สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 29 พระชายาอยากอาบน้ำกลางวันแสกๆ

องครักษ์ก็ไม่อาจทราบได้เช่นเดียวกัน

        เขาเพียงถ่ายทอดคำพูดของท่านอ๋อง เรื่องระหว่างท่านทั้งสองก็ไม่กล้าเอ่ยถามให้มากความ

        ซูจิ่นซีตบหน้าผากของนางทันที คราวนี้จึงจะจำได้ว่านางสัญญากับเยี่ยโยวเหยาว่าจะล้างพิษให้เขา เมื่อเยี่ยโยวเหยายอมกลับมาและไปที่ตำหนักหนานย่วนเป็นเพื่อนนาง นางจะตอบแทนโดยการรักษาพิษบนร่างกายของเยี่ยโยวเหยา

        “เจ้าไปเรียนท่านอ๋องว่ายาถอนพิษตอนนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ข้าจะไปตรวจชีพจรของเขา วินิจฉัยว่าพิษในร่างกายคือพิษชนิดใดหลังจากนั้นจึงจะสามารถทำยาถอนพิษออกมาได้! ”

        เมื่อองครักษ์นำสาส์นกลับไปแจ้ง ซูจิ่นซีเองก็กลับไปยังเรือนอวิ๋นไค

        ทันทีที่เข้าประตูมา แม่นมฮวาก็ยิ้มแย้มต้อนรับ

        “พระชายา ท่านกับท่านอ๋องไปที่หนานย่วนเป็นอย่างไรบ้างเพคะ? ระหว่างท่านกับท่านอ๋อง…… ”

        แม่นมฮวาต้องการถามเกี่ยวกับความคืบหน้าของความสัมพันธ์ระหว่างซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยา ทว่าซูจิ่นซีหยุดนางไว้ก่อน

          “แม่นมฮวา ข้าอยากอาบน้ำ! ”

        “อาบน้ำ? ตอนนี้หรือเพคะ? ”

        “มีปัญหาหรือ? ”

        “ไม่…ไม่มีปัญหาเพคะ บ่าวจะรีบไปจัดเตรียมเดี๋ยวนี้เพคะ! ”

        ซูจิ่นซีก็ไม่คิดจะอาบน้ำกลางวันแสกๆ เช่นนี้หรอก ทว่าเสื้อผ้าแบบโบราณนี้ค่อนข้างจะซับซ้อน ยุ่งยาก และอบอ้าวเกินไปจริงๆ

        แม้ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่สวมใส่ในหน้าร้อน ทว่าด้านในและด้านนอกที่สวมทับนั้นก็ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะในโอกาสที่เป็นทางการ เช่นการไปเข้าพบแม่ของสามียิ่งต้องควรสวมใส่ตามกฎระเบียบทุกอย่าง ตั้งแต่ออกมาจากหนานย่วน ซูจิ่นซีรู้สึกว่าร่างกายของนางมีเหงื่อไหลเป็นจำนวนมาก นางคิดว่าตนเองตัวเหนียวจนมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมาแล้ว

        แม่นมฮวาเตรียมน้ำเสร็จอย่างรวดเร็ว ลวี่หลีต้องการที่จะอาบน้ำให้ซูจิ่นซี ทว่าซูจิ่นซีไม่ชินจึงให้นางออกไปก่อน

        ซูจิ่นซีนอนแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำอย่างสบายพร้อมกับฮัมเพลงไปด้วย

        “ยอมให้ท่านใจร้ายให้ถึงที่สุด ให้ข้าลืมให้หมดหัวใจ ขอยอมให้ท่านหมดใจในตอนสุดท้ายดีกว่าปล่อยให้เลิกราไป ยอมเสียใจเพียงครั้งเดียว ดีกว่าเสียใจทั้งวันทั้งคืน ยอมให้ท่านใจร้ายถึงที่สุด หยุดเอ่ยเสียทีว่าข้ารักท่าน…[1]”

        “ซูจิ่นซีกำลังทำสิ่งใด? ”

        เยี่ยโยวเหยาที่กำลังอ่านตำราอยู่ในตำหนักฝูอวิ๋นขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเขาถูกขัดจังหวะด้วยการร้องเพลงของซูจิ่นซี

        หลังจากที่องครักษ์รายงานคำพูดก่อนหน้าของซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยาก็ไม่ตอบรับอันใด องครักษ์จึงไม่กล้าที่จะเปิดประตูเข้าไปสอบถามเพิ่มเติม ทว่าเมื่อถูกเยี่ยโยวเหยาถามเช่นนี้จึงรีบเข้าไปรายงานทันที

        “รายงานท่านอ๋อง ข้าน้อย… ข้าน้อยก็ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ! ”

        “ออกไป! ”

        เยี่ยโยวเหยาพูดเสียงเย็นชา

        “ใช้มือของท่าน ไขกุญแจของข้า เข้าไปยังวังวนที่แสนอบอุ่น พายุแห่งความวุ่นวายพังทลายมิตรภาพทุกอย่างที่ไม่เคยเปลี่ยนให้สูญสิ้น หนึ่งชีวิตถูกผูกมัด ความคิดหนึ่งกลายเป็นโชคร้าย และข้ายืนกรานที่จะทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า… ตกหลุมรักท่าน ตกหลุมรักกับความผิดพลาดของท่าน สูญเสียจิตวิญญาณ โชคชะตาเล่นตลก ไม่มีทางหนีรอดใช้ชีวิตผู้เดียวได้อีกต่อไป… [2] ”

        การร้องเพลงของซูจิ่นซีเกิดขึ้นอย่างไม่รู้จบ ไม่ว่านางจะร้องเพลงได้ดีหรือไม่ก็ตาม เสียงของนางดังก้องกังวานไปทั่วเรือนชิงโยว หลายคนที่รออยู่ด้านในก็ต่างวางมือลงและตั้งใจฟัง

        เยี่ยโยวเหยารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยกับเสียงนั้นและไม่สามารถมีสมาธิกับการอ่านตำราได้อีกต่อไป

        “เจ้าไปดูสิว่าเจ้าคนต่ำช้านั่นกำลังทำสิ่งใดอยู่”

        “พ่ะย่ะค่ะ! ”

        องครักษ์งุนงงเล็กน้อย ปกติแล้วท่านอ๋องเป็นผู้ที่มีสมาธิดีมาก!

        เสียงฟ้าร้อง เสียงในเมืองที่วุ่นวาย ก็ยังไม่สามารถรบกวนสมาธิของท่านอ๋องได้ กระทั่งยามที่นั่งอยู่บนรถม้า ท่านอ๋องก็สามารถอ่านตำราได้เช่นกัน วันนี้เป็นอันใดไปหรือ?

        เหตุใดเมื่อได้ยินพระชายาร้องเพลงจึงไม่มีวิธีสงบจิตสงบใจเล่า?

        องครักษ์ส่งเสียงตอบรับคำสั่งและกำลังจะก้าวลงบันไดตำหนักฝูอวิ๋น ทันใดนั้นประตูของตำหนักฝูอวิ๋นก็เปิดออก เยี่ยโยวเหยาที่สวมเสื้อคลุมสีขาวบางสบาย ก็เดินออกไป

        ไม่จำเป็นต้องพูดอันใดมาก เมื่อเห็นเยี่ยโยวเหยาเดินลงบันไดด้วยความโกรธอย่างแรงกล้า องครักษ์จึงทราบในทันทีว่าเยี่ยโยวเหยากำลังจะไปดูที่เรือนอวิ๋นไคด้วยตนเอง

        องครักษ์ตกใจเล็กน้อย ทว่าก็ไม่อาจหาญพูดมากจึงรีบเดินตามอยู่ด้านหลัง

        แม่นมฮวากับลวี่หลีกำลังทำงานอยู่ที่ประตูเรือนอวิ๋นไค เมื่อเห็นเยี่ยโยวเหยามาจึงรีบต้อนรับ

        “เจ้าซูจิ่นซี เจ้าคนชั้นต่ำนั่นกำลังกระทำสิ่งใดอยู่? ”

        เยี่ยโยวเหยาพิโรธยิ่ง

        แม่นมฮวาคิดจะตอบตามความจริง ทว่าเมื่อนางเห็นเยี่ยโยวเหยาที่สวมชุดสบายตัว กล้ามหน้าอกที่น่าหลงไหลปรากฏอยู่ใต้เสื้อคอกว้างของเขา แม่นมฮวาก็นึกถึงซูจิ่นซีที่เปลือยกายอยู่ในอ่างอาบน้ำในเวลานี้ได้ ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นโอกาสที่สวรรค์ประทานเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างเยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซีอย่างแน่แท้

        แม่นมฮวายิ้มแล้วชี้ไปด้านบน “ท่านอ๋องมาหาพระชายาหรือเพคะ? พระชายาอยู่ที่ชั้นบนหากท่านขึ้นไปต้องพบแน่เพคะ! ”

        เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้ว ไม่ได้คิดอันใดให้มากความ ถือโอกาสเดินตรงขึ้นบันไดไป

        ลวี่หลีตกใจมากและต้องการจะเอ่ยเตือนเยี่ยโยวเหยาว่าคุณหนูของนางกำลังอาบน้ำอยู่ในขณะนี้จึงไม่สะดวกที่จะพบเขา ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดสิ่งใดก็ถูกแม่นมฮวาปิดปากลากออกมาจากเรือนอวิ๋นไค

        “แม่นมฮวา ท่านทำอันใดเจ้าคะ? คุณหนูกำลังอาบน้ำอยู่นะเจ้าคะ! ”

        แม่ฮวาทำท่าทางลับๆ ล่อๆ อยู่อย่างนั้นและจิ้มนิ้วไปที่หน้าผากของลวี่หลี

        “เจ้าเด็กคนนี้ เจ้าจะไปรู้อันใด? เพราะว่าพระชายากำลังอาบน้ำอยู่อย่างไรเล่า ดังนั้นข้าจึงให้ท่านอ๋องเข้าไป หลังจากนั้นก็…”

        หลังจากนั้น… แม่นมฮวาก็ยิ้มอย่างชั่วร้าย ราวกับเห็นเยี่ยโยวเหยาที่พบซูจิ่นซีซึ่งเปลือยกายอยู่ในอ่างอาบน้ำ ความปรารถนาของทั้งสองก็จะเพิ่มขึ้น หลังจากนั้นไฟรักจากสองร่างก็จะลุกโหมกระพือ……

        แม้ว่าลวี่หลีจะโง่เขลาทว่าก็เข้าใจในสิ่งที่แม่นมฮวาสื่อ

        นางค่อนข้างตกใจและชี้ไปที่แม่นมฮวา “แม่นมฮวา ท่าน… ท่าน… ”

        “ท่านอันใดของเจ้ากัน? เจ้าเด็กคนนี้ไม่เข้าใจอันใดเสียเลย เจ้าไม่ต้องอยู่ขัดจังหวะตรงนี้แล้ว! ”

        พูดเสร็จก็ลากลวี่หลีออกมาจากเรือนชิงโยว

        หลังจากเดินไปสองก้าว แม่นมฮวายังไม่ลืมที่จะหันกลับมาตะโกนบอกองครักษ์ของเยี่ยโยวเหยาที่หน้าประตูเรือนอวิ๋นไค “ดูอันใดของเจ้า? เรื่องที่ไม่ควรฟัง เรื่องที่ไม่ควรดู ล้วนห้ามดูห้ามฟัง! มีสิ่งใดทำก็ไปทำ! ”

        เรื่องกลางวันแสกๆ เช่นนั้น หากพระชายารู้ว่าด้านนอกมีคนอยู่จะต้องอับอายมากเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงมาจัดการสถานที่ให้เรียบร้อย

        “เพียงอยากมีผู้เดียวในหัวใจ แม้นแก่ชราก็ไม่พรากจากกัน คำพูดง่ายๆ เหล่านี้ต้องใช้ความกล้าอย่างมากมาย ไม่เคยคิดที่จะเสียท่านไป ได้แต่โกหกตัวเอง และสุดท้ายก็แอบซ่อนไว้ลึกสุดใจอยู่ในการร้องเพลงของข้า เพียงอยากมีผู้เดียวในใจ… [3]”

        ซูจิ่นซีร้องเพลงอย่างมีความสุข เมื่อนางได้ยินเสียงใครบางคนเดินขึ้นบันไดด้านหลังของนางมาจึงคิดว่าเป็นลวี่หลีอย่างแน่นอน

        “ลวี่หลี มีผ้าเช็ดตัวที่ใหญ่กว่านี้หน่อยหรือไม่? ช่วยข้าหาหน่อยสิ! ”

        ทว่าพูดไปนานแล้ว เสียงด้านหลังก็หยุดลงแล้ว ทว่าไม่ได้ยินเสียงของลวี่หลีตอบกลับมาเลย

        “ลวี่… ”

        จู่ๆ ซูจิ่นซีก็รู้สึกถึงบางอย่างแปลกไป ราวกับมีความหนาวเย็น การบีบบังคับ และร่องรอยของความโกรธในอากาศ การหายใจที่พิเศษเช่นนี้มีเพียงผู้เดียวเท่านั้น…

        เยี่ยโยวเหยา!!!

        “อ๊า!… ”

        ซูจิ่นซีหันศีรษะของนางทันที และในขณะที่นางเห็นเยี่ยโยวเหยาที่อยู่ด้านหลังของตน นางก็ตะโกนเหมือนสุกรถูกเชือด รีบกวักน้ำในอ่างขึ้นมาสาดใส่ร่างกายของเยี่ยโยวเหยา

        พร้อมกันนั้นก็รีบกระโดดหนีออกจากอ่างอาบน้ำ

        ทว่าดูเหมือนโชคของซูจิ่นซีจะไม่เข้าข้างนางเลย นางเพิ่งก้าวขาออกจากอ่างอาบน้ำจึงไม่นึกว่าตนจะเหยียบกับสบู่ที่ตกอยู่บนพื้น เสียงกรีดร้องดังขึ้น ทันใดนั้นก็ล้มลงบนร่างกายของเยี่ยโยวเหยาอีกครั้ง

        เยี่ยโยวเหยาพึ่งจะใช้แขนเสื้อกว้างๆ ของตนสะบัดน้ำที่ซูจิ่นซีสาดมา เมื่อเห็นซูจิ่นซีที่ราวกับปลาหมึกเปลือยกายกำลังล้มมาทางตน เดิมทีผู้ที่มีนิสัยรักความสะอาดอย่างรุนแรงเช่นเขาควรจะหลีกเลี่ยงการเข้าไปรับซูจิ่นซีโดยตรง ทว่าคาดไม่ถึงว่าเขาจะใช้ฝีมือและความสามารถรับซูจิ่นซีไว้ได้ทัน

————-

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset