ธราเทพถือโทรศัพท์พร้อมกับผลักประตูห้องสมุด ในแต่ละชั้นวางหนังสือนั้นตระการตาเต็มไปด้วยหนังสือมากมายหลายรูปแบบ โคมไฟระย้าที่อยู่บนเหนือศีรษะก็ส่องประกายแวววาว ดูก็รู้ว่าตั้งแต่เด็กคงจะเริ่มสะสมหนังสือมาเยอะ หนังสือส่วนใหญ่ที่เห็นได้ชัดก็จะเป็นพวกหนังสือแนวธุรกิจ
“จัดการเรื่องเป็นยังไงบ้าง?” ธราเทพเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
โทรศัพท์อีกด้านเงียบไปจากนั้นพูดออกมาอย่างลำบากใจเล็กน้อย “ท่านประธาน พวกเรามาที่บ้านเกิดของคุณณัฐณิชาแล้วครับ เพียงแต่..ที่บ้านเกิดของเธอตอนนี้ไม่มีใครอยู่เลย ว่ากันว่าเธอย้ายมาอยู่กับคุณย่าเมื่อยี่สิบปีก่อนครับ ชาวบ้านที่นี่เคยเห็นเธอกับคุณย่าของเธอ แต่ไม่มีใครเคยเจอพ่อกับแม่ของเธอมาก่อนเลย ผมได้ทำการส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ท่านประธานเรียบร้อยแล้วนะครับ”
“อืม” ไม่เคยเจอพ่อแม่ หรือว่า…..
พ่อแม่เสียชีวิตไปแล้ว หรือว่ามีเหตุผลอื่นกันนะ?
ธราเทพขมวดคิ้วและไม่ได้ยินอะไรอยู่ชั่วครู่ ทันใดนั้นก็มีเสียง‘ติ๊ง’ดังขึ้นมา คอมพิวเตอร์ที่อยู่บนโต๊ะนั้นส่งเสียงขึ้นมา ธราเทพจึงรู้ว่ามีอีเมลเข้ามาแล้ว เขาเดินไปที่ด้านข้างของโต๊ะพร้อมกับเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้น
“ณัฐณิชา อายุ20ปี จบจากมัธยมปลาย…”
ข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับณัฐณิชานั้นถูกแสดงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เมื่อเห็นผลสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลาย ดวงตาของธราเทพก็เป็นทอประกายอย่างรวดเร็ว เขาเคยได้ยินเธอบอกว่าเธอไม่จบมัธยมปลายแต่…ตอนนี้ก็ศตวรรษที่21แล้ว ต้องยากจนข้นแค้นสักแค่ไหนกันนะถึงเรียนไม่จบมัธยมปลายด้วยซ้ำ
เกิดความรู้สึกแปลกขึ้นมาในใจ
ธราเทพเลื่อนลงมาข้างล่าง บางทีตัวเขาอาจจะไม่รู้ว่าตัวเองนั้นจับเมาส์แน่นแค่ไหน เมื่อตอนที่ณัฐณิชาอยู่มัธยมปลาย คุณย่าของเธอก็มีอาการป่วยร้ายแรงและหมดหนทางรักษา เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของคุณย่า เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไปลักเล็กขโมยน้อย ธราเทพนั้นคิดถึงเด็กสาวมัธยมปลายที่ไร้ซึ่งที่พึ่งพิง ลำคอนั้นเหมือนกำลังถูกปิดกั้นด้วยอะไรบางอย่าง
หากว่าเธอนั้นเป็นญาติของคนคนนั้นจริงๆเกรงว่าคนคนนั้นก็คงเอ็นดูสุดหัวใจเลย?
ดวงตาของธราเทพนั้นตกไปอยู่ที่มุมๆหนึ่งของห้องสมุด ตรงนั้นมีหินหยกหลากสีและมีหลายชิ้นที่เขาได้ทำการซื้อมา แต่มีเพียงหนึ่งชิ้นเท่านั้นที่วางอยู่บนโต๊ะกาแฟ นั่น นั่นคือชิ้นที่อาจารย์ของเขามอบให้
อยู่ๆในใจก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เขาปิดคอมพิวเตอร์พร้อมกับเดินไปที่ห้องนอนโดยไม่รู้ตัว
ไฟในห้องดับสนิท มีเสียงหายใจตื้นๆดังขึ้นในความเงียบนั้น ณัฐณิชาหลับไปแล้วเหรอ?
เขาใช้แสงสลัวๆเดินเข้าไปเห็นณัฐณิชานอนอยู่บนเตียง อีกนิดก็นอนทับเตียงคู่ไปหมดทั้งเตียงแล้ว เขาใช้ผ้าห่มคลุมขาและเท้าของเธออย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็ได้ยินเสียงกระซิบเบาๆ “คุณย่า…ไม่ต้องกลัวนะคะ หนูจะต้องหามาได้แน่ๆ…จะต้องหายามารักษาคุณย่าได้แน่ๆ..คุณย่า…”
“คุณย่าอย่าไปนะ!”
“…..”
เมื่อเห็นรอยแดงที่หน้าจากการตบ คิ้วที่สวยงามขมวดเข้าหากัน ธราเทพก็รู้สึกแปลกขึ้นมาในใจ
น่าแปลก นี่คืออาการเป็นห่วงเป็นใยงั้นเหรอ?
นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะรู้สึกเสียใจกับความเจ็บปวดของสาวน้อยคนนี้?
เขาจับพลัดจับผลูใช้มือลูบไปที่ผมของณัฐณิชาพร้อมกับกระซิบเบาๆ “หลับเถอะ”หลับไปซะ ไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้ว
เขาวางมืออันอบอุ่นนี้ไว้บนหน้าผากของณัฐณิชา ณัฐณิชาที่ดูเหมือนได้รับการปลอบโยนก็ผล็อยหลับไปกับมือนั้น….
“ณัฐณิชา ถ้าหากว่าเธอเป็นคนของคนคนนั้นจริง… ฉันจะไม่ทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานแน่” ธราเทพมองดูร่างบอบบางบริสุทธิ์นี้ ริมฝีปากของเขาเปิดออกเล็กน้อย
ที่เขาไม่ได้ทำอะไรเธอก็ด้วยเหตุผลนี้นี่แหละ