ซือหม่าโยวเย่ว์เริ่มต้นวันเวลาแห่งการฝึกฝนการหลอมยาวิเศษอย่างบ้าคลั่ง ตอนกลางวันเธอหลอมยาวิเศษอยู่ภายในมณีวิญญาณ ส่วนตอนกลางคืนก็ออกมาฟื้นฟูพลังจิต ระหว่างนั้นก็เสริมพลังให้กับต้นผลอสรพิษทองคำไปด้วย
เพื่อช่วยเหลือตระกูลซือหม่าให้ได้ ตอนที่ซือหม่าโยวเย่ว์หลอมยาวิเศษ ส่วนใหญ่มักจะหลอมยาวิเศษที่ใช้บ่อยๆ เป็นประจำ อย่างเช่นยาห้ามเลือด และยาฟื้นปราณ ยาเหล่านี้ล้วนเป็นยาวิเศษที่บรรดาทหารรับจ้างและปรมาจารย์วิญญาณเตรียมเอาไว้ตลอดอยู่แล้ว ตระกูลน่าหลานได้รับความชื่นชอบจากเหล่าทหารรับจ้างก็เพราะราคาต่ำกว่าตระกูลซือหม่าอยู่มากพอสมควรเลยทีเดียว
พูดมาถึงตรงนี้ตระกูลซือหม่าเองก็จนใจ เดิมทีร้านค้าของพวกเขาก็ไม่มียาวิเศษขายเพราะไม่มีนักหลอมยา แต่กลับส่งผลกระทบต่อด้านอื่นๆ ไปด้วย เมื่อไม่มีทางเลือก พวกเขาจึงต้องไปยังร้านค้าอื่นๆ เพื่อเหมายาวิเศษมา ก็จะได้ราคาต่ำลงเล็กน้อย หลังจากนั้นค่อยขายออกไปด้วยราคาปกติ
และด้วยเหตุนี้เอง ตระกูลพวกเขาจึงมิอาจตั้งราคายาวิเศษให้ถูกจนเกินไปได้ เมื่อเห็นตระกูลน่าหลานอาศัยสิ่งนี้มากดดันพวกเขา พวกเขาก็ได้แต่จ้องเขม็งโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย
ตระกูลซือหม่าไม่มีนักหลอมยา นี่คือต้นตอของปัญหาทั้งหมด ซือหม่าเลี่ยก็เคยคิดจะเรียกตัวนักหลอมยามาเช่นกัน แต่ท่าทีเย่อหยิ่งเทียมฟ้าของคนเหล่านั้นทำให้เขาทำไม่สำเร็จในท้ายที่สุด
ซือหม่าโยวเย่ว์ก็เข้าใจ ตอนหลอมยาวิเศษจึงหลอมยาวิเศษที่ใช้บ่อยออกมามากหน่อย นอกจากนี้ยาวิเศษเหล่านี้ยังหลอมได้ง่ายด้วย และภายในมณีวิญญาณยังมีเครื่องยาอยู่ครบถ้วน ผ่านไปหนึ่งเดือน ในมือของเธอก็มียาวิเศษอยู่หลายร้อยขวดแล้ว
วันนี้หลังจากที่เธอหยิบยาวิเศษออกมาจากเตาแล้ว หมัวซาก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเธออีกครั้ง
“ตอนนี้เจ้าลองหลอมยาวิเศษขั้นสองดูได้แล้วล่ะ” หมัวซาพูด
“ได้แล้วหรือ”
ซือหม่าโยวเย่ว์มองหมัวซา ก่อนหน้านี้เขาบอกเอาไว้ว่าหากเขาไม่พูด เธอก็ต้องหลอมยาวิเศษขั้นหนึ่งไปเรื่อยๆ
เธอทำตามที่เขาบอกมาโดยตลอด ถึงแม้เธอจะรู้สึกว่าหลอมยาวิเศษขั้นสองได้ตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว ทว่าเธอยังคงหลอมขั้นหนึ่งต่อไป
หมัวซาพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ถึงแม้ว่าเจ้าจะหลอมยาวิเศษขั้นหนึ่งได้คล่องแคล่วดังใจนึกแล้ว แต่ก็เป็นเพราะวลีที่ว่าการฝึกฝนทำให้เกิดความสมบูรณ์แบบนั่นเพียงคำเดียว ยิ่งหลอมยาวิเศษขั้นหนึ่งได้มาก ก็ยิ่งเพิ่มความเป็นไปได้ในการเข้าสู่การเป็นนักหลอมยาขั้นสองของเจ้า”
“ข้าเข้าใจ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
หมัวซาความคิดวูบไหวคราหนึ่ง กระดาษแผ่นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
“นี่คือตำรับยาพื้นบ้านของยาวิเศษขั้นสองที่พบในห้องหนังสือ ตอนนี้เจ้าฟื้นฟูพลังจิตก่อน หลังจากนั้นก็ท่องจำตำรับยาพื้นบ้านเล่มนี้เสีย ลองดูเอาเองก่อนว่ามีตรงไหนที่ต้องระมัดระวังบ้าง หลังจากนั้นข้าค่อยบอกเจ้าตอนจะหลอมยาก็แล้วกัน”
“อื้ม” ซือหม่าโยวเย่ว์หยิบเอาตำรับยาพื้นบ้านขึ้นมาก่อนจะนั่งลงบนพื้นแล้วเริ่มต้นศึกษา
หมัวซามองเธอตั้งอกตั้งใจศึกษาตำรับยาพื้นบ้านด้วยนัยน์ตาเปล่งประกาย
ในระยะนี้เรียกได้ว่าเขาอยู่กับเธอทั้งวันทั้งคืน เห็นเธอยกระดับทักษะการหลอมยาวิเศษจากขั้นหนึ่งระดับต่ำไปยังระดับสูงกับตาตนเอง โอกาสสำเร็จเพิ่มจากร้อยละหกสิบไปถึงร้อยละเก้าสิบกว่า จำนวนยาวิเศษก็เพิ่มจากเตาละสามเม็ดจนกลายเป็นเตาละเกือบสิบเม็ด!
แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยเห็นผู้ที่มีพรสวรรค์เป็นเลิศและใช้การได้เช่นนี้มาก่อนเลย ความอุตสาหะอันแรงกล้าของเธอทำให้เขาหวั่นไหวเลยทีเดียว
เมื่อนึกถึงว่าตอนนั้นเขาก็โดดเด่นเหนือผู้ใดเช่นกัน แต่ก่อนที่ชีวิตจะเกิดความเปลี่ยนแปลง เขาก็มิได้มุมานะมากเท่ากับเธอ
เขาออกจากห้องหลอมยาเพื่อไม่ให้รบกวนการศึกษาของซือหม่าโยวเย่ว์
ซือหม่าโยวเย่ว์มีทักษะในการผ่านตาแล้วไม่มีวันลืมเป็นทุนอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่ออ่านตำรับยาพื้นบ้านไปรอบหนึ่งก็จดจำเอาไว้ได้หมดแล้ว แต่เธอก็มิได้ไปหลอมยาวิเศษในทันที หากแต่คิดใคร่ครวญซ้ำแล้วซ้ำเล่า วิเคราะห์ตำรับยาพื้นบ้านจนทะลุปรุโปร่งหมดแล้วจึงค่อยลุกขึ้นไปเตรียมตัวเริ่มหลอมยา
เธอลุกขึ้นยืน บนโต๊ะมีเครื่องยาสำหรับหลอมยาวิเศษบัวขาววางอยู่ตั้งแต่เมื่อใดก็มิอาจทราบได้ เธอยิ้มอย่างรู้ทันแล้วหลับตานึกย้อนไปถึงตำรับยาพื้นบ้านอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นจึงลงมือทำการกลั่นพวกมัน
ซือหม่าโยวเย่ว์คุ้นชินกับขั้นตอนการกลั่นเป็นอย่างยิ่งแล้ว ดังนั้นจึงมิได้เกิดปัญหาใหญ่อันใดขึ้นมา หลังจากที่เธอทำการกลั่นเครื่องยาตัวสุดท้ายเรียบร้อยแล้วหมัวซาก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังเธอ
“ยาวิเศษบัวขาวเป็นยาที่ค่อนข้างง่ายในบรรดายาวิเศษขั้นสอง กระบวนการก็ง่ายกว่ายาชนิดอื่นๆ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับยาวิเศษขั้นหนึ่งแล้วก็ซับซ้อนกว่าเล็กน้อย แต่ตรงส่วนเล็กๆ นี้เองที่มีความต้องการต่อพลังจิตสูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง”
เหมือนกับที่เขาพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ สำหรับผู้ฝึกยุทธ์นั้น พลังจิตมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง จะก้าวสู่ก้าวต่อไปได้หรือไม่ ก็ตัดสินกันที่ตรงนี้เอง
“เริ่มกันเลยดีกว่า ข้าจะคอยดูอยู่ข้างๆ ให้เจ้าเอง”
ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าแล้วเริ่มใส่เครื่องยาที่กลั่นเสร็จแล้วเข้าไปโดยอ้างอิงจากลำดับที่เขียนบอกไว้ในตำรับยาพื้นบ้าน
ครั้งแรกนั้นล้มเหลวตามคาด แต่เธอก็มิได้ท้อแท้เลย ความแตกต่างระหว่างยาวิเศษขั้นหนึ่งกับยาวิเศษขั้นสองนั้นมิใช่เรื่องเล็กน้อย การทำไม่สำเร็จในครั้งแรกก็เป็นเรื่องปกติ
เธอพ่นลมหายใจยาวๆ ออกมา ก่อนจะรวบรวมสาเหตุที่ทำให้ล้มเหลวเมื่อครู่ แล้วหยิบเครื่องยามาเริ่มต้นกลั่นสกัดใหม่อีกครั้ง
หมัวซามองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างพึงพอใจ ถ้าหากเป็นก่อนหน้านี้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะดึงตัวเธอมาอยู่ใต้บังคับบัญชาของตน เขาเชื่อว่าเมื่อถึงเวลา เธอจะต้องยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของโลกแน่นอน
ครั้งแรกที่ล้มเหลวนั้นเป็นตอนที่กำลังทำการผสานรวม ส่วนความล้มเหลวครั้งที่สองเป็นตอนที่กำลังผนึกยา ครั้งที่สาม เธอจึงหลอมยาวิเศษบัวขาวเม็ดหนึ่งออกมาได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าสิ่งนี้จะหน้าตาอัปลักษณ์เหมือนยาวิเศษที่เธอหลอมตอนเพิ่งเรียนหลอมยาได้สำเร็จใหม่ๆ ก็ตาม แต่มันก็เป็นสัญญาณว่าเธอก้าวเข้าสู่แถวของนักหลอมยาขั้นสองเรียบร้อยแล้ว
“ใช่แล้ว สามครั้งก็ผ่านข้อกำหนดของการหลอมยาวิเศษขั้นสองได้เรียบร้อยแล้ว” หมัวซาพูด “พอสัมผัสความแตกต่างระหว่างการหลอมยาขั้นหนึ่งกับขั้นสองได้แล้ว เช่นนั้นต่อไปการหลอมยาวิเศษขั้นสองชนิดอื่นๆ ก็จะง่ายดายเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียวล่ะ”
“อื้ม” ซือหม่าโยวเย่ว์มองดูยาวิเศษในมือพลางยิ้มอย่างเบิกบานใจ
“ฟื้นฟูพลังจิตสักหน่อย แล้วค่อยมาต่อ…”
ในขณะที่ซือหม่าโยวเย่ว์ปลีกวิเวกหลอมยา ตระกูลซือหม่าก็ตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง
ณ ห้องหนังสือจวนแม่ทัพ ซือหม่าเลี่ย ซือหม่าโยวหมิง และซือหม่าโยวฉี รวมทั้งพ่อบ้านต่างพากันทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
“ท่านปู่ ร้านค้าเหล่านั้นล้วนไม่เต็มใจจัดหายาวิเศษให้กับพวกเราอีกต่อไปแล้ว” ซือหม่าโยวหมิงพูด “พอพวกเราขายยาวิเศษในตอนนี้หมด ทหารรับจ้างและปรมาจารย์วิญญาณเหล่านั้นก็คงจะไม่มาที่ร้านค้าของพวกเราอีกต่อไปแล้ว กิจการอื่นๆ ก็จะต้องได้รับผลกระทบเพราะเหตุนี้กันหมด”
ซือหม่าโยวฉีฟาดฝ่ามือลงบนโต๊ะด้านข้างพลางเอ่ยอย่างเดือดดาล “ก่อนหน้านี้ยังบอกว่าจะส่งมอบยาวิเศษให้พวกเราตลอด แต่ตอนนี้กลับลำเสียแล้ว จะต้องเป็นเพราะตระกูลน่าหลานเอื้อประโยชน์อะไรให้กับร้านค้าเหล่านั้นอย่างแน่นอน!”
“ตอนนี้มิใช่เวลามาเสาะหาสาเหตุหรอกนะ” ซือหม่าเลี่ยขมวดคิ้วพูด “ยาวิเศษของพวกเรายื้อออกไปได้อีกนานเท่าใดหรือ”
“น่าจะอีกสักครึ่งเดือน” ซือหม่าโยวหมิงพูด “เพราะยาวิเศษของตระกูลน่าหลานราคาถูกกว่าของพวกเรา ดังนั้นคนที่มายังร้านค้าของพวกเราจึงบางตากว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อยเลย มูลค่าการซื้อขายของร้านค้าที่มีอยู่ทั้งหมดก็ลดต่ำลงไปหนึ่งในสามส่วนจนถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว”
“อีกเพียงครึ่งเดือนเท่านั้นเองหรือ”
“ท่านปู่ พวกเราจะหาร้านค้าใหม่และให้พวกเขาจัดหายาวิเศษให้พวกเราให้ได้ภายในครึ่งเดือน” ซือหม่าโยวฉีพูด
“ไม่มีนักหลอมยาของตัวเอง สุดท้ายก็ต้องเป็นปัญหาอีกอยู่ดี” ซือหม่าเลี่ยพูด “พ่อบ้าน เจ้าส่งคนไปเกณฑ์นักหลอมยามา ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีข้อเสนออันใด ขอเพียงแค่อยู่ในขอบเขตที่จวนแม่ทัพยอมรับได้ก็จงรับปากให้หมด”
“ขอรับ ท่านแม่ทัพ” พ่อบ้านทำความเคารพครั้งหนึ่งก่อนจะออกไป
ด้วยความสัมพันธ์ที่จวนแม่ทัพมีต่อนักหลอมยาเหล่านั้นก่อนหน้านี้ การจะหานักหลอมยาสักคนมาโดยเร็วนั้นจึงมิใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด!
“ดูท่าทางคงได้แต่ไปเสาะหานักหลอมยาที่ไม่มีอคติจากโลกภายนอกแล้วล่ะ” พ่อบ้านถอนหายใจก่อนจะออกไปจัดการ
……………………