“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าท่านปู่มาที่นี่” ซือหม่าโยวหรานจ้องมองซือหม่าโยวเย่ว์ สายตานั้นทำเอาเธออกสั่นขวัญแขวน
“แค่กๆ เรื่องนี้ วันนั้นข้าเห็นเขาน่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “ท่านพี่สาม พวกท่านก็มาที่นี่กันตั้งนานแล้วมิใช่หรือ แล้วรู้ได้อย่างไรกันว่าท่านปู่อยู่ที่นี่”
“เมื่อวานตอนเช้าพวกเราพบท่านปู่เข้า เขาบอกว่าจะรออยู่ที่เมืองเหยียนอีกหลายวัน ถ้าหากพวกเราออกไปได้แล้วให้ไปหาเขา” ซือหม่าโยวหรานพูด “เจ้าอย่าคิดจะเบี่ยงประเด็นเลย เมื่อวานท่านปู่ไม่เห็นบอกเลยว่าได้พบเจ้าในภูเขา ชัดเจนว่าเขาไม่รู้ว่าเจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วย บอกมา เจ้าไปเห็นท่านปู่ที่ไหน เจ้าแอบวิ่งไปช่วงชิงผลอสรพิษทองคำมาใช่หรือไม่”
เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของซือหม่าโยวหราน ซือหม่าโยวเย่ว์จึงฝังหน้าลงในหมอนแล้วพูดว่า “ข้าก็แค่ไปดูมารอบหนึ่งเท่านั้น ดูอยู่ไกลแสนไกล ไม่ได้เข้าไปเสียหน่อย”
“จะให้ข้าเชื่อเจ้าหรือ!” ซือหม่าโยวหรานเห็นท่าทางเช่นนั้นของซือหม่าโยวเย่ว์ก็รู้แล้วว่าเธอจะต้องมิได้ดูอยู่ห่างๆ อย่างแน่นอน
เมื่อซือหม่าโยวเล่อได้ยินว่าซือหม่าโยวเย่ว์ไปช่วงชิงผลอสรพิษทองคำมาด้วย จึงรีบเอ็ดตะโรขึ้นมาในทันใด ”น้องห้า เจ้าไปสถานที่อันตรายเช่นนั้นได้อย่างไร เจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าของสิ่งนั้นดึงดูดขุมอำนาจและสัตว์อสูรวิเศษทั้งหลายเข้าไปมากมายเพียงไหน สถานที่อันตรายถึงเพียงนั้น แต่เจ้ายังวิ่งเข้าไปชมความคึกคักได้ เจ้านี่มันช่าง… ถ้าหากท่านปู่รู้เข้า เจ้าคอยดูสิว่าท่านปู่จะจัดการเจ้าอย่างไร!”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ของซือหม่าโยวเล่อ ซือหม่าโยวเย่ว์ก็เงยหน้าขึ้นมาทันที
“ท่านพี่สาม ท่านพี่สี่ ท่านต้องช่วยข้าเก็บเป็นความลับนะ อย่าให้ท่านปู่รู้เรื่องนี่เป็นอันขาด” ซือหม่าโยวเย่ว์มองคนทั้งสองอย่างขมขื่นแล้วกะพริบตาปริบๆ เริ่มเลือกเดินเส้นทางน่ารักไร้เดียงสา
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ให้เธอแสดงกิริยาเช่นนี้ เธอจะต้องรู้สึกไม่ชินอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้อาจเป็นเพราะผู้ที่เผชิญหน้าอยู่เป็นคนใกล้ชิด ดังนั้นจึงไม่รู้สึกเคอะเขินเลยแม้แต่น้อย
“เฮอะ เรื่องใหญ่โตขนาดนี้ พวกเราจะช่วยเจ้าปกปิดเอาไว้ได้อย่างไร” ซือหม่าโยวหรานเอ่ยตำหนิด้วยสีหน้าเย็นชา “เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับเจ้า พวกเราจะทำอย่างไร แล้วท่านปู่จะเจ็บปวดใจสักเพียงไหน”
“ข้าผิดไปแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์ยอมรับผิดอย่างจริงใจ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดล้วนตกไปหมดสิ้นเมื่อต้องเผชิญกับความกังวลใจของคนในครอบครัว
“รู้ตัวว่าผิดก็ดีแล้ว!” ซือหม่าโยวเล่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ถูกซือหม่าโยวหรานตำหนิด้วยสีหน้าเย็นชาก็เจ็บปวดใจอยู่บ้าง จึงช่วยพูดแทนเธอ
“เอาละ ท่านพี่สาม ท่านอย่าโมโหอีกเลยนะ ข้าก็แค่ไปแอบดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้นเอง จากนี้ไปจะไม่ทำอีกแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์น้ำเสียงจริงใจ ขาดเพียงแค่ไม่ได้ตบหน้าอกรับประกันเท่านั้นเอง
“เฮอะ!” ซือหม่าโยวหรานไม่ได้พูดเก่งเหมือนซือหม่าโยวเล่อ ได้แต่ตีสีหน้าเย็นชามาโดยตลอด
ซือหม่าโยวเล่อขยิบตาให้ซือหม่าโยวเย่ว์ เธอเข้าใจความหมายในทันที จึงดึงแขนเสื้อของซือหม่าโยวหรานแล้วเขย่าไปมา
“ท่านพี่สาม ข้ารู้ซึ้งในความผิดของข้าแล้ว ท่านอย่าได้โกรธอีกเลยนะ พอท่านโมโหขึ้นมาทีข้าก็อกสั่นขวัญแขวนไปหมด โอ๊ย บาดแผลข้าเจ็บขึ้นมาอีกแล้ว”
“น้องห้า เจ้าเจ็บตรงไหนหรือ” ซือหม่าโยวเล่อถามอย่างเป็นกังวล
“โอ๊ย… ตรงไหนก็เจ็บไปหมดเลย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างน่าสงสาร
“พอกันที ข้ารู้น่ะว่าเจ้าแกล้งทำ” ซือหม่าโยวหรานมองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างจนใจ เหตุใดตอนนี้เจ้าเด็กคนนี้จึงได้เหลี่ยมจัดขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากนัก “เรื่องนี้พวกเราจะไม่บอกท่านปู่ก็ได้ แต่คราวหน้าหากเจ้ายังกล้าทำอะไรไม่รู้จักหนักเบาเช่นนี้อีก อย่าว่าแต่บอกท่านปู่เลย ข้านี่แหละจะลงโทษเจ้าเป็นคนแรกเอง!”
รู้อยู่ว่าหากซือหม่าโยวหรานพูดเช่นนี้ แสดงว่าเรื่องนี้ก็จบลงเรียบร้อยแล้ว ซือหม่าโยวเย่ว์จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คราวหน้าข้าจะไม่ทำอีกแล้ว!”
พูดจบเธอก็แอบเติมประโยคหนึ่งในใจว่า คราวหน้าไม่มีทางให้พวกท่านรู้แน่นอน!
ถ้าหากล่วงรู้ความคิดในใจของเธอ ซือหม่าโยวหรานจะต้องโมโหเธอจนตายแน่
“เอาละ วันนี้ก็พักฟื้นต่อไปก่อน พรุ่งนี้มาดูกันว่าร่างกายของเจ้าเป็นอย่างไร ถ้าหากไม่ไหว พวกเราก็รอกันอีกสักวัน ข้าขอไปหารือกับพวกเขาเรื่องการเดินทางกันสักหน่อยดีกว่า”
ซือหม่าโยวหรานพูดจบก็เดินออกไป ซือหม่าโยวเล่อที่เดินตามหลังหันมาทำท่าโอเค ให้ซือหม่าโยวเย่ว์ หลังจากนั้นจึงค่อยหมุนกายเดินออกไป
ซือหม่าโยวเย่ว์ซุกหน้าลงในหมอนอีกครั้ง ในใจโอดครวญว่าทำผิดพลาดเรื่องตื้นๆ เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ก็รู้สึกอบอุ่นใจเพราะความห่วงใยของคนในครอบครัว
หลังจากที่พวกซือหม่าโยวหรานออกไป เว่ยจือฉีก็พยุงเป่ยกงถังเข้ามา ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งห้าคนเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยเพราะสถานะที่เปลี่ยนไปของเธอ อย่างน้อยเป่ยกงถังก็คุยเรื่องผู้หญิงๆ กับเธอได้แล้ว
ถึงแม้ว่าวันนี้เธอยังคงนอนอยู่บนเตียง แต่บาดแผลของเธอก็สมานกันได้ดีอย่างรวดเร็วชนิดที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
วันรุ่งขึ้น ซือหม่าโยวเย่ว์ยืนกรานจะเดินทางโดยไม่สนใจว่ายังปวดกระดูกอยู่เล็กน้อยเพื่อไม่ให้แผนการเดินทางของทุกคนล่าช้า ซือหม่าโยวหรานก็ขัดเธอมิได้ จึงได้แต่ให้ทุกคนออกเดินทาง
ทว่าก่อนจะออกจากหุบเขา พวกเขายังมีบางเรื่องที่ต้องจัดการอยู่อีก
“โยวเย่ว์ จะปลุกพวกเขาขึ้นมาตอนนี้เลยหรือไม่” เจ้าอ้วนชวีถาม
“อืม ถ้าหากพวกเขาไม่ตื่นขึ้นมา เรื่องนี้จะนับว่ายุติธรรมได้อย่างไรเล่า!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางหยิบขวดยาใบหนึ่งออกมาโยนให้เจ้าอ้วนชวี “วางสิ่งนี้ให้พวกเขาดมใต้จมูกสักครู่หนึ่ง”
เจ้าอ้วนชวีทำตาม เพียงครู่เดียวหลังจากที่ได้ดมยาขวดนั้นแล้ว คนเหล่านั้นก็ฟื้นขึ้นมา
“ซือหม่าโยวเย่ว์หรือ!” อู่เถียนผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ หัวสมองที่ทึบทึมอยู่ก็โปร่งโล่งขึ้นมาในทันใด
“จำข้าได้ด้วย ดูท่าทางจะตื่นเต็มตาแล้วสินะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ไม่ได้กินอะไรกันมาตั้งหลายวัน ตอนนี้คงอ่อนแอมากเลยกระมัง”
“เจ้าคิดจะทำอะไร!” เจ้าลิงแห้งเห็นรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าซือหม่าโยวเย่ว์ จึงรู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมาในใจ ไอหนาวยะเยือกสายหนึ่งลอยขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจ
“ไม่ทำอะไรหรอก แค่จะเรียนรู้จากพวกเจ้าสักหน่อย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ยาถอนพิษนี่ฟื้นฟูพลังของพวกเจ้าไม่ได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ได้เวลาพอดี เจ้าอ้วน ระวังหน่อยนะ อย่าทำหกใส่ตัวเองล่ะ มิฉะนั้นจะมาหาว่าพวกเราทอดทิ้งเจ้าโดยไม่เหลียวแลไม่ได้นะ”
เจ้าอ้วนชวีรับขวดมาโปรยใส่บนร่างของคนเหล่านั้นพลางเอ่ยว่า “เจ้าก็วางใจเถิด ข้าไม่มีทางโง่เง่าถึงเพียงนั้นหรอก”
หลังจากโปรยผงยาลงบนร่างคนทั้งห้าเรียบร้อยแล้ว ทุกคนจึงเดินมุ่งหน้าออกไปนอกถ้ำ
“พวกเจ้าทำอะไรกับพวกเราน่ะ” ความหวาดกลัวอย่างประหลาดเข้าเกาะกุมหัวใจ อู่เถียนตะโกนเสียงดังใส่ซือหม่าโยวเย่ว์
คนอื่นๆ ออกไปกันเรียบร้อยแล้ว เจ้าอ้วนชวีหันหน้ามาแล้วพูดว่า “มิได้บอกไปแล้วหรือว่าจะเรียนรู้จากพวกเจ้าน่ะ ตอนนี้พวกเจ้าก็จะได้สัมผัสกับความรู้สึกยามได้เป็นที่โปรดปรานของสัตว์อสูรวิเศษบ้างแล้ว”
พูดจบเขาก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีก
หลังจากพวกซือหม่าโยวเย่ว์จากไปได้ไม่นาน สัตว์อสูรวิเศษหลายตนก็ตามกลิ่นมาถึงถ้ำ เมื่อเห็นพวกอู่เถียนก็พุ่งเข้าใส่พวกเขาอย่างบ้าคลั่ง จัดการทั้งห้าคนจนสะอาดหมดจดอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งกระดูกก็ไม่เหลือซาก
“โยวเย่ว์ สิ่งที่เจ้าโปรยลงบนร่างพวกเขาคืออะไรหรือ” ห่างออกจากถ้ำมาไกลแล้ว พวกเขาก็ยังได้ยินเสียงกรีดร้องครั้งสุดท้ายของพวกอู่เถียนอยู่ ซือหม่าโยวเล่อมาอยู่ข้างกายซือหม่าโยวเย่ว์พลางถามขึ้น
“ไม่มีอะไรหรอก ก็เป็นยาผงที่ดึงดูดสัตว์อสูรวิเศษบางอย่างเท่านั้นเอง” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“เจ้ามีของสิ่งนั้นได้อย่างไรกัน” ซือหม่าโยวหรานถาม
“ซื้อไว้ก่อนมาที่นี่น่ะ” เพราะมีคนนอกอยู่ด้วย ซือหม่าโยวเย่ว์จึงตอบไปอย่างส่งๆ
ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะเป็นสหายร่วมกลุ่มของพี่ชายทั้งสอง แต่เธอก็ไม่สนิทสนมด้วย ดังนั้นจึงไม่อยากให้พวกเขารู้เรื่องของตนมากนัก
……………………