เจ้าคำรามน้อยเหาะไปอยู่ข้างกายซือหม่าโยวเย่ว์ เมื่อเห็นเธอหยุดลงจึงเอ่ยถาม “เย่ว์เย่ว์ มีอะไรหรือ”
“เจ้าได้ยินเสียงอันใดบ้างหรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“ที่นี่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่เลยด้วยซ้ำ แล้วจะมีเสียงอะไรได้อย่างไร” เจ้าคำรามน้อยตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยจริงๆ
“มีสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดจบแล้วก็วิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนไปถึงตรงหน้าถ้ำใต้ภูเขาแห่งหนึ่ง
“เย่ว์เย่ว์ เจ้ารู้ได้อย่างไรกันว่าที่นี่มีถ้ำอยู่” เจ้าคำรามน้อยติดตามซือหม่าโยวเย่ว์มาเมื่อเห็นถ้ำดำทะมึนจึงเอ่ยถามขึ้น
“ข้าเองก็ไม่รู้ เสียงนั่นพาข้ามาจนถึงที่นี่” ซือหม่าโยวเย่ว์ตอบ
“ภายในนั้นคืออะไรกัน” เจ้าคำรามน้อยถาม
“ไม่รู้สิ เข้าไปดูเดี๋ยวก็จะรู้เอง” ซือหม่าโยวเย่ว์หาท่อนไม้มาท่อนหนึ่ง หลังจากซัดลูกไฟลูกหนึ่งขึ้นให้ลุกไหม้บนท่อนไม้นั้นแล้วก็มุ่งหน้าเข้าไปข้างในพร้อมกับเจ้าคำรามน้อย
ยิ่งเข้าไปข้างใน อุณหภูมิของถ้ำก็ยิ่งสูงขึ้น คล้ายกับจะย่างคนให้ไหม้เกรียมอย่างไรอย่างนั้น
“เย่ว์เย่ว์ ที่นี่ช่างร้อนเหลือเกิน!” เจ้าคำรามน้อยทนไม่ไหวอยู่บ้าง มันไม่เคยหลั่งเหงื่อมาก่อนเลย แต่ในตอนนี้ขนของมันกลับเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเสียแล้ว
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นสภาพของเจ้าคำรามน้อยแล้วก็รีบเก็บมันเข้าไปไว้ภายในมณีวิญญาณ ส่วนตนเองมุ่งหน้าเดินต่อไป
เพราะอุณหภูมิสูงเกินไป ท่อนไม้จึงถูกเผาไหม้จนหมดไปอย่างรวดเร็ว ยังดีว่าก่อนที่เปลวเพลิงจะถูกเผาไหม้จนมอดดับ เธอก็เดินไปจนสุดทางแล้ว มาถึงภายในห้องศิลาที่อยู่ด้านในสุด
เธอหาไข่มุกกระจ่างราตรีเม็ดหนึ่งเจอภายในแหวนที่บิดามอบให้ หลังจากที่หยิบไข่มุกกระจ่างราตรีมาไว้ในมือแล้ว ห้องศิลาก็สว่างไสวขึ้นมาไม่น้อย
ตอนที่เธอเข้ามาอาศัยคลำทางเข้าจากกำแพง ไข่มุกกระจ่างราตรีทำให้ผนังศิลาข้างๆ เธอสว่างไสวขึ้นมา เธอจึงได้รู้ว่าผนังศิลานี้ล้วนเป็นสีแดงทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างระยะหนึ่ง เธอก็ยังรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิอันร้อนระอุที่แผ่ออกมาจากบนกำแพงศิลา
“นี่มันสถานที่อันใดกัน ช่างมีปราณวิญญาณเพลิงเข้มข้นเหลือเกิน ถ้าหากบำเพ็ญอยู่ที่นี่ไม่รู้ว่าระดับขั้นจะเพิ่มพูนไปได้มากเท่าใด” ซือหม่าโยวเย่ว์หลับตาลงสูดกลิ่นครั้งหนึ่งแล้วก็รู้สึกว่ารอบกายทั้งหมดล้วนเต็มไปด้วยจุดแสงสีแดง คล้ายกับว่าจะห่อหุ้มเธอเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น
“เข้มข้นยิ่งกว่าข้างในของข้าเสียอีก!” มณีวิญญาณพูด “เจ้านาย ตอนนี้เจ้าอย่าเพิ่งรีบร้อนออกไปเลย อยู่ฝึกยุทธ์ที่นี่ระยะหนึ่งก่อน จะต้องก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในเวลาสั้นๆ อย่างแน่นอน!”
“ขอข้าดูรอบห้องศิลาให้ทั่วก่อนค่อยเริ่มก็แล้วกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์เองก็ตื่นเต้นอยู่พอสมควร รอให้เธอฝึกยุทธ์ออกไปก่อน ไม่แน่ว่าอาจจะกลายเป็นยอดฝีมือก็เป็นได้!
เธอเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้จุดศูนย์กลางของห้องศิลา ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่ประตูทางเข้าห้องศิลาก็เห็นแล้วว่าตรงกลางมีเงาเลือนรางอยู่ เพราะว่าแสงสว่างไม่เพียงพอเธอจึงมองไม่เห็นว่าสิ่งนั้นคืออะไรกันแน่
“ไข่สัตว์อสูรนี่!” ในขณะที่ซือหม่าโยวเย่ว์อยู่ห่างจากไข่สัตว์อสูรไปหนึ่งช่วงแขน ไข่สัตว์อสูรนั้นก็เปล่งประกายสีแดงออกมาในทันใด บาดตาเสียจนเธอต้องรีบยกแขนขึ้นมาบังดวงตาไว้
เมื่อประกายเจิดจ้าจางหายไปเธอจึงวางแขนลง มองเห็นไข่สัตว์อสูรเปล่งประกายสีแดงอ่อนจาง ทำให้ทั่วทั้งห้องศิลาสว่างขึ้นมา ทำให้เธอมองเห็นสภาพแวดล้อมของที่นี่ได้อย่างชัดเจน
นอกจากเธอกับไข่สัตว์อสูรฟองนี้แล้ว ในห้องศิลาก็ไม่มีสิ่งอื่นใดอยู่อีก และไข่สัตว์อสูรฟองนี้ก็มีความสูงพอๆ กับช่วงอกของเธอเลยทีเดียว คาดว่าเธอใช้ทั้งสองแขนก็ไม่อาจโอบรอบมันได้
ด้านบนของไข่สัตว์อสูรมีลวดลายคล้ายเปลวเพลิงหลายกอง ทำให้เธอมองเสียจนเคลิบเคลิ้มหลงใหล อดที่จะยื่นมือออกไปสัมผัสมิได้
แถบผ้าที่มัดอยู่บนมือขวา เพราะว่าอุณหภูมิสูงเกินไป เธอจึงถอดทิ้งไปตั้งแต่อยู่ในอุโมงค์แล้ว ในขณะที่บาดแผลสัมผัสถูกไข่สัตว์อสูรนั้นเอง ทั้งฝ่ามือของเธอก็คล้ายกับถูกดูดซับเข้าไปที่ด้านบนของเปลือกไข่หลังจากที่ไข่สัตว์อสูรได้ดูดซับฝ่ามือของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วอุณหภูมิก็พุ่งสูงขึ้นอย่างฉับพลัน ซือหม่าโยวเย่ว์รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเนื้อตรงฝ่ามือของตนกำลังถูกย่าง ถึงขนาดที่เธอได้กลิ่นเนื้อไหม้เสียด้วยซ้ำ
เธอคิดจะดึงมือของตัวเองกลับมา แต่พละกำลังในร่างกายคล้ายจะไหลออกไปกับหยาดโลหิตด้วย เธอทำได้เพียงแค่ยืนอยู่ที่นั่นนิ่งๆ มองดูเลือดของตัวเองไหลออกมาจากฝ่ามือไปบนไข่สัตว์อสูร ก่อนจะก่อตัวเป็นอักขระแปลกประหลาด หลังจากนั้นก็หลอมรวมเข้าด้วยกัน
“ด้วยโลหิตของเจ้า เข้าครอบครองร่างข้า พาสายโลหิตเชื่อมสัมพันธ์ ชั่วนิรันดร์ร่วมเป็นตาย เปล่งประกายพันธสัญญา เจิดจรัสทั่วฟ้าดิน มนุษย์เอ๋ย เจ้าต้องการจะทำพันธสัญญากับข้าหรือไม่” น้ำเสียงจริงจังเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้สมองที่เกือบจะสิ้นสติของซือหม่าโยวเย่ว์กระจ่างขึ้นมาในทันที
