สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 69 ซื้อสุราให้สามี ร้านจะต้องดี

   แน่นอนว่าซูจิ่นซีจะไม่ไปเพียงผู้เดียว

        ผู้ใดจะรู้ว่าที่หอสุราตู้คังจะเป็นสถานที่เช่นไร หากฮั่วซืออวี่ถูกพิษจากหอสุราตู้คังนั้นจริงๆ สถานที่นั้นก็จะต้องมีอันตรายที่ไม่อาจรู้ได้ซ่อนอยู่มากมาย

        นางเป็นผู้ที่ไม่เข้าใจในวรยุทธ หากเข้าไปเพียงผู้เดียวก็เท่ากับว่าเอาตนเองเข้าไปเสี่ยง

        ซูจิ่นซียังไม่มีความกล้าถึงเพียงนั้น

        ซูจิ่นซีสังเกตเห็นสีหน้าท่าทางของแม่ทัพฮั่วที่กังวลว่านางจะใช้โอกาสนี้หนีไป ซูจิ่นซีจึงกล่าวขึ้นว่า “ท่านแม่ทัพฮั่ว รบกวนท่านไปกับข้าสักครั้ง ความปลอดภัยครั้งนี้ของข้าฝากไว้ที่ท่านแล้ว ”

        “หากแก้ได้ก็แก้ ถ้าแก้ไม่ได้ก็พูดออกมาตรงๆ เหตุใดต้องพูดจาซี้ซั้วมั่วซั่วมากมายถึงเพียงนี้ด้วยเล่า? ”

        ท่าทางแม่ทัพฮั่วดูจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง

        ชั่วพริบตาเดียว ซูจิ่นซีก็มีความรู้สึกเหมือนคุยอยู่กับวัว

        บางคน เจ้าไม่ต้องอธิบาย แม้จะเป็นคนที่ไม่ค่อยคุ้นเคยกันมากนัก ทว่าเพียงสบสายตาให้รู้เป็นนัยเท่านั้น เขาก็สามารถเข้าใจว่าเจ้าอยากทำสิ่งใด เช่น อวิ๋นจิ่น เป็นต้น

        ทว่าบางคน แม้ว่าเจ้าจะอธิบายจนปากแห้งลิ้นแห้ง [1] เขาก็ไม่สามารถยืดหยุ่นพลิกแพลง ยังคงดึงดันยืนกรานจนถึงที่สุด ยกตัวอย่างเช่น ท่านแม่ทัพฮั่วที่ยืนอยู่ตรงหน้าผู้นี้

        “ตอนนี้ฟ้าใกล้จะมืดแล้ว หากข้ากลับจวนไประดมกำลังคนกับท่านอ๋องก็คงต้องเสียเวลาเป็นแน่ อีกทั้งยังต้องเสียเวลาดำเนินการในวันพรุ่งอีก ทว่าบุตรชายของท่านมีเวลาให้ถอนพิษเพียงสามวันเท่านั้น ล่าช้าหนึ่งวันก็เท่ากับเสี่ยงอันตรายขึ้นอีกหนึ่งวัน และเสียโอกาสช่วยชีวิตไปอีกหนึ่งวัน ดังนั้นจึงต้องใช้วัตถุดิบที่มีในพื้นที่แทน”

        “หึ อย่างไรท่านก็เล่นลูกไม้อันใดไม่ได้ ข้าจะไปกับท่านก็ได้! ”

        แม่ทัพฮั่วกล่าวเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชา

        เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหามากคนมากความให้วุ่นวาย แม่ทัพฮั่วจึงพายอดฝีมือเพียงสี่นายปลอมตัวติดตามซูจิ่นซีไปยังหอสุราตู้คังนอกเมืองตี้จิง

        อย่างไรก็ตาม หอสุราตู้คังกับหอสุราในเมืองตี้จิงนั้นมีความคึกคักและสีสันบรรยากาศที่ไม่เหมือนกันแม้แต่น้อย แม้ว่าหอสุราตู้คังจะมีชื่อเสียงมาก ทว่ากลับซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกของภูเขาชังชุ่ยนอกเมืองหลวง

        ทิวเขาเขียวขจีและน้ำทะเลสีมรกตกระจ่างใส ต้นไผ่สีเขียวงอกงามปกคลุมพื้นที่จากโลกภายนอก หลังจากเดินเข้ามาแล้วก็ทำให้ผู้คนสัมผัสได้ถึงความลึกลับที่น่ารื่นรมย์

        กระทั่งพนักงานในหอสุราต่างก็สวมชุดแขนกว้างสีเขียวมรกตที่สง่างาม สะอาดสดชื่นดั่งธรรมชาติ เรียบร้อยเหมือนกันไปหมด

        ทันทีที่ซูจิ่นซีเดินเข้ามาก็มีชายชราผมขาวอายุราวห้าสิบหกสิบปี สวมเสื้อแขนยาวสีเทาเข้มออกมาต้อนรับ

        “ฮูหยินท่านนี้ เหมือนท่านจะมาหอสุราของพวกเราเป็นครั้งแรก ฮูหยินเชิญด้านในขอรับ”

        ซูจิ่นซีพยักหน้าแล้วเดินตามชายชราเข้าไปด้านใน

        ชายชราพาซูจิ่นซีและผู้ติดตามเข้าไปในห้องไม้ไผ่ที่ตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามห้องหนึ่ง

        “ไม่ทราบว่าฮูหยินต้องการรับสิ่งใดหรือขอรับ?”

        ซูจิ่นซีมองไปรอบๆ ห้องไม้ไผ่ นางลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่คิดว่าโลกภายนอกจะมีของตกแต่งหรูหราถึงเพียงนี้ ดูเหมือนว่าเจ้าของหอสุราแห่งนี้หากไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจหรือฐานะ ก็ต้องเป็นผู้ที่มีความมั่งคั่งไม่น้อยเลยทีเดียว

        “ที่หอสุราของพวกเจ้ามีสุราชนิดใดบ้าง? ”

        ใบหน้าของชายชรายกยิ้มเล็กน้อย พลางเหลือบมองสตรีเสื้อสีเขียวที่คอยรับใช้อยู่ด้านข้าง

        สตรีเสื้อสีเขียวพยักหน้าแล้วเดินออกไป ผ่านไปไม่นานนางก็กลับเข้ามา ในมือมีหนังสือเล่มเล็กยื่นให้ชายชรา

        ชายชรารับมา ก่อนจะมอบให้ซูจิ่นซี

        “ฮูหยินท่านนี้ รายชื่อสุราทั้งหมดของหอสุราข้าน้อยล้วนอยู่ตรงหน้า ฮูหยินสามารถเลือกได้เองขอรับ”

        ซูจิ่นซีเปิดดู เป็นชื่อสุราทั้งหมดจริงๆ

        อย่างแรกคือสุราตู้คัง เป็นสุราชนิดพิเศษของหอสุราตู้คัง

        นอกจากนั้นยังมีสุราจู๋เยี่ยชิง สุราหลานหลิงเหม่ย สุราจ้วงหยวนหง สุราหนี่ว์เอ๋อร์หง สุราจิ่วอวิ้นชุน สุราเฮ่อเหนียนก้ง สุราถูซู สุราจูอวี๋ สุราหนานจู๋ สุราซงฮวา สุราเฝิน และอื่นๆ อีกกว่าร้อยชนิด

        แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นมีสุราดอกเหมยที่ซูจิ่นซีเดินทางมาเพื่อตรวจสอบด้วย

        ซูจิ่นซีมองดูอย่างคร่าวๆ ไม่ได้พูดถึงสุราดอกเหมย ทว่ากลับเลือกสุราที่มีชื่อว่าจ่าวจี๋มาหนึ่งชนิด

        “ได้ยินมาว่าสุรานี้มีสรรพคุณช่วยรักษาความงามดูแลผิวพรรณ ข้าต้องการลิ้มลองเสียหน่อย”

        ชายชรารับหนังสือเล่มเล็กมาแล้วรีบให้คนไปเตรียมสุราให้ซูจิ่นซี

        ระหว่างรอสุราจ่าวจี๋ ซูจิ่นซีก็เปิดระบบถอนพิษทั้งระบบ เพื่อตรวจสอบหอสุราตู้คังอย่างระเอียด รวมถึงตำแหน่งของอุโมงค์เก็บสุราของที่นี่ ทว่าซูจิ่นซีตรวจสอบด้วยระบบถอนพิษจนแล้วเสร็จ กลับไม่พบพิษที่เกี่ยวข้องกับชางหลงแต่อย่างใด

        ในกรณีนี้มีความเป็นไปได้เพียงสองอย่างเท่านั้น

        อย่างแรกคือ หอสุราแห่งนี้ค่อนข้างใหญ่ มีสถานที่ที่ระบบถอนพิษไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างทั่วถึง

        อีกอย่างก็คือ ที่แห่งนี้ยังมีพิษที่ความร้ายแรงของมันไม่ธรรมดายิ่งกว่าพิษชางหลงเสียอีก มันเหมือนกับพิษที่อยู่บนร่างกายของเฉินไท่เฟยอย่างไรอย่างนั้น ทว่าในระหว่างการตรวจสอบ ระบบการถอนพิษได้ถูกบางสิ่งรบกวน นางจึงไม่สามารถตรวจสอบได้

        “ฮูหยิน สุราจ่าวจี๋ที่ท่านสั่งขอรับ”

        ชายชรายกสุราที่ซูจิ่นซีสั่งขึ้นมา

        ซูจิ่นซีรับแก้วมาด้วยอาการสงบเยือกเย็นไม่แสดงพิรุธ แล้วค่อยๆ จิบอย่างระมัดระวัง

        “แท้จริงเป็นสุราชั้นดี สมควรเป็นสุราอันดับหนึ่งของหอสุราตู้คังแห่งแคว้นจงหนิง ชื่อเสียงไม่น้อยหน้าผู้ใด”

        “ขอบคุณฮูหยินที่ชื่นชมขอรับ”

        ชายชรายอมรับคำชมของซูจิ่นซีอย่างสงบไร้กังวลใด

        ซูจิ่นซีดื่มอีกแก้ว

        “ได้ยินมาว่าสุราดอกเหมยของหอสุราสูงส่งไม่เลวเลยทีเดียว สามีของข้าชอบดื่มมาก ท่านผู้เฒ่า ข้ายังต้องการสุราดอกเหมยหนึ่งไหกลับไปด้วย”

        “ฮูหยินโปรดรอสักครู่ ผู้เฒ่าอย่างข้าจะให้คนไปนำมาเดี๋ยวนี้! ”

        “ท่านผู้เฒ่าโปรดรอก่อน ข้ากับสามีพึ่งแต่งงานกันได้ไม่นาน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกหลังจากแต่งงานที่ข้าออกมาซื้อสุราให้สามี ข้าต้องการเป็นผู้ลงมือเทสุราและปิดไหด้วยตนเอง หวังว่าหอสุราแห่งนี้จะเต็มใจช่วยเติมเต็มความรักของภรรยาที่มีต่อสามีอย่างข้า”

        ความลำบากใจปรากฏบนใบหน้าของชายชรา

        “เรื่องนี้… ในเมื่อฮูหยินมาที่หอสุราตู้คังของเราแล้ว จำเป็นต้องรู้กฎของหอสุราตู้คังของเราอย่างหนึ่ง ตราบใดที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ หอสุราตู้คังของเราก็จะทำให้ลูกค้าพอใจ ทว่าห้องเก็บสุรานี้…ตามกฏแล้วห้ามให้คนนอกเข้า ขอฮูหยินอภัยให้ด้วยขอรับ”

        เพื่อหลีกเลี่ยงเพื่อนร่วมอาชีพปะปนเข้าไปและขโมยเรียนเคล็ดลับการกลั่นสุรา หอสุราทั่วไปจึงมีกฎที่ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าไปในโรงกลั่นสุราและห้องสุรา

        ซูจิ่นซีทราบอยู่แล้วว่าชายชราจะต้องปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ นางหมดหวังแล้ว

        “เช่นนั้นรบกวนท่านผู้เฒ่าช่วยไปนำเหล้าสุราเหมยมาให้ข้า ขอที่เก็บไว้นานและรสชาติดีที่สุด”

        “ฮูหยินรอสักครู่นะขอรับ! ”

        ชายชราพาคนไปนำสุรามาให้ซูจิ่นซีด้วยตนเอง

        ซูจิ่นซีส่งแววตาบอกเป็นนัยให้แม่ทัพฮั่ว นางใช้ข้ออ้างขอออกไปเข้าห้องน้ำกับลวี่หลี เพื่อที่จะได้ออกไปจากห้องไม้ไผ่

        แม่ทัพฮั่วผู้ซื่อตรงและเข้มงวด คาดไม่ถึงว่าจะเข้าใจความหมายของซูจิ่นซี

        เขาไม่ขัดขวาง อีกทั้งยังไม่ทำให้นางยุ่งยากลำบาก

        ซูจิ่นซีออกจากห้องไม้ไผ่และเดินตรงไปยังทิศทางของห้องเก็บสุรา

        แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่ซูจิ่นซีมาเยือนหอสุราตู้คัง ทว่าระบบถอนพิษของนางกลับสามารถระบุตำแหน่งของห้องเก็บสุราได้อย่างง่ายดาย โดยอาศัยการตรวจจับปริมาณของสุราที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากส่วนประกอบที่สำคัญหลายอย่างในสุราก็เป็นพิษเช่นกัน

        ตลอดทาง ซูจิ่นซีใช้ระบบถอนพิษตรวจสอบบริเวณโดยรอบอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่พบพิษชนิดนั้นที่ซูจิ่นซีตามหา

        ความหวังสุดท้ายคงต้องฝากไว้กับอุโมงค์เก็บสุราที่เก็บสุราไว้เยอะที่สุดแล้ว

        สถานที่ที่มีชื่อเสียงเช่นนี้มักให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก ซูจิ่นซีเดินเตร่ไปมารอบหอสุรา ตราบใดที่ไม่เจอผู้จัดการ พนักงานธรรมดาทั่วไปจะไม่สามารถเข้ามาขัดขวางได้

        ไม่นานนัก ซูจิ่นซีและลวี่หลีก็เดินมาถึงด้านนอกอุโมงค์เก็บสุรา

        ซูจิ่นซีซ่อนตัวอยู่ในความมืด นางเปิดระบบถอนพิษทั้งระบบอีกครั้งเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดรอบคอบ นางตั้งใจตรวจองค์ประกอบสารพิษทั้งหมดในอุโมงค์เก็บสุรา

        ทว่าครั้งนี้ก็ยังหาสิ่งที่นางต้องการไม่พบ

        ในระยะใกล้ถึงเพียงนี้ ไม่ควรมีสิ่งใดที่สามารถหลุดพ้นจากประสิทธิภาพการตรวจสอบของระบบถอนพิษได้

        หรือว่าความคิดของนางผิดพลาดไป?

        เดิมทีชางหลงไม่ได้อยู่ที่หอสุราตู้คัง ฮั่วซืออวี่ก็ไม่ได้ถูกพิษที่นี่?

        หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดซูจิ่นซีก็ตัดความเป็นไปได้ที่หอสุราตู้คังเป็นที่มาของพิษออกไป นางตัดสินใจว่าหลังจากกลับไป นางจะหาเบาะแสอื่นและคิดหาวิธีใหม่อีกครั้ง

        ทว่า…

        ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า ขณะที่ซูจิ่นซีกำลังจะหันหลังกลับ ทันใดนั้นนางก็ถูกบางอย่างกระแทกเข้าที่ศีรษะอย่างแรง ดวงตาของนางมืดแสงลง นางมองไม่เห็นสิ่งใดและล้มลงกับพื้นในทันที

        คาดไม่ถึงว่าจะมีคนตีซูจิ่นซีจนสลบ

……

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset