สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – ตอนที่ 0 พวกเรามันอยู่คนละโลกกัน

กู้ฉางฉิงพอได้ยินแบบนั้นจึงทำได้เพียงแค่ขึ้นรถไปกับเขา
ระหว่างนั้น กู้ฉางฉิงก็มองไปทางเฟิงจิ่งเหยาอยู่เรื่อยๆ
เพราะว่าในใจของเธอเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่น้อยเลยทีเดียว
เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทั้งๆที่มันก็เกิดเรื่องมันก็มาขนาดนี้แล้วแต่ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงยังทำตัวปกติอยู่
เป็นเพราะว่าไม่สนใจหรือเป็นเพราะว่ามองเขาอยู่ในสถานะเมียหลวงก็เท่านั้นถึงได้ฝืนใจที่จะปฏิบัติต่อเธอแบบนี้
เธอจมอยู่ในความรู้สึกที่แสนยุ่งเหยิงจนกระทั่งถึงสำนักงานใหญ่
กู้ฉางฉิงจึงถูกเฟิงจิ่งเหยาปลุกออกจากความคิดเล่านั้นให้ขึ้นลิฟต์ไปห้องประธานด้วยกัน
เนื่องจากการปรากฏตัวของเธอทำให้เหล่าพนักงานรวมกลุ่มกันซุบซิบนินทา ต่างพากันพูดถึงความสัมพันธ์ของกู้ฉางฉิงและเฟิงจิ่งเหยา
และในครู่เดียวเท่านั้นพนักงานพวกนี้ก็ขุดคุ้ยเรื่องราวของเธอได้แล้ว จนค่อยๆละความสนใจกันไป
ในเมื่อเรื่องที่เคยตบตีนั้นดังกระฉ่อนไปทั่วแล้ว ต่อให้ถูกเฟิงจิ่งเหยากดดันอยู่ข้างหลังแต่ก็ยังมีคนไม่น้อยเคยเจอกู้ฉางฉิงแล้ว
แน่นอนว่าถึงแม้พวกเขาจะเลิกซุบซิบนินทากันแล้วแต่กลับยังคงนั่งรอดูอะไรสนุกๆอยู่
ใครให้อีกฝ่ายที่เขามีเรื่องตบตีด้วยยังทำงานอยู่ในบริษัทกันล่ะ
จนถึงขั้นมีคนบางกลุ่มลงพนันกันเลยว่ากู้ฉางฉิงกับมู่เฉาเกอจะมีเรื่องกันที่นี่หรือไม่
และแน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ของพวกพนักงานกู้ฉางฉิงไม่ทางรับรู้ได้เลย
เธอยืนอยู่หลังเฟิงจิ่งเหยาอย่างเรียบร้อย ไม่กระโตกกระตากใดๆ ไม่นานก็ถึงห้องประธาน
แต่พอเข้าไปในห้องแล้วทำเอาเธอช็อคไปเลย
นั่นก็เพราะว่าเธอคิดไม่ถึงว่าจากห้องทำงานของเฟิงจิ่งเหยาจะมองเห็นมู่เฉาเกอได้ด้วย
เมื่อเทียบจากความประหลาดใจอันน้อยนิดของเธอแล้วก็นับว่ามู่เฉาเกอนั้นสุขุมไม่น้อยเลย คงเป็นเพราะว่าเธอรู้เรื่องมาจากกลุ่มบริษัทอยู่ก่อนแล้ว
ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเธอกับกู้ฉางฉิงจะทะเลาะกันหนัก แต่คนประเภทอะไรก็ได้อย่างเธอ ยิ่งไม่ต้องพูดเมื่ออยู่ต่อหน้าเฟิงจิ่งเหยา
เธอจึงก้มหัวทักทายกู้ฉางฉิงด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง และหันตัวมองไปยังเฟิงจิ่งเหยา
“จิ่งเหยา คุณกลับมาพอดีเลย โรงงานเขาส่งจำนวนสินค้าใหม่ที่แก้ไขมาให้แล้วค่ะ คุณช่วยเช็คดูหน่อยนะคะ ”
เธอใช้เรื่องงานมาเบี่ยงเบนความสนใจเฟิงจิ่งเหยา ทิ้งให้กู้ฉางฉิงยืนทำตัวไม่ถูกอยู่หน้าประตูคนเดียว
และนี่ก็ทำให้กู้ฉางฉิงก็สามารถรับรู้ได้ชัดเจนว่าหล่อนไม่ชอบเธอ
ด้วยเหตุนี้เธอก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปแกล้งเอาใจใคร
เธอยักไหล่อย่างไม่สนใจ เดินตรงไปนั่งลงบนโซฟาแล้วให้ชวี่ยี่นำกระดาษวาดรูปมาให้เธอจำนวนหนึ่ง จากนั้นเธอก็เริ่มลงมือออกแบบทันที
ในเวลาเพียงครู่เดียว ทั้งห้องก็ราวกับถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง
ฝั่งนึงเงียบสงบ ฝั่งนึงเต็มไปด้วยเสียงทำงาน
เฟิงจิ่งเหยาสังเกตุถึงความเงียบสงัดตอนนี้ จนต้องขมวดคิ้วแน่น
เขาสองจิตสองใจที่จะมองไปที่กู้ฉางฉิง แต่พอมองไปกลับเห็นเธอนั่งเงียบๆอยู่บนโซฟาไม่มีท่าทางจับผิดจ้องจะหาเรื่องเลยสักนิด แม้แต่สีหน้าก็แปลกไปจากเดิม ไม่เหมือนคืนนั้นเลยสักนิด นี่ทำให้เขาสับสนเยอะมากเลยทีเดียว
ใช่ ที่เฟิงจิ่งเหยาพากู้ฉางฉิงมาที่สำนักงานใหญ่นั้นเป็นเรื่องที่คิดไว้อยู่แล้ว
เพราะว่าสิ่งที่ฮั้วเฉินมอบให้เขาตอนจากไปก็คืออยากจะรีบหาปัญหาให้เจอโดยเร็ว ดังนั้นจะต้องรู้ให้ได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นมาอย่างไรไม่เช่นนั้นก็ทำได้เพียงแค่คาดเดาต่อไปเรื่อยๆ
และในคืนที่กู้ฉางฉิงตบตีมีเรื่อง จริงๆแล้วก็อยู่ในสายตาเขาตลอด ด้วยเหตุนี้เขาจึงอยากจะพิสูจน์ดูว่าเธอจะทำแบบนั้นอีกไหมถ้าเขาและมู่เฉาเกอใกล้ชิดกัน
ยิ่งเวลาผ่านไป กู้ฉางฉิงก็ยังคงทำตัวปกติ
มันยิ่งทำให้เขาไม่เข้าใจและไม่รู้จะต้องทำยังไงต่อ
แต่ทว่ากู้ฉางฉิงกลับไม่ได้รับรู้ความคิดเหล่านี้ของเฟิงจิ่งเหยาเลย
ในขณะที่ดูเหมือนว่าเธอกำลังนั่งวาดแบบร่างอย่างใจเย็น แต่จริงๆแล้วกำลังเอี่ยวหูฟังเสียงบทสนทนาอยู่ จนทำให้เธอไม่มี
สมาธิในการออกแบบเลยสักนิด ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะตั้งใจฟังบทสนทนานั้นอย่างจริงจัง
“HIPมูลค่าทางตัวเลขนี้ผมรู้สึกว่ามันแปลกๆ ตัวเลขมันเกินจริงไปหน่อย ผมว่าเราควรจะส่งคนไปตรวจสอบสักหน่อยนะ”
“อืม ยังมีตรงนี้อีก ก็ต้องส่งคนไปตรวจสอบเช่นกัน ไม่อย่างงั้นต้นทุนที่เราคาดการณ์กันไว้จะสูงขึ้นสามสี่เท่า”
“ทราบแล้วค่ะ”
“จริงสิ ถ้าคุณมีเวลาก็ช่วยไปดูความผันผวนของหุ้นของบริษัทนี้ด้วยล่ะ ถ้ามีโอกาสที่เราพอจะเข้าไปได้ แบบนั้นไม่ว่าจะต้นทุนหรือการทำสัญญาในอนาคตก็จะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”
ดูเหมือนว่าเฟิงจิ่งเหยาจะคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงพูดบอกมู่เฉาเกอไป
และเพราะว่าหัวข้อการสนทนานี้ ใบหน้าของมู่เฉาเกอก็เหมือนปิ๊งไอเดียอะไรออกมา
“รับทราบค่ะ ทำไมฉันไม่คิดถึงวิธีการนี้เลยนะ เพียงแค่พวกเราร่วมหุ้นได้ก็ไม่ต้องกังวลว่าในอนาคตเราจะเป็นลูกไก่ในกำมือของพวกเขา จิ่งเหยา คุณนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ”
ในตอนท้ายก็ทิ้งคำหยอกเย้าเฟิงจิ่งเหยาเอาไว้อีกด้วย
เฟิงจิ่งเหยาได้ยินแบบนั้นก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเลยทีเดียว
พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าการกระทำทั้งหมดอยู่ในสายตาของกู้ฉางฉิงหมดแล้ว ในใจของเธอก็ยิ่งคุกกรุ่น
เพราะว่าพวกเขาทั้งสองคนต่างก็ใช้แต่คำศัพท์เฉพาะทาง ล้วนมีแต่คำที่เธอไม่เข้าใจ ความรู้สึกพ่ายแพ้ที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ยิ่งเห็นเฟิงจิ่งเหยายิ้มหัวเราะในตอนที่พูดคุยกับหล่อน ทำให้เธอยิ่งตระหนักคิดได้เลยว่า เธอกับเขามันอยู่คนละโลกกัน
คิดถึงตรงนี้ เธอก็นิ่งเงียบไปครู่นึง
เธอกำลังคิดอะไรอยู่กันนะ?
เดิมทีเธอกับเฟิงจิ่งเหยาก็อยู่กