ตอนที่ธราเทพลงมาทานอาหารนั้นรู้สึกถึงลางไม่ค่อยดีสักอย่าง
แต่ก็บอกไม่ได้ว่าคืออะไร
“ทานอิ่มแล้วเหรอ คุณยังอยากทานอย่างอื่นอีกไหม แม่บุญสิตาทำโจ๊กข้าวฟ่างไว้ในครัว เดี๋ยวฉันไปตักโจ๊กข้าวฟ่างใหคุณชามนึงนะ”
ณัฐณิชาพูดจบด้วยรอยยิ้มกริ่มแล้ววิ่งอย่างน่ารักเข้าไปตักโจ๊กในครัว แล้วเอามาเสิร์ฟให้ธราเทพด้วยตัวเอง จัดการวางไว้ตรงหน้าเขา “ยังร้อนอยู่นิดหน่อยนะ ทานระวังด้วย”
“………”
เมื่อธราเทพทานหมด ณัฐณิชาก็เริ่มทันที “ก่อนไปทำงานยังมีเวลาหนึ่งชั่วโมง ทำไมคุณไม่ไปพักผ่อนหย่อนใจสักหน่อยล่ะ หนังสือพิมพ์วางอยู่บนโต๊ะน้ำชาแล้ว”
ณัฐณิชาเก็บจานชามตะเกียบอย่างขยันขันแข็ง บนใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มประจบ
แปลกเกินไป
ธราเทพส่งเสียงอืม เพิ่งนั่งลงบนโซฟาและเริ่มอ่านหนังสือพิมพ์ ทันใดนั้นข้างหลังของเขาก็มีมือคู่เล็กอ่อนแอมาวางไว้บนไหล่ตัวเอง เขาที่กำลังพลิกเปิดหนังสือพิมพ์พลันหยุดนิ่ง และได้ยินเสียงประจบของณัฐณิชา “ทำงานทุกวันเหนื่อยล้าใช่ไหม ฉันนวดให้คุณนะ”
เทคนิคของเธอได้เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญในชุมชนแออัด เมื่อก่อนนวดให้คุณย่าเป็นประจำ และถูกชมอยู่บ่อยครั้ง
มือเล็กนวดให้ธราเทพด้วยความคล่องแคล่ว ณัฐณิชาเห็นว่าธราเทพไม่ได้ขัดขืน จึงถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
ไม่ขัดขืน แสดงว่ามีหวังใช่ไหม
เธอมาที่เมืองSเพื่อตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงของตัวเอง อีกไม่นานจะได้พบนายท่านพิเชษฐแล้ว เธอจะปล่อยโอกาสตรงหน้าไปได้ยังไง คิดมาถึงตรงนี้ ณัฐณิชาก็เพิ่มแรงหนักขึ้น! ตราบใดที่จัดการธราเทพได้ ยังต้องกังวลว่าจะหาพ่อแม่ของตัวเองไม่เจออีกเหรอ
ฮิฮิฮิ……
ณัฐณิชาส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ไหว
“คุณหัวเราะอะไร”
“แค่กๆๆ……” เมื่อเผชิญกับคำถามของธราเทพ ณัฐณิชากะพริบตาปริบๆ โกหกโดยไม่ต้องคิด “ฉันน่ะ ตราบใดที่คิดว่าฉันซึ่งเป็นสาวน้อยธรรมดาๆ คนหนึ่งจับพลัดจับผลูได้มีชีวิตแต่งงานที่ดีขนาดนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะหลับฝันแล้วตื่นขึ้นมาด้วยเสียงหัวเราะ”
“โอ้ว?”
“หรือว่าไม่ใช่ล่ะ คุณดูคุณสิ ประธานแกรนด์อิมพีเรียลกรุ๊ปอันยิ่งใหญ่ ผู้หญิงมากมายพยายามจับคุณ แต่คุณก็ดันไม่มองพวกเธอ แถมยังหาผู้หญิงอัปลักษณ์อย่างฉันมา……เป็นภรรยา หรือว่าฉันไม่ควรหัวเราะล่ะ” ขณะที่ปากก็พูดชื่นชม มือที่ณัฐณิชานวดให้ธราเทพก็ไม่มีหยุดนิ่ง
เพื่อตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงของตัวเอง เธอต้องพยายาม!
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เธอพูดก็เหมือนจะเป็นเรื่องจริง
คำเยินยอนั้นธราเทพได้ฟังเกือบทุกวันจนที่จริงก็เบื่อที่จะฟัง แต่คำพูดที่ออกมาจากปากของณัฐณิชา กลับเป็นรสชาติที่ต่างออกไป ดูเหมือนว่าเขาจะเพลิดเพลินมากจนเอนพิงบนโซฟา ก่อนจะเหลือบมองณัฐณิชา “พอแล้ว มีอะไรจะพูดก็พูดมาตรงๆ”
“เอ่อ……”
ณัฐณิชาลังเลว่าจะพูดอย่างไรดี ก่อนหน้านี้เธอก็นับว่าเป็นสาววัยรุ่นหน้าด้านไร้ยางอาย เพียงแต่การเผชิญหน้ากับธราเทพ ทำไมมันถึงค่อนข้างยากที่จะพูดออกไปนิดหน่อยนะ
“ถ้าเป็นเรื่องงาน สามารถมาหาผมได้ตลอดเวลา” ธราเทพเห็นณัฐณิชาลังเล จึงไม่ให้เวลาเธอได้ลังเลต่อไป แล้วมองดูนาฬิกาแทน ก่อนจะลุกขึ้น “จะเกินเวลาเข้างานแล้ว ไปเถอะ”
“……….”
แบบนี้เท่ากับว่าที่เธอวุ่นวายมาตลอดเช้านี้มันเปล่าประโยชน์เหรอ!
ณัฐณิชามองธราเทพที่ก้าวกว้างรวดเร็วเดินออกไป พลันส่งเสียงครวญคราง ปวดใจจนเหลือจะกล่าว
เธอวิ่งตามไป ขณะที่อยู่ในรถมีหลายครั้งที่อยากพูดเรื่องนายท่านพิเชษฐ แต่เมื่อมองใบหน้าเคร่งขรึมของธราเทพ ก็พูดไม่ออกเลย ช่างเถอะๆ ตอนเย็นกลับมาค่อยประจบเขาใหม่ก็ได้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร……