“กลับมาแล้วเหรอคะคุณหนูวดี หายไปไหนมาทั้งคืน”
ป้าแก้วรีบวิ่งเข้ามากอดร่างของราชาวดีที่เดินเคียงคู่เข้ามาพร้อมกับอรรถพรแน่น ถามด้วยความเป็นห่วงอย่างสุดหัวใจ
“งั้นผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ”
อรรถพรรีบเดินจากไป และนั่นก็ทำให้ป้าแก้วจ้องหน้าราชาวดีอย่างคาดคั้นอีกครั้ง
“ยังไม่ตอบป้าเลยนะคะว่าหายไปไหนมาทั้งคืน”
“ยางรถของพี่อรรถรั่วน่ะค่ะ แล้วก็ไม่มียางอะไหล่ด้วย วดีกับพี่อรรถเลยต้องนอนด้วยกันในรถ นี่พอช่างมาตอนเช้าวดีก็รีบกลับมาเลยนะคะ”
“โธ่ คุณหนูแล้วทำไมไม่รับโทรศัพท์บ้างคะ รู้ไหมว่าทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงน่ะ”
ป้าแก้วตำหนิเสียงจริงจัง
“วดีลืมเอามือถือไปน่ะค่ะ น่าจะอยู่บนห้อง แล้วมือถือของพี่อรรถก็แบตหมด วดีขอโทษนะคะป้าแก้วที่ทำให้ป้าแก้วไม่ได้นอน นั่งรอวดีทั้งคืน”
ราชาวดีมองป้าแก้วด้วยความซึ้งใจ แต่ป้าแก้วส่ายหน้า
“คนที่ไม่ได้นอนทั้งคืนน่ะคือคุณเสือต่างหากค่ะ นั่งรอคุณหนูวดีทั้งคืน”
“อาเสือเนี่ยนะคะนั่งรอวดี”
หญิงสาวส่ายหน้าเพราะไม่เชื่อ
“ป้าแก้วอย่ามาหลอกวดีเลยค่ะ”
แค่ชื่อของเขาก็ทำให้หล่อนเจ็บไปทั้งหัวใจซะแล้ว ดูสิ… ขนาดหล่อนหายไปทั้งคืนเขายังไม่เห็นโผล่มาหาเลยสักนิด เขาใจร้าย ใจดำที่สุด
“ป้าจะหลอกคุณหนูเพื่ออะไรกันล่ะคะ”
“ก็เพราะไม่อยากให้วดีกับอาเสือทะเลาะกันยังไงล่ะ”
“ฟังป้าดีๆ นะคะคุณหนู…”
ป้าแก้วจ้องหน้าราชาวดีนิ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เมื่อคืนคุณเสือนั่งรอคุณหนูทั้งคืนเลยค่ะ และก็เป็นคนโทรไปเช็คตามโรงพักโรงพยาบาลทั่วทั้งจังหวัด เพราะเป็นห่วงคุณหนู”
คนฟังเม้มปากแน่น และเชิดหน้าสูง
“คนอย่างอาเสือนี่นะคะจะทำแบบนั้นเพื่อวดี เชื่อไม่ลงหรอกค่ะ”
หญิงสาวเบ้ปาก ความน้อยใจแน่นอกไม่สร่างซา
“แล้วนี่ก็คงออกไปสวีทจิ๊จ๊ะกับยายมนดำอะไรนั่นใช่ไหมคะ”
ป้าแก้วส่ายหน้าอย่างเอือมระอาในความคิดเป็นเด็กของราชาวดี
“คุณมนกรกับคุณเสือเธอไม่ได้มีอะไรกันหรอกนะคะ คุณมนเธอเป็นแค่ลูกค้า และที่สำคัญเธอก็มีคนรักที่เตรียมจะแต่งงานกันแล้วด้วย”
หัวใจสาวพองฟูขึ้นมาเล็กน้อย แต่แล้วก็ต้องหุบแฟบลงอีก
“ไม่ใช่แม่มนดำนั่นก็มีคนอื่นอีก ยายอะไรนะ… เถาวัล แล้วก็ก้านกล้วย… แล้วก็ยาย…”
“พอเถอะค่ะคุณหนูวดี อย่าใส่ร้ายคุณเสือแบบนั้นเลยค่ะ คุณเสือเธอไม่มีใครจริงๆ และเธอคิดจะมีใครคงมีมาตั้งนานแล้ว ไม่รอจนคุณหนูโตเป็นสาวแบบนี้หรอกค่ะ”
หญิงสาวอึ้ง แต่ก็ยังคงเต็มไปด้วยความน้อยใจ
“ก็ได้… วดีจะไม่ว่าไม่กล่าวหาเจ้านายที่แสนจะประเสริฐของป้าแก้วแล้วล่ะค่ะ ขอตัวนะคะ วดีจะไปพักผ่อน”
“แล้วคุณหนูจะไม่ไปขอโทษคุณเสือเลยเหรอคะ”
คนที่เดินไปหยุดตรงบันไดชะงัก ยืนนิ่งอยู่นานจึงพูดออกมา
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ เพราะวดีจะไม่ขอบคุณผู้ชายที่พยายามยัดเยียดวดีให้กับผู้ชายคนอื่นแน่ ขอตัวนะคะป้าแก้ว วดีง่วงนอน”
หญิงสาวเดินขึ้นบันไดไปแล้ว ในขณะที่ป้าแก้วมองตามไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นกังวล
“โธ่ คุณหนูวดี… ทำไมดื้อแบบนี้นะ”
พอขึ้นปิดประตูห้องเสร็จ หยาดน้ำตาก็ร่วงลงมาอาบแก้มพอดิบพอดี หญิงสาวทรุดกายลงนั่งบนเตียงอย่างสิ้นเรี่ยวสิ้นแรง หัวใจเจ็บปวดพังพินาศยับเยิน
คนอย่างชาติพยัคฆ์เนี้ยนะจะมาห่วงใยหลานสาวนอกไส้อย่างหล่อน เขาคงจะดีใจมากต่างหากที่หล่อนหายไปกับผู้ชายที่เขาพยายามยัดเยียดหล่อนให้
“อาเสือใจร้าย วดีเกลียดอาเสือที่สุด!”
หญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่นาน เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดึงขึ้น หล่อนคว้ามันจากโต๊ะหัวเตียงขึ้นมากดตัดสายทิ้ง ตอนนี้หล่อนไม่อยากจะคุยกับใครทั้งนั้น หัวใจของหล่อนกำลังบอบช้ำอย่างหนัก ราชาวดีร้องไห้น้ำตาไหลพราก แต่ภาพหลังม่านน้ำตาก็ทำให้หล่อนเห็นสายที่ไม่ได้รับเป็นร้อยสาย หลังมือยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง และเพ่งมองเบอร์ที่โทรเข้ามาหาหล่อนเมื่อคืน
“อาเสือ…”
นี่เขาโทรหาหล่อนมากมายขนาดนี้เชียวหรือ งั้นก็แสดงว่าที่ป้าแก้วพูดก็เป็นเรื่องจริง
นัยน์ตากลมโตที่เคยเต็มไปด้วยความโศกเศร้าตอนนี้ระยิบระยับไปด้วยความหวังครั้งใหม่ หัวใจสาวพองฟูแน่นอก รอยยิ้มกว้างเกลื่อนดวงหน้า
“อาเสือเป็นห่วงวดีจริงๆ ด้วย”
หญิงสาวกระโดดลงจากเตียง และวิ่งออกมาจากห้องนอน มุ่งหน้าตามหาชาติพยัคฆ์
“ป้าแก้ว… ป้าแก้วคะ อาเสืออยู่ที่ไหนคะ”
“เมื่อตอนเช้าเห็นนั่งดื่มอยู่ที่ริมสระน้ำค่ะ”
ป้าแก้วมองท่าทางที่เปลี่ยนไปราวกับคนละคนกับเมื่อกี้ด้วยวามประหลาดใจ
“ว่าแต่คุณหนูวดีถามหาคุณเสือทำไมเหรอคะ”
ราชาวดีตอบไม่ตรงคำถาม และฉีกยิ้มกว้าง
“วดีขอตัวไปหาอาเสือก่อนนะคะ”
แล้วหญิงสาวก็รีบวิ่งไปยังสระว่ายน้ำโดยป้าแก้ววิ่งตามมาติดๆ ด้วยความเป็นห่วง แต่พอมาถึงก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของชาติพยัคฆ์
“อาเสือ… อาเสืออยู่ที่ไหนคะ”
“คุณหนูคะ คุณเสือน่าจะออกไปไร่แล้วล่ะคะ เอาไว้รอเจอตอนมื้อกลางก็ได้”
