สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 17 ระบบถอนพิษเสียหายแล้ว

        บรรยากาศวิหารวิญญาณในตอนนี้ช่างมืดสลัวราวกับถูกขังอยู่ในรัตติกาลที่มืดมนและเหน็บหนาว กระทั่งรู้สึกได้ว่ามีความน่าหวาดผวาอยู่ด้วยเล็กน้อย

        เยี่ยโยวเหยาสวมเสื้อคลุมสีดำ นั่งอยู่บนบัลลังก์สูงประหนึ่งเทพเจ้ากำลังมองดูสามัญชนที่อยู่ด้านล่าง เขาเอนร่างไปด้านหลังเล็กน้อย พร้อมกับลูบไล้กิเลนในมือ ตาชำเลืองมองเมื่อได้ยินว่าองครักษ์มาเพื่อรายงานข่าวเกี่ยวกับเว่ยเหม่ยเจียที่ไปหา ‘พระชายาโยวอ๋อง’ ด้วยสาเหตุอันใด

        “ท่านอ๋อง นอกจากเรื่องนี้แล้วสามสี่วันมานี้พระชายาซูเอาแต่สงบจิตใจอยู่ที่เรือนอวิ๋นไคตลอดพ่ะย่ะค่ะ”

        “น่าสนใจ! ”

        เยี่ยโยวเหยาลืมตาขึ้นหลังจากที่ฟังจบ และพูดออกมาด้วยท่าทีสงบนิ่งไม่เดือดเนื้อร้อนใจ

        กระไรกัน?

        คาดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเอ่ยชมว่าเรื่องนี้น่าสนใจ?

        นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านอ๋องประเมินเรื่องระหว่างสตรีสองนาง… คาดไม่ถึงว่าจะสนใจถึงเพียงนี้!!!

        ช่วงเวลานี้เกิดเหตุอันใดขึ้นกับท่านอ๋องหรือไม่?

        หรือมีผู้ใดทำของใส่?

        ไม่คิดว่าจะเลิกทำท่าทีเย็นชาไม่แยแสสิ่งใดอย่างที่ทำมาตลอดก่อนหน้า ทำให้ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกใจ

        เมื่อองครักษ์คุ้มกันและเหล่าทหารองครักษ์เงาได้ฟังคำพูดของเยี่ยโยวเหยาจึงมองขึ้นไปยังแท่นสูงอย่างพร้อมเพรียงกัน ทว่ามองเพียงไม่นานก็ต้องก้มศีรษะลงทันที

        บุรุษผู้นี้ช่างสง่างามเหลือเกิน  แข็งแรง ดุดัน มิใช่คนธรรมดาจะทนรับได้

        ขณะนั้นหมอเทวดาหวาก็เข้ามา

        “กราบทูลท่านอ๋อง กระหม่อมได้ทำการตรวจชีพจรของพระชายาเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ วินิจฉัยออกมาว่าร่างกายของพระชายาปกติดี นอกจากจะเห็นว่าเคยโดนพิษแมลงเจ็ดสีมาก่อน นอกเหนือจากนั้นก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอื่นใด จากการตรวจชีพจรแล้วกระหม่อมไม่อาจเข้าใจได้ว่าเหตุใดโลหิตของพระชายาจึงสามารถบรรเทาอาการของท่านอ๋องได้ชั่วคราว จำเป็นต้องทำการหาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งอาจต้องเก็บโลหิตของพระชายามาเพื่อทำการวิเคราะห์อีกครั้ง”

        “ใครให้เจ้าเรียกเช่นนี้? ”

        ทันใดนั้นเยี่ยโยวเหยาก็กล่าวขึ้นมาอย่างเย็นยะเยือน

        หมอเทวดาหวาจึงทราบว่ามีบางสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ทันใดนั้นก็คุกเข่าหมอบลงกับพื้น “คือ… คือว่าบ่าวรับใช้ต่างก็พากันเรียกเช่นนี้ ดังนั้น… ดังนั้นกระหม่อมจึงเรียกตามพ่ะย่ะค่ะ”

        มิใช่ว่าผู้คนภายนอกล่ำลือกันไปแล้วหรือว่าท่านอ๋องทรงโปรดปรานแม่หญิงฉลาดเฉลียวผู้นั้น อนึ่งบ่าวรับใช้ในวังต่างก็เรียกกันเช่นนี้ หมอเทวดาหวาจึงคิดว่าซูจิ่นซีเป็นสตรีที่เยี่ยโยวเหยาพึงใจ ผู้คนต่างพากันตกใจพฤติกรรมที่ผิดปกติไปของเยี่ยโยวเหยา ฉะนั้นเขาเองจึงเคารพซูจิ่นซีมาก ไม่กล้าที่จะละเลยนางเลยแม้แต่น้อยดังเช่นที่ปฏิบัติต่อโยวอ๋อง

        ทว่ากลับคาดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะมีท่าทีเช่นนี้

        หมอเทวดาหวาปาดเหงื่อของตนอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น

        เยี่ยโยวเหยาทำหน้านิ่งราวกับธารน้ำแข็งพันปี ดูไม่ออกว่ากำลังรู้สึกเช่นไร อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้ไต่สวนหรือลงโทษอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้

        “ออกไปเถิด! ”

        กระทั่งหมอเทวดาหวาเดินออกประตูไปแล้ว เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าเยี่ยโยวเหยาเป็นอันใด

        นี่เป็นครั้งแรกที่อยู่ต่อหน้าเยี่ยโยวเหยาแล้วรู้สึกว่าศีรษะของตนเกือบจะหลุดออกจากบ่า อย่างไรเสียเขาก็มีทักษะทางการแพทย์อยู่ในมือ แม้เมื่อก่อนเยี่ยโยวเหยาจะเป็นคนเด็ดขาดทว่าไม่เคยคิดเย็นชาใส่เขาแม้แต่น้อย

        เมื่อหมอเทวดาหวาออกประตูไปแล้ว เยี่ยโยวเหยาก็ทำเพียงลูบไล้กิเลนในมือ ไม่อาจทราบได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

        หลังจากนั้นครู่ใหญ่เยี่ยโยวเหยาก็หยิบขวดอะไรบางอย่างออกมาจากหน้าอกของเขา

        ตัวขวดทำจากแก้วใส ด้านในมีบางสิ่งเป็นสีฟ้าอ่อน คล้ายกับน้ำทว่าก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว มีควันเช่นควันของยาสูบ น่าตื่นตาเป็นอย่างยิ่ง

        เยี่ยโยวเหยาจ้องไปที่สิ่งนั้นเป็นเวลานาน “ฉินเทียน เจ้าเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับเมืองหนานหลี่เมื่อหลายปีก่อนหรือไม่… ”

        เมืองหนานหลี่?

        บุรุษที่ชื่อฉินเทียนออกมาจากความมืด คำนับเบื้องหน้าเยี่ยโยวเหยา เขาสวมชุดสีดำทั้งร่าง แม้ว่าจะไม่มีออร่าที่ทรงพลังเหมือนกับเยี่ยโยวเหยา ทว่าสามารถทำให้ผู้คนรู้สึกสั่นสะท้านได้เช่นกัน

        “เมืองหนานหลี่… หรือว่าท่านอ๋องยังสงสัยอยู่ว่า… ”

        ทันใดนั้นเยี่ยโยวเหยาก็หลับตาพร้อมกับกำขวดแก้วแน่น สีหน้าดูเคร่งขรึมและเย็นยะเยือก ยังคงดิ้นรนต่อสู้กับความเจ็บปวด

        “ตอนนี้ข้าเองยังไม่แน่ใจ! ”

         “เช่นนั้นแผนของท่านอ๋องคืออันใดพ่ะย่ะค่ะ? ”

        “ในระหว่างรอการตรวจสอบเพิ่มเติมก็ช่วยชีวิตซูจิ่นซีพลางๆ ไปก่อน ถ้าหาก…… ”

        ทันใดนั้นองครักษ์เงาอีกผู้หนึ่งก็ตรงเข้ามาคำนับต่อหน้าเยี่ยโยวเหยาพร้อมกับพูดเสียงต่ำ “ท่านอ๋องคนในจวนส่งข่าวมาว่าแม่นางซูเป็นลมกะทันหันหลังจากเสวยยาของหมอเทวดาหวาไป ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่ค่อยดีเท่าใดนัก”

        เยี่ยโยวเหยาลืมตาขึ้นทันที ในชั่วพริบตานั้นองครักษ์เงาไม่เห็นว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ทว่าเมื่อลืมตาขึ้นมาก็ไม่พบร่างของเยี่ยโยวเหยาเสียแล้ว

        เสียงเย็นชาดังมาจากด้านหลัง “ฉินเทียน เจ้าจงนำตัวหมอเทวดาหวาเข้าไปยังจวนข้า”

        องครักษ์เงาหันหลังกลับไปก็มองไม่เห็นร่างนั้นเสียแล้ว ราวกับล่องหนหายไปในทันที เมื่อฟังจากเสียงเหมือนว่าจะออกไปไกลมากทีเดียว

        ฉินเทียนและองครักษ์เงาต่างพากันตกใจ

        เหตุใดจึงวิตกถึงเพียงนั้น?

        ในเรือนอวิ๋นไค แม่นมฮวาตกใจจนทำสิ่งใดไม่ถูก

        ไม่รู้จริงๆ ว่ายาที่หมอเฒ่าหวาถวายให้เป็นยาจริงหรือปลอม

        ตามหลักแล้วหากใช้ยากระดูกหลิงเซียวตานกับหยกดำต่อกระดูกจะถือว่าเป็นยาชั้นดี เมื่อใช้แล้วจะทำให้ไม่มีปัญหา ทักษะทางการแพทย์ของหมอเทวดาหวานั้นช่างล้ำเลิศจึงวางใจได้

        ทว่าหลังจากใช้หยกดำต่อกระดูกเพียง 2 ครั้งก็ทำให้พระชายาหมดสติไปในทันที ทั้งยังมีไข้สูง ดูจากอาการแล้วพระชายาคงจะเจ็บปวดไม่น้อย

        ในหน้าเล็กๆ นั่นมีรอยย่น เหงื่อไหลจากหน้าผาก พูดเพ้อไม่ได้สติเป็นระยะ สายตาที่แม่นมฮวาใช้มองนั้นล้วนเป็นห่วงเป็นใย

        ทันใดนั้นแม่นมฮวาก็รู้สึกถึงลมหายใจเย็นเฉียบที่คุ้นเคยและทรงพลัง ทำให้เรือนอวิ๋นไคถูกห้อมล้อมความปลอดภัยไว้อย่างหนาแน่น ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความปิติยินดี นางรีบหันหน้าไปทันที

        ในที่สุดก็พบว่าเยี่ยโยวเหยาเดินขึ้นไปที่ชั้น 2 ของเรือนอวิ๋นไคจริงๆ

        “ท่านอ๋อง! ”

        แม่นมฮวาขึ้นไปต้อนรับด้วยความปิติยินดี

        นานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นเด็กคนนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะสูงขึ้นอีกแล้ว หน้าตาหล่อเหลากว่าเดิม ทว่า…ดูเหมือนว่าจะรู้สึกโดดเดี่ยวกว่าเดิมเช่นกัน

        “เกิดอันใดขึ้น? ”

        เยี่ยโยวเหยากล่าวอย่างแปลกใจ

        แม่นมฮวาพึ่งได้สติกลับมา

        “เรียนท่านอ๋อง ไม่ทราบว่าเกิดอันใดขึ้นกับพระชายาเพคะ ก่อนหน้านี้ยังดีอยู่ ทว่าจู่ๆ ก็หมดสติไปหลังจากเสวยยาของหมอเทวดาหวา”

        เยี่ยโยวเหยามองไปบนเตียงที่มีร่างของซูจิ่นซีนอนอยู่ด้วยสายตาเยือกเย็น

        ใบหน้าที่งดงามอ่อนหวานถูกปกคลุมไปด้วยเหงื่อซึมเย็นเฉียบ คงจะเจ็บปวดไม่น้อย มือเล็กคู่นั้นกำผ้านวมแน่น สั่นศีรษะไปมาพร้อมกับขยับปากที่ไม่รู้ว่ากำลังพึมพำถึงสิ่งใด

        “หมอเทวดาหวา! ”

        หมอเทวดาหวาที่ได้แต่ยืนรออยู่ตรงบันไดไม่กล้าขึ้นมารีบตอบรับทันที และรีบขึ้นมาพร้อมกับกล่องยา ไม่รอให้เยี่ยโยวเหยาพูดสิ่งใด ก็เข้าไปตรวจชีพจรของซูจิ่นซีทันที

        หลังจากตรวจแล้วตรวจอีก หยาดเหงื่ออันเย็นเฉียบบนหน้าผากของหมอเทวดาหวาก็ไหลออกมาไม่น้อยไปกว่าบนหน้าผากของซูจิ่นซี

        อยากจะรู้ว่ายาที่เป็นปัญหาพวกนี้เขาเป็นคนให้ซูจิ่นซีจริงๆ หรือไม่ และพระชายามีน้ำหนักในใจท่านอ๋องมากเพียงไร สามารถดูจากท่าทางของท่านอ๋องในตอนนี้ ท่านอ๋องยังไม่ยอมรับว่าห่วงพระชายาอีกหรือ ทว่าหมอเทวดาหวาก็ทำสิ่งใดไม่ได้เพราะบางทีอีกไม่นานหัวของตนอาจจะไม่ได้อยู่บนบ่าอีกต่อไปก็เป็นได้

        “ระ… รายงานท่านอ๋อง ตามหลักแล้วยาหลิงเซียวตานกับหยกดำต่อกระดูกไม่ผิดปกติอันใด พระชายา… อาการบาดเจ็บที่กระดูกของแม่นางซูเริ่มดีขึ้นหลังจากใช้หยกดำต่อกระดูก ชีพจรก็ไม่แสดงอาการผิดปกติใดๆ แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

        “หืม? ”

