พอเห็นณัฐณิชาหน้าบูดเบี้ยว ธราเทพก็ยิ้มอย่างได้ใจ
เขานั่งตัวตรงที่โซฟา ดลายเนคไทอย่างตามอารมณ์ “คุณกล้าพูดไหมล่ะว่าคุณไม่ได้ก่อเรื่อง?”
ณัฐณิชา:“……” ก็ไม่กล้าจริงๆนั่นแหละ
ณัฐณิชากัดริมฝีปากตัวเองแน่นอย่างไม่ยอมแพ้ ถ้าไม่ใช้เพราะคนพวกนั้นตั้งใจกลั้นแกล้งตัวเธอแ เธอจะทำเรื่องแบบนี้ออกมาหรอ?เธอไม่ใช่คนที่รังแกคนไปทั่วแบบนั้น
ณัฐณิชาคิดไปพลางทำจมูกย่น “ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าฉันก่อเรื่องละกัน คุณจะให้ฉันทำยังไงกันแน่คุณถึงรับปากฉัน”
ธราเทพขมวดคิ้ว นัยน์ตาแฉลบผ่านอารมณ์บางอย่าง
ธราเทพยกมุมปาก เขยิบเข้าใกล้ณัฐณิชาในทันใด เสียงทุ้มต่ำน่าฟัง ราวกับเสียงอันไพเราะของไวโอลิน
“ขอแค่คุณรับปากผมเรื่องหนึ่ง ผมก็จะพาคุณไป”
มาลูกไม้นี้อีกแล้ว?
ณัฐณิชามองไปที่ธราเทพแค้นๆ
“ฉันรับปากก็ได้ แต่ถ้าหากว่าคุณบิดพริ้วขึ้นมาอีกจะทำอย่างไร”
“หือ? ถ้าหากว่าคุณคิดว่าผมจะบิดพริ้ว เช่นนั้นก็ไม่ต้องรับปากผมแล้ว”
ธราเทพแสร้งโมโห ถอดเสื้อคลุมด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อยแล้วหมุนตัวเดินขึ้นไปชั้นบน
ณัฐณิชากรีดร้องด้วยความเศร้าโศกในใจ “ได้ คุณพูดมาสิว่าเรื่องอะไร”
“รับปากว่าจะไปส่งอาหารให้ผมทุกวันที่บริษัทเป็นเวลาติดกันหนึ่งเดือน ผมก็จะพาคุณไปพบอาจารย์ผู้มีพระคุณของผม”
“ส่งอาหาร!?”
ณัฐณิชาร้องออกมาทันที
“หือ? ทำไมต้องให้ฉันไปส่งด้วย?”
สิ่งที่คิดอยู่ในใจก็คือ เขาเป็นถึงท่านประธานธราเทพผู้ยิ่งใหญ่ ไม่มีผู้ช่วยหรือพ่อบ้านที่ช่วยส่งอาหารให้เลยหรือ?
ธราเทพยิ้มบางๆ “เป็นเพราะว่าคุณมีเรื่องขอร้องผม เหตุผลนี้ใช้ได้ไหม”
ณัฐณิชาสูดลมหายใจลึก กำหมัดแน่น ได้! ธราเทพ จำเอาไว้เลยนะ!
“ได้” ณัฐณิชากัดฟันด้วยความแค้นขณะเอ่ยตอบ หลังจากนั้นก็ยิ้มอ่อนๆ
วันรุ่งขึ้น ตอนที่ณัฐณิชาถือกล่องอาหาร แต่งกายอย่างงดงามโดยการสวมชุดเดรสสีแดงลายจุดสไตล์ฝรั่งเศสไปปรากฏตัวขึ้นที่หน้าห้องทำงานประธานบริษัทของธราเทพ
ธราเทพที่เซ็นชื่อในเอกสารใบสุดท้ายเสร็จก็ปิดแฟ้มเอกสารสีฟ้า เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ก้นบึ้งนัยน์ตามีประกายตกตะลึงพาดผ่านไป
ความจริงแล้วหน้าตาภรรยาตัวน้อยของเขานั้นดีมาก เพียงแต่มักจะชอบใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ ซึ่งการแต่งกายในวันนี้ทำให้เขาสบายใจมาก
เขาก้มหน้ามองดูรองเท้าของเธอครู่หนึ่ง อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“ไม่ใช่ว่าไม่คุ้นชินกับการสวมรองเท้าส้นสูงหรอกหรือ”
ณัฐณิชาตะลึง ทำปากยื่น “คุณยังจะพูดอีก นี่ไม่ใช่เพราะว่าเพื่อคุณหรอกหรือ!”
เธอวางกล่องอาหารลงบนโต๊ะ เอ่ยต่อว่า “เมื่อวานฉันก็เดาได้แล้วว่า การที่คุณให้ฉันมาส่งข้าวให้คุณ จะต้องเป็นการประกาศต่อคนทั้งโลกว่า คุณมีภรรยาแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้หญิงสาวงดงามทั้งหลายมายั่วเย้าคุณ เช่นนั้นฉันก็ต้องแต่งตัวให้ดูดีสักหน่อย เพื่อไม่ให้คุณต้องขายหน้า”
แม้ว่าณัฐณิชาจะเลอะเลือนในบางครั้ง แต่เรื่องนี้เธอรู้ดีว่า ธราเทพแต่งงานกับเธอเพื่อเป็นไม้กันหมา
และในวันนี้ระหว่างทางที่เธอเดินจากลานจอดรถใต้ดินเข้ามาขึ้นลิฟต์โดยสารที่มีไว้ให้ประธานบริษัทใช้โดยเฉพาะมาจนถึงห้องทำงานของธราเทพ ก็ได้รับรู้ และพบกับพนักงานหญิงที่ใช้แววตาที่สามารถฆ่าคนได้จ้องมาที่เธอ
เธอก็ลอบยินดีให้กับตัวเองที่ไม่ได้สวมกางเกงยีนส์ตามใจชอบออกมา ไม่อย่างนั้นก็ไม่แน่ว่าคนพวกนั้นจะเหยียดหยามเธอ ดูถูกเธออย่างไร ถึงตอนนั้นคนที่ขายหน้าไม่ใช่เธอ แต่คือธราเทพ
แม้ว่าพวกเขาจะแต่งงานกันเพราะพันธะสัญญา แต่ทั้งสองคนก็มีโชคชะตาร่วมกัน เธอไม่อยากจะทำให้ธราเทพต้องถูกคนดูถูกเพราะตัวเอง
ถึงอย่างไรชาติกำเนิดของเธอก็ไม่ได้ดีเยี่ยม จึงเป็นธรรมดาที่จะต้องระวังเรื่องภาพลักษณ์ภายนอก
ธราเทพพยักหน้าเล็กน้อย สีหน้าผ่อนคลายลงมาก
เขาลุกขึ้นยืน เดินมาที่โซฟา “มานี่สิ มากินตรงนี้”