ความเจ็บปวดอย่างสาหัสทำให้ร่างกายของเธอสั่นสะท้านไปหมด ถึงจะกัดฟันก็ยังคงไม่หยุดสั่น เมื่อได้ฟังน้ำเสียงที่แฝงความกดดันเอาไว้เสียงนั้นแล้ว แม้ว่าเธออยากจะเอ่ยคำพูดแต่ก็มิอาจส่งเสียงใดๆ ออกมาได้เลย
“เจ้าต้องการหรือไม่” เมื่อไม่ได้ยินคำตอบของซือหม่าโยวเย่ว์ เสียงนั้นจึงถามขึ้นอีกรอบหนึ่ง
“ข้า…ต้อง…ต้องการ…” เธอเค้นคำพูดลอดไรฟันออกมาได้ไม่กี่พยางค์อย่างยากลำบาก เพียงแค่นี้ก็ใช้พละกำลังในร่างกายเธอไปจนหมดสิ้นแล้ว
เมื่อเธอเปล่งเสียงออกไป ใต้เท้าของเธอก็มีลวดลายรูปร่างดาวห้าแฉกอันหนึ่งปรากฏขึ้นมา ประกายสีเงินยวงที่เปล่งออกมาโอบล้อมเธอกับไข่สัตว์อสูรเข้าไว้ด้วยกัน เธอรู้สึกว่าความเจ็บปวดบนร่างกายหายไปเป็นปลิดทิ้ง ร่างกายสดชื่นราวกับเดินเล่นอยู่ในสายน้ำอันอบอุ่น
ดาวห้าแฉกค่อยๆ หดเล็กลงอย่างช้าๆ ในที่สุดก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงสีขาวสองสาย สายหนึ่งแทรกผ่านเข้าไปยังทรวงอกของเธอ อีกสายหนึ่งพุ่งเข้าไปภายในไข่สัตว์อสูร ก่อให้เกิดการทำพันธสัญญา
เธอลูบทรวงอกของตนเอง สัมผัสถึงสายสัมพันธ์กับไข่สัตว์อสูรที่อยู่ตรงหน้าใบนี้ได้จากบริเวณนั้น
เธอถูกไข่สัตว์อสูรฟองหนึ่งทำพันธสัญญาเข้าแล้วอย่างนั้นหรือ!
ยังไม่ทันได้คิดใคร่ครวญถึงปัญหาข้อนี้ เธอก็รู้สึกว่าพลังวิญญาณวิ่งวนไปมาอยู่ภายในร่างกาย พลังภายในร่างกายพุ่งสูงขึ้นอย่างฉับพลัน และใต้ฝ่าเท้าก็มีดาวดวงน้อยดวงหนึ่งปรากฏขึ้น ซึ่งก็คือสัญลักษณ์แทนระดับพลังวิญญาณของเธอนั่นเอง
หลังจากนั้น ในขณะที่เธอกำลังปากอ้าตาค้างอยู่ จากดาวดวงน้อยหนึ่งดวงก็กลายเป็นสองดวง จากสองดวงกลายเป็นสามดวง สามดวงกลายเป็นสี่ดวง และห้าดวง จนกระทั่งดวงดาวทั้งหมดเก้าดวงปรากฏขึ้น จากนั้นดวงดาวทั้งเก้าดวงก็ค่อยๆ เคลื่อนเข้าใกล้กันอย่างช้าๆ ก่อนจะมารวมเข้าด้วยกัน หลังจากนั้นก็ค่อยๆ แยกตัวออกมากลายเป็นดวงจันทร์ดวงหนึ่งกับดวงดาวอีกดวง
ดาวดวงน้อยดวงนั้นสั่นไหว ข้างกายคล้ายกับว่ายังมีดาวอีกดวงหนึ่งกำลังจะออกมา แต่ว่าในท้ายที่สุดก็หยุดลงไปเสียก่อน
“ปรมาจารย์วิญญาณ ปรมาจารย์วิญญาณขั้นที่หนึ่ง!” ซือหม่าโยวเย่ว์มองดูระดับขั้นที่ใต้ฝ่าเท้า จนกระทั่งลำแสงแห่งการเลื่อนระดับเลือนหายไปแล้วเธอก็ยังมิได้สงบท่าทีลงเลย
ก่อนหน้านี้เธอเคยได้ยินมาก่อนแล้วว่าการทำพันธสัญญาจะทำให้พละกำลังของคนเพิ่มพูนขึ้น แต่คิดไม่ถึงว่าตนทำพันธสัญญากับไข่สัตว์อสูรเพียงฟองหนึ่ง ไม่ถูกสิ เป็นการถูกไข่สัตว์อสูรฟองหนึ่งทำพันธสัญญาต่างหาก ถึงกับทำให้เลื่อนขึ้นไปหนึ่งระดับขั้นใหญ่เลยทีเดียว!
“การเลื่อนระดับนี้รวดเร็วเหมือนกับการดื่มน้ำเลยนะ!” เธออุทานออกมาอย่างอดไม่ได้
“เย่ว์เย่ว์ นั่นเป็นเพราะว่าสัตว์อสูรที่เจ้าทำพันธสัญญาด้วยนั้นมิใช่สัตว์อสูรธรรมดาทั่วไปน่ะสิ!”
เจ้าคำรามน้อยที่อยู่ภายในมณีวิญญาณพูด “การทำพันธสัญญานั้นยิ่งมีพลังยิ่งใหญ่ เป็นสัตว์อสูรวิเศษที่มีสายโลหิตสูงส่ง พลังที่ปรมาจารย์วิญญาณได้รับยิ่งเพิ่มมากขึ้น”
“น่าประหลาดนัก!” เจ้าวิญญาณน้อยพูด
“มีอะไรหรือ”
“ตอนที่ข้าเข้ามาก็มิอาจสัมผัสได้เลยว่าที่นี่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอยู่ เช่นนี้ก็พูดได้ว่าไข่สัตว์อสูรฟองนั้นเป็นไข่มรณะ” เจ้าวิญญาณน้อยเอ่ยอย่างสงสัย “แต่ตอนที่โลหิตของเจ้าหยดลงไปบนร่างกายของมัน ราวกับมันมีชีวิตขึ้นมาก็ไม่ปาน”
“จริงหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์สัมผัสถึงสายสัมพันธ์กับไข่สัตว์อสูรรอบหนึ่งแล้วก็แน่ใจว่าตอนนี้ไข่สัตว์อสูรฟองนี้คือไข่ที่มีชีวิตฟองหนึ่ง
นอกจากนี้เสียงตอนทำพันธสัญญาเมื่อครู่ ก็มิใช่เสียงที่มันเปล่งออกมาหรอกหรือ
“ข้าแน่ใจ” เจ้าวิญญาณน้อยพูด “ไข่สัตว์อสูรฟองนี้ดูแล้วไม่เหมือนไข่สัตว์อสูรที่เพิ่งเกิด ถ้าหากก่อนหน้านี้มิใช่ไข่มรณะแล้วละก็ ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะยกระดับไปได้มากกว่านี้อีก”
ฉับพลันไข่สัตว์อสูรก็ขยับขึ้นมาคราหนึ่ง ขณะที่ซือหม่าโยวเย่ว์กำลังคิดว่ามันจะฟักตัวออกมา ไข่สัตว์อสูรก็พุ่งเข้ามาอย่างฉับพลันแล้วเจาะเข้ามาภายในร่างกายของเธอ
“อ๊ะ…”
ในขณะที่ไข่สัตว์อสูรเข้าไปภายในร่างกายนั้นเอง เธอก็รู้สึกคล้ายกับว่าร่างกายกำลังเผาไหม้ขึ้นมาในบันดล เปลวเพลิงกองหนึ่งห่อหุ้มตัวเธอไว้
…………………………
Related