฉันจะพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อช่วยเฉินไท่เฟยออกมาอย่างแน่นอนเพคะ”

        “อืม! ”

        ในสายตาของเยี่ยโยวเหยาไม่สามารถมองออกว่าคิดอะไรอยู่ เขาตอบรับเพียงแผ่วเบา แล้วหันหลังเดินไปยังตำหนักฝูอวิ๋น

        โลกใบนี้จะมีคนที่ไม่สนใจมารดาผู้ให้กำเนิดของตนได้อย่างไร ทว่าเยี่ยโยวเหยาดูราวกับไม่สนใจว่าเฉินไท่เฟยจะอยู่หรือตาย ทำให้ซูจิ่นซีสงสัยว่าแท้จริงแล้วเยี่ยโยวเหยาไม่ใช่ลูกของเฉินไท่เฟย ทว่าโผล่ออกมาจากรอยแยกของหิน มิเช่นนั้นเหตุใดจึงเย็นชาถึงเพียงนี้

        “ท่านอ๋อง หม่อมฉันยังมีอีกเรื่องเพคะ! ”

        “พูด! ”

        เยี่ยโยวเหยาหยุดเดิน แต่ไม่ได้หันกลับไป

        ร่างกายของซูจิ่นซีสั่นเทาอย่างอธิบายไม่ถูก มัน… น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว การสนทนากับเยี่ยโยวเหยามันช่างกดดันเสียจริง

        “หม่อมฉันคิดว่า คนที่สามารถวางยาพิษฮองเฮาได้จะต้องเป็นผู้ที่อยู่ข้างกายพระองค์อย่างแน่นอนเพคะ ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องเข้าใจฮองเฮามาก หม่อมฉันคิดว่าจะเริ่มสืบหาจากชีวิตประจำวันและความโปรดปรานของฮองเฮา จึงต้องการขอร้องให้ท่านอ๋องช่วยหม่อมฉันตรวจสอบเล็กน้อยเพคะ”

        เยี่ยโยวเหยาไม่ได้ตอบรับ ทั้งยังไม่ได้ให้คำตอบนางว่าเขาตกลงช่วยหรือไม่เช่นกัน

        ลึกๆ ภายในใจของซูจิ่นซีรู้สึกราวกับถูกทอดทิ้ง

        นางรู้อยู่แล้วว่าการมาหาเยี่ยโยวเหยานั้นคงไม่มีประโยชน์อันใดแน่นอน

        อารมณ์ของเยี่ยโยวเหยาไม่คงที่ เขาแปลกประหลาดถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ยอมเข้าใกล้สตรี แล้วเขาจะตอบรับคำขอของนาง ช่วยนางสืบเรื่องของบุคคลผู้หนึ่งได้อย่างไร

        ซูจิ่นซีเม้มริมฝีปาก นางหันหลังกลับเข้าเรือนอวิ๋นไคแล้วคิดหาวิธีอื่น

        ทว่าในตอนที่ซูจิ่นซีหันหลังกลับนั้น คาดไม่ถึงว่าเยี่ยโยวเหยาจะหันศีรษะกลับมา

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset