พอมาถึงห้องทำงานอาจารย์ใหญ่แล้วทุกคนยืนแบ่งออกเป็นสองฝั่งอย่างรู้ตัว น่าหลานหลานยืนอยู่ด้านหลังผู้อำนวยการ ส่วนซือหม่าโยวเย่ว์และซือหม่าโยวเล่อยืนอยู่ด้านหลังเฟิงจือสิง เหอชิวจือมองๆ ดูแล้วก็มายืนอยู่ด้านข้างของซือหม่าโยวเย่ว์
อาจารย์ใหญ่นั่งลงบนที่นั่งแล้วมองผู้อำนวยการพลางพูดว่า “พวกเจ้าจัดการเรื่องราวของวิทยาลัยกันเช่นไร จนทำให้เกือบจะเกิดเรื่องฆ่าแกงกันอยู่แล้ว!”
“อาจารย์ใหญ่ขอรับ เป็นซือหม่าโยวเย่ว์ที่ลงมือหมายจะสังหารน่าหลานหลาน ข้าคิดจะหยุดยั้งแต่กลับถูกอาจารย์เฟิงขัดขวางเอาไว้ ท่านควรจะลองถามอาจารย์เฟิงดูสักหน่อยว่าเพราะเหตุใดจึงต้องขวางข้าด้วยเล่า!” ผู้อำนวยการปัดความรับผิดชอบทั้งหมดให้กับซือหม่าโยวเย่ว์และเฟิงจือสิง
อาจารย์ใหญ่มองเฟิงจือสิงด้วยสีหน้าเยียบเย็น แต่ยังมองออกว่าไฟโทสะลุกโชน ว่ากันว่ายามที่เขาเกิดโทสะนั้นน่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ซือหม่าโยวเย่ว์อดเป็นกังวลแทนเฟิงจือสิงมิได้ เกรงว่าอาจารย์ใหญ่จะทำให้เขาเดือดร้อน
แต่อาจารย์ใหญ่กลับตะคอกใส่ผู้อำนวยการในทันใด “เจ้าคิดว่าวิทยาลัยแห่งนี้จะสนใจแต่สิ่งที่เจ้าพูดอย่างนั้นหรือ ถึงแม้ว่าข้าจะมิได้สนใจเรื่องภายในวิทยาลัยแต่อย่างใด แต่ข้าก็มิใช่คนหูหนวกตาบอดหรอกนะ ข้าอยู่ที่นี่ย่อมเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในจัตุรัสได้อย่างกระจ่างชัดเจน! ตอนนี้เจ้ายังคิดจะปัดความรับผิดชอบให้กับผู้อื่นอีก ข้าว่าผู้อำนวยการอย่างเจ้าช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี! อยากสละตำแหน่งใช่หรือไม่ ข้าจะได้ให้คนมารับตำแหน่งแทนเจ้าเดี๋ยวนี้เลย!”
“มิใช่นะขอรับ อาจารย์ใหญ่ ข้า…” ผู้อำนวยการคิดจะอธิบาย แต่กลับถูกอาจารย์ใหญ่จ้องกลับไป
“หินเสียงเล่า” อาจารย์ใหญ่ถาม
เฟิงจือสิงก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งแล้ววางหินเสียงลงบนโต๊ะ
อาจารย์ใหญ่หยิบหินเสียงขึ้นมาแล้วส่งพลังวิญญาณเข้าไปข้างใน เสียงสนทนาเมื่อครู่ดังขึ้นอีกครั้ง เขาฟังไปพลางกวาดสายตาทิ่มแทงผู้อำนวยการราวกับมีด ความหมายก็คือชัดเจนถึงขนาดนี้แล้วเจ้ายังตัดสินเช่นนั้นออกมาได้อีก น่ากลัวเสียจนทำให้ผู้อำนวยการหลั่งเหงื่อเยียบเย็น
หลังฟังเสียงบันทึกจบ อาจารย์ใหญ่มองน่าหลานหลานพลางเอ่ยว่า “เจ้ายังมีสิ่งใดจะพูดอีกหรือไม่”
น่าหลานหลานส่งเสียงเฮอะเยียบเย็นแล้วเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็จัดการเรื่องการไล่ออกเสียเถอะ” อาจารย์ใหญ่พูด “เหอชิวจือ เจ้าก็เช่นกัน พวกเจ้าสองคนกลับไปเก็บข้าวของออกจากวิทยาลัยเสีย ต่อจากนี้เป็นต้นไปพวกเจ้าก็มิใช่นักเรียนของวิทยาลัยอีกแล้ว ตอนนี้กลับไปเก็บข้าวของได้แล้ว”
น่าหลานหลานนำออกไปก่อน ตอนที่ผ่านข้างกายซือหม่าโยวเย่ว์ก็ทิ่มแทงเธอด้วยสายตาครั้งหนึ่ง
เหอชิวจือเห็นว่าเหตุการณ์ได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว เพียงแค่จากไปอย่างไม่เต็มใจเท่านั้น
“สำหรับเจ้า เป็นถึงผู้อำนวยการแต่กลับตัดสินอย่างไม่เป็นธรรม ฉ้อโกงเล่นพรรคเล่นพวก พักงานหนึ่งปี ระหว่างนี้จะมีคนมารับตำแหน่งแทนเจ้า ส่วนเจ้ากลับบ้านไปเข้าฌานทบทวนตัวเองให้ดีๆ เถิด!” อาจารย์ใหญ่พูดกับผู้อำนวยการ
ผู้อำนวยการคิดจะแก้ตัว แต่เมื่อเห็นสายตาเด็ดขาดของอาจารย์ใหญ่แล้วจึงได้แต่กลืนคำพูดกลับลงไปแล้วหมุนกายเดินออกมา
ซือหม่าโยวเย่ว์ลูบจมูกตัวเอง เรื่องนี้จัดการเสร็จเรียบร้อยเช่นนี้หรือ
ไม่ว่าจะพูดอย่างไรน่าหลานหลานผู้นี้ก็ถูกไล่ออกไปแล้ว นับได้ว่าเป้าหมายข้อแรกของเธอสำเร็จเรียบร้อยแล้ว
“เฮอะ!”
ตอนนี้ภายในห้องยังเหลือซือหม่าโยวเล่อและซือหม่าโยวเย่ว์ เฟิงจือสิง รวมถึงอาจารย์ใหญ่อยู่ เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ยังคงฟุ้งซ่านอยู่ อาจารย์ใหญ่ส่งเสียงเฮอะเสียงหนึ่งเพื่อดึงสติของเธอกลับมา
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นอาจารย์ใหญ่มองตนอยู่จึงรีบยืนให้นิ่งๆ เพื่อแสดงท่าทีของนักเรียนที่ดี
“เจ้ามาแกล้งทำเชื่อฟังอะไรกันตอนนี้!” อาจารย์ใหญ่มองดูท่าทีที่ซือหม่าโยวเย่ว์แสดงออกมาแล้วพูดขึ้น “เจ้ารู้หรือไม่ว่าถ้าหากข้าไม่ลงมือ วันนี้เจ้าก็ต้องถูกไล่ออกเช่นกัน! รังแกเพื่อนนักเรียน เจ้าช่างกล้าไม่น้อยเลยจริงๆ!”
ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มยิงฟันแล้วพูดว่า “มิใช่เพราะข้ารู้ว่าท่านอาจารย์ใหญ่ต้องมาแน่นอนจึงกล้าทำเช่นนี้หรอกหรือขอรับ”
“เจ้ารู้อย่างนั้นหรือ” อาจารย์ใหญ่เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ
“ถูกต้องแล้วขอรับ! ท่านยืนดูอยู่ที่หน้าต่างนี่ตั้งเนิ่นนานถึงเพียงนั้น ย่อมไม่มีทางมองดูพวกเราทำเรื่องวุ่นวายใหญ่โตอยู่แล้ว!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“เจ้ารู้ว่าข้าดูอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ” อาจารย์ใหญ่และเฟิงจือสิงประสานสายตากัน การที่เฟิงจือสิงค้นพบเขานั้นเป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง เพราะพลังยุทธ์เกินหยั่งรู้ของเขานั่นเอง แต่ซือหม่าโยวเย่ว์ก็รู้ด้วยหรือว่าเขาสังเกตการณ์อยู่
“ใช่แล้ว ท่านอยู่ที่นี่ตั้งแต่ตอนที่พวกอาจารย์เฟิงมาถึงจัตุรัสแล้วนี่ขอรับ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างมั่นใจ
เธอสัมผัสได้ถึงสายตาที่มองมาจากที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว คนที่มองออกไปจากที่นี่ได้ นอกจากอาจารย์ใหญ่แล้วจะยังมีใครอีกเล่า
ชาติก่อนเป็นมือสังหาร จึงไวต่อสายตาเช่นนี้เป็นที่สุดอยู่แล้ว และสิ่งที่เธอเชี่ยวชาญที่สุดคือการซ่อนตัวเองและการค้นหาตัวผู้อื่น เธอจึงสัมผัสถึงสายตาที่มิได้ซ่อนเร้นเลยแม้แต่น้อยของอาจารย์ใหญ่ได้ตั้งแต่แรกแล้ว
“ดังนั้นเจ้าจึงได้ใช้วิธีการเช่นนี้มาเรียกให้ข้าต้องออกไปอย่างนั้นน่ะหรือ” อาจารย์ใหญ่พูด
ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้า
“ผู้อำนวยการผู้นี้มีจิตใจลำเอียงคิดปกป้องน่าหลานหลาน มีเพียงแค่ท่านเท่านั้นที่หยุดเขาได้ ทว่าท่านเอาแต่ยืนดูเรื่องสนุกอยู่ที่นี่โดยไม่เผยตน ข้าจึงหมดหนทางอย่างไรเล่า!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางทอดถอนใจ “แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าหากเมื่อครู่ข้าหุนหันพลันแล่นสักหน่อย หรือว่ามือไวอีกนิด ขยับมืออีกสักหน่อย…”
เมื่อเห็นสีหน้าของอาจารย์ใหญ่เข้มขึ้นเรื่อยๆ เสียงของซือหม่าโยวเย่ว์ก็เบาลงเรื่อยๆ และคำพูดสุดท้ายก็ติดอยู่ในคอหอยแล้วถูกกลืนกลับลงไป
“ข้ารับปากท่านปู่เจ้าว่าจะจัดการเรื่องนี้ของเจ้าให้เรียบร้อย คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะจับตัวคนร้ายออกมาเองได้ ตอนนี้ก็นับว่าได้ทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแล้ว เจ้าอยากจะทำอะไรนอกวิทยาลัยข้าไม่สนใจหรอกนะ แต่ตระกูลน่าหลานนี้มิอาจล่วงเกินได้โดยง่าย ตอนนี้ตระกูลพวกเจ้าก็เป็นปรปักษ์กับพวกเขาแล้ว จะทำอะไรเองก็ต้องระมัดระวังด้วย” อาจารย์ใหญ่พูด
ความคิดอันแยบยลของตนถูกเปิดเผยเสียแล้ว ซือหม่าโยวเย่ว์ก็ไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจ จึงหัวเราะหึๆ ออกมา
อาจารย์ใหญ่โบกไม้โบกมือพลางพูดว่า “พวกเจ้าสองคนกลับไปเสียเถิด ข้ากับอาจารย์เฟิงมีเรื่องต้องคุยกันสักหน่อย”
“ขอรับ อาจารย์ใหญ่!”
ซือหม่าโยวเย่ว์และซือหม่าโยวเล่อออกมาแล้วก็ประสานสายตากันครั้งหนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมา
ซือหม่าโยวเล่อเช็ดเหงื่อเยียบเย็นบนหน้าผากพลางพูดว่า “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้าทำเช่นนี้ท่ามกลางสายตามากมายที่จับจ้องอยู่ แล้วยิ่งคิดไม่ถึงว่าอาจารย์ใหญ่จะมิได้สอบสวนเลยด้วย เจ้าทำให้ข้าตกใจแทบตายแล้วจริงๆ!”
“หึๆ ใครใช้ให้เจ้าผู้อำนวยการนั่นน่ารำคาญถึงเพียงนั้นกันเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์วางมือลงบนบ่าของซือหม่าโยวเล่อแล้วพูดว่า “แต่ธิดาแห่งสวรรค์ของพวกเขาถูกไล่ออกเสียแล้ว ตระกูลน่าหลานย่อมไม่มีทางอยู่เฉยอย่างแน่นอน เกรงแต่ว่าพวกเขาจะทำให้ท่านปู่เดือดร้อนน่ะสิ”
“อืม ก็มีความเป็นไปได้อยู่นะ” ซือหม่าโยวเล่อพยักหน้า “ข้ากลับไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้ท่านปู่ฟังก่อนดีกว่า ให้เขาระวังตัวสักหน่อย”
“ก็ได้ รบกวนท่านด้วยนะ ท่านพี่สี่”
“ขอบคุณอะไรกันเล่า ใครใช้ให้ข้าเป็นพี่สี่ของเจ้ากัน! ข้าไปก่อนนะ” ซือหม่าโยวเล่อตบบ่าซือหม่าโยวเย่ว์ก่อนจะเดินก้าวยาวๆ จากไป
ซือหม่าโยวเย่ว์มองเงาหลังที่จากไปของเขาแล้วยิ้มจางๆ ตนก่อเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้ แต่เขากลับไม่ตำหนิตนเลยแม้แต่ประโยคเดียว มีคนในครอบครัวเช่นนี้ช่างโชคดีเสียจริง!
พอผลักประตูใหญ่ของเรือนพักเข้ามาก็เห็นเจ้าอ้วนชวีและเว่ยจือฉีนั่งอยู่ในศาลาพักร้อนของบ้าน พอเห็นเธอเข้าแล้วเจ้าอ้วนชวีก็กวักมือเรียกทันทีเธอเดินเข้าไปแล้วนั่งลงพลางเอ่ยว่า “พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่ที่นี่หรือ”
“รอเจ้าอย่างไรเล่า!” เจ้าอ้วนชวีพูด “อาจารย์ใหญ่คงมิได้ทำให้เจ้าลำบากกระมัง”
“ไม่เลย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว” เจ้าอ้วนชวีถอนหายใจ เขากลัวอยู่ว่าซือหม่าโยวเย่ว์อาจถูกไล่ออกเช่นเดียวกัน เช่นนั้นหลังจากนี้ตนก็จะมิได้กินของอร่อยอีกต่อไปแล้ว
“ต่อจากนี้เจ้าคิดจะทำอย่างไรหรือ นกสองหัวอย่างเหอชิวจือผู้นี้อาจจะออกจากเมืองหลวงไปแล้ว” เว่ยจือฉีถาม
“ข้าไม่ต้องทำอะไรเหอชิวจือผู้นั้นหรอก ตระกูลน่าหลานไม่มีทางปล่อยนางไปแน่” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ตอนนี้น่าหลานหลานถูกไล่ออกไปแล้ว ต่อจากนี้ก็เป็นเรื่องของตระกูลน่าหลานกับตระกูลซือหม่าแล้วล่ะ”
“เจ้าก็ต้องระวังน่าหลานฉี น้องชายของน่าหลานหลานผู้นั้นเอาไว้ด้วย” เว่ยจือฉีเอ่ยเตือน
“อืม ข้าจะระวัง” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ต่อจากนี้ก็ต้องรีบฝึกยุทธ์ให้เร็วที่สุดเพื่อรอออกไปปฏิบัติภารกิจกับพวกเจ้าแล้ว”
…………………………………………
Related