สำหรับปณิดาคนนี้ ก็เป็นแค่พนักงานธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ปกติอาศัยที่ว่าลูกพี่ลูกน้องของตัวเองเป็นผู้อำนวยการฝ่ายบุคคลมาวางอำนาจบาตรใหญ่ และมักจะดึงความสนใจของธราเทพด้วย
ในวันนี้ใช้เธอมาทำให้ณัฐณิชาอับอายสักครั้ง เมื่อท่านประธานธราเทพเห็นเข้า จะต้องรังเกียจปณิดามากแน่นอน ส่วนณัฐณิชาก็ขายหน้าเช่นกัน นี่เท่ากับว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
ดังนั้นฐิติกานต์จึงค่อยๆอำพรางรอยยิ้มเอาไว้ “ปณิดา ไม่อย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ”
ณัฐณิชารู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา สองคนนี้ประหลาดจริงๆ
เธอพูดอะไรไปจึงได้ถูกพวกเธอเยาะเย้ยว่าเป็นคนโง่
ยังมี ชั้นนี้มันทำไมกัน? ก็เป็นแค่ชั้นที่มีห้องทำงานของประธานบริษัทอยู่เท่านั้นเองไม่ใช่หรือ สำหรับเรื่องที่ว่าทำให้พวกเธออยู่เหนือกว่าคนอื่นขั้นหนึ่งนั้น ช่างรู้สึกลุ่มหลงว่าตัวเองเหนือกว่าผู้อื่นจริงๆ!
“พวกคุณไม่ต้องพูดจาพิลึกพิลั่น มีอะไรก็พูดมาตรงๆ”
“คุณไม่เข้าใจ อย่างนั้นฉันจะบอกคุณให้ว่า เสื้อผ้าชุดนี้ฉันสวมได้แค่ครั้งเดียว สกปรกแล้วก็ไม่สามารถนำไปซักได้ ถ้าซักก็ใช้งานไม่ได้แล้ว”
ณัฐณิชานึกขึ้นมาได้ ดูเหมือนว่าเธอจะเคยเห็นในนิตยสาร มีเสื้อผ้าของดีไซเนอร์มากมายที่ไม่ได้ให้คนทั่วไปสวมใส่ แต่ให้พวกไฮโซเอย ดาราเอย สวมครั้งเดียวก็ทิ้งแล้ว
แต่ว่าเสื้อผ้าบนตัวผู้หญิงคนนี้…ไม่เหมือนกับชุดที่แพงมากแบบนั้น น่าจะไม่ถึงกับไม่สามารถซักได้ แต่เธอจงใจเอ่ยเช่นนี้ ก็แสดงว่ามีเจตนาทำให้ลำบากใจ เมื่อมองทุกอย่างออกแล้ว ณัฐณิชาก็คร้านจะเถียงด้วย คิดเพียงแต่รีบแก้ไข้ปัญหาตรงหน้าให้จบๆไป
“ได้! ถ้าอย่างนั้นก็ชดใช้ให้คุณหนึ่งหมื่นห้าพันก็จบแล้วใช่ไหม?”
ณัฐณิชากำลังจะหมุนตัวเดินไปหาธราเทพ แต่กลับถูกปณิดาคว้าข้อมือเอาไว้ “ไม่ได้!”
“ยังไม่จบอีกหรือ”
ณัฐณิชาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา ในเวลาเดียวกันก็ขึงตาใส่ปณิดา สายตาเจือไปด้วยประกายคมปลาบ
“ฉันพูดแล้วว่า เสื้อผ้านี้เป็นตัวที่ตัดตามสัดส่วนของผู้สั่งซื้อ ยากที่จะได้มา แม้ว่าคุณจะให้เงินหนึ่งหมื่นห้าพันกับฉัน ฉันก็ซื้อชุดแบบเดียวกันไม่ได้แล้ว!”
“ถ้าอย่างนั้นคุณจะเอาอย่างไร”
ปณิดาโค้งริมฝีปาก เชิดหน้าขึ้นสูง เอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นใจว่า “โค้งตัวเก้าสิบองศาเป็นการขอโทษฉัน”
ณัฐณิชาหัวเราะเสียงเย็น “คุณเป็นคนตายหรือ ฉันจะโค้งเก้าสิบองศาให้เฉพาะคนตายเท่านั้น”
“คุณ!”
ปณิดาโมโหจนนัยน์ตาแดงก่ำ ยกมือขึ้นสะบัดลงมาทางณัฐณิชา
ณัฐณิชาก็ตาไวมือเร็ว คว้าหมับเข้าที่ข้อมือของฝ่ายตรงข้าม ออกแรงผลักไปด้านหลัง
ปณิดาเซถอยไปด้านหลัง เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นธราเทพเดินมาแต่ไกล ทันใดนั้นก็ส่งเสียง “ว๊าย” ออกมาแล้วล้มลงไปกองกับพื้น
“…” ณัฐณิชาหมดคำจะเอ่ย ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งเก่งจนสามารถไปเป็นนักแสดงได้เลยจริงๆ
ตอนที่กำลังคิดอยู่ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากด้านหลัง ฐิติกานต์ผงกศีรษะอย่างนอบน้อม “ท่านประธานธราเทพ รบกวนเวลาพักผ่อนของคุณหรือเปล่าคะ ช่าง…”
“ณิชา เกิดอะไรขึ้น”
ธราเทพไม่มองและไม่ฟังคำพูดใดๆของฐิติกานต์แม้แต่น้อย
ฐิติกานต์จึงกลืนประโยคในตอนท้ายกลับลงไปเงียบๆ สังเกตสีหน้าของธราเทพอย่างไม่ยินยอม ดูท่าเหตุการณ์เมื่อครู่จะถูกท่านประธานธราเทพเห็นเข้าแล้ว ภาพความประทับใจของณัฐณิชาในใจท่านประธานจะต้องลดลงอย่างรวดเร็วแน่นอน
เธอลอบยกริมฝีปากขึ้นด้วยความพอใจเงียบๆ แต่กลับเห็นว่าธราเทพมองณัฐณิชาด้วยความเป็นห่วง “เสื้อผ้าสกปรกได้อย่างได้กัน โดนลวกถูกหรือไม่”
“ไม่มี ก็แค่เดินชนกับเธอเท่านั้นเอง”
ณัฐณิชาปัดมือธราเทพออก ตอนนี้อารมณ์เธอไม่ค่อยจะดี
เธอไม่ใช่คนโง่ เมื่อครู่เลขาฐิติกานต์กับปณิดารังแกเธออย่างไร เธอล้วนรู้ดี
และทั้งสองคนล้วนเป็นลูกน้องของธราเทพ นี่ทำให้ณัฐณิชารู้สึกโกรธธราเทพไปด้วย
ธราเทพเห็นภรรยาตัวน้อยของตัวเองโมโห ทั้งยังเฉยเมยต่อเขาเช่นนี้แล้ว ก็รู้ว่าเมื่อครู่จะต้องถูกรังแกมาอย่างแน่นอน