ราชาวดีหันมาเผชิญหน้ากับป้าแก้ว
“มื้อกลางวันอาเสือไม่กลับมาทานข้าวที่นี่หรอกค่ะ และวดีก็รอให้ถึงตอนเย็นไม่ไหวด้วย”
คนฟังเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“คุณหนูมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะป้าแก้ว วดีขอตัวนะคะ”
หญิงสาววิ่งออกไป ป้าแก้วรีบร้องเรียกเอาไว้
“นั่นคุณหนูจะไปไหนเหรอคะ”
ราชาวดีไม่หยุดวิ่ง ได้แต่ตะโกนตอบกลับหลังมา
“วดีจะเข้าไปในไร่ค่ะ ไปหาอาเสือ”
ป้าแก้วมองตามไปด้วยสายตาเป็นกังวลเช่นเคย จากนั้นก็หมุนตัวเดินกลับเข้ามาภายในบ้าน และก็สวนกับอรรถพรที่หิ้วกระเป๋าเดินทางลงมาพอดี
“คุณอรรถจะเอากระเป๋าไปไหนเหรอคะ”
อรรถพรระบายยิ้ม และตอบเสียงสุภาพ
“ผมจะกลับกรุงเทพฯ น่ะครับป้าแก้ว เอาไว้ถ้าผมว่างแล้วจะมาเยี่ยมใหม่นะครับ”
คนฟังอ้าปากค้าง เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ทำไมรีบกลับฉุกละหุกแบบนี้ล่ะคะ”
อรรถพรส่ายหน้ายิ้มๆ
“พอดีผมจะเดินทางไปต่างประเทศกับครอบครัวน่ะครับ เลยค่อนข้างฉุกละหุกนิดหน่อย ยังไงฝากป้าแก้วลาอาเสือกับน้องวดีให้ผมด้วยนะครับ”
“เอ่อ ได้ค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
อรรถพรยกมือขึ้นไหว้หญิงที่สูงวัยกว่า ก่อนจะหิ้วกระเป๋าตรงไปยังรถของตัวเอง
“คนนี้ก็แปลก ทำไมวันนี้มีแต่เรื่องแปลกๆ นะ”
ป้าแก้วมองตามไปด้วยความมึนงง ยกมือขึ้นเกาศีรษะตลอดเวลา และในขณะที่ป้าแก้วกำลังสับสนมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้านั้น ราชาวดีก็เดินมาในไร่พอดี หล่อนพยายามมองหาชายหนุ่ม แต่ไม่ว่าจะมอง จะจ้องยังไงก็ไม่เห็นร่างทรงพลังของเขาเลยสักนิด
“อาเสืออยู่ไหนจ๊ะ”
คนงานหนุ่มระบายยิ้ม และชี้ไม้ชี้มือไปทางท้ายไร่
“อยู่ที่ท้ายไร่เหรอ”
“ครับ เห็นให้คนเอาเหล้าไปในด้วย น่าจะอยู่ในกระท่อมท้ายไร่”
คนฟังขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
“ท้ายไร่มีกระท่อมด้วยเหรอ”
“มีครับ นายพึ่งสั่งให้พวกผมสร้างเอาไว้ให้เมื่ออาทิตย์ก่อนน่ะครับ”
ราชาวดีพยักหน้ารับ ก่อนจะถามต่อ
“แล้วมันอยู่ตรงไหนล่ะไอ้กระท่อมที่ว่านี่ อยู่ไกลจากน้ำตกมากหรือเปล่า”
คนงานส่ายหน้าน้อยๆ
“ไม่มากหรอกครับ แต่ต้องปีนขึ้นไปอีกหน่อยน่ะครับ”
หญิงสาวระบายยิ้มและเอ่ยขอบคุณ จากนั้นก็รีบเดินไปยังเป้าหมายด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความปลื้มปริ่ม ถึงแม้ว่าชาติพยัคฆ์จะไม่ได้รักหล่อน แต่เขาก็เป็นห่วงหล่อน แค่นี้ก็พอแล้วไม่ใช่หรือ