        เยี่ยโยวเหยาเหลือบไปมองที่หมอเทวดาหวาอย่างเย็นชา ความหมายคือไม่มีอาการผิดปกติใดๆ แล้วที่นางกำลังได้รับความทุกข์ในตอนนี้มันหมายความว่าอย่างไร

        หมอเทวดาหวาไม่รีรอและรีบทำการวินิจฉัยออกมาในทันที “ตอนนี้… ข้าพระองค์มองไม่ออกว่าเป็นอาการใด ทำได้เพียงแค่… แค่ทำการติดตามอาการเพิ่มเติมก่อนจึงจะสามารถวินิจฉัยต่อไปได้ ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้คือแม่นางซูขณะนี้ปลอดภัยดีพ่ะย่ะค่ะ”

        ดวงตาเงาดำอันลึกซึ้งของเยี่ยโยวเหยาหรี่ลงเล็กน้อย มองไปยังซูจิ่นซีที่นอนอยู่บนเตียงเป็นเวลานาน ทันใดนั้นก็สะบัดเสื้อคลุมเดินลงไปข้างล่าง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “หากไม่ตายก็ใช้ยาต่อไป”

        แม่นมฮวาตกใจทันทีที่ได้ยินคำขู่เช่นนั้น ท่านอ๋องกระทำกับพระชายาเช่นนี้ แท้จริงแล้วคิดสิ่งใดกันแน่?

        แล้วในคืนอภิเษกสมรสเล่า… เหตุใดจู่ๆ จึงเป็นเช่นนี้?

        แล้วก็หมอเทวดาหวาที่คราวที่แล้วยังแสดงความเคารพพระชายาและเรียกขานนางว่าพระชายาของท่านอ๋อง เหตุใดจู่ๆ ถึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นแม่นางซูได้

        ความจริงแล้ว หมอเทวดาหวาเองก็ยังสับสนเหมือนกัน ดูเหมือนว่าคนในตำหนักนี้ต่างพากันเรียกพระชายา และท่านอ๋องก็ไม่ได้โกธรเพียงนั้น!

        ถึงแม้ว่าเวลานี้ซูจิ่นซีจะยังไม่ได้สติ ทว่าความรู้สึกของนางยังไม่ค่อยดีนัก นางได้ยินทุกเสียงที่อยู่รอบตัวอย่างชัดเจน

        ไม่เพียงเท่านั้น ในความรู้สึกของนางยังมองเห็นพื้นที่กว้างใหญ่ มีเครื่องจักรมโหฬารที่ละเอียดแม่นยำกำลังทำงานอยู่ตลอดเวลา สามารถแจ้งข้อมูลบางอย่างให้กับนางได้ เนื้อหาของข้อมูลเป็นส่วนผสมของยากระดูกหลิงเซียวและน้ำมันไขกระดูก และยังมีส่วนผสมของยาที่อยู่ในกล่องยาข้างๆ หมอเทวดาหวาอีกด้วย

        นอกจากนี้ นางยังสามารถมองเห็นห้องเล็กๆ บนพื้นที่ว่างเปล่าในอากาศ ภายในมียาแขนงที่ได้รับการพัฒนาวัสดุยาตลอดจนเครื่องมือทางการแพทย์ที่ไม่เคยใช้มาก่อน สิ่งเหล่านี้อาจได้รับการติดตั้งและพัฒนาโดยผู้เฒ่าถังเหมิน

        ทว่ายาเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะถูกนางใช้ไปจนเกือบหมดแล้ว หากใช้ไปจนหมดนางอาจไม่สามารถหาวิธีที่จะนำวัสดุหายากลึกลับเข้ามาทดแทน นอกจากนั้นปัจจุบันยังไม่มีเครื่องมือ และที่สำคัญยิ่งกว่าคือไม่มีวิธีการขั้นสูงในช่วงเวลานี้ ซึ่งอาจทำให้เรื่องยุ่งยากมากยิ่งขึ้น หากอยากหาวัตถุดิบยาดีๆ อาจจะไม่ง่ายเหมือนสมัยใหม่

        ขณะที่ซูจิ่นซีกำลังครุ่นคิด จู่ๆ ดวงตาก็มืดสนิทและมีเสียงดังขึ้นในหูของตน พื้นที่และทุกสิ่งอย่างหายวับไป ทันใดนั้นศีรษะของนางก็ปวดมากจนราวกับกำลังจะถูกเปิดออก

        เวิง เวิง เวิง… คล้ายกับคลื่นวิทยุที่เสียงสัญญาณขาดๆ หายๆ

        นี่มันคืออะไรกัน?

        ไม่แน่ว่าระบบถอนพิษจะเกิดความผิดปกติขึ้น หรือว่ามันอาจพังแล้ว?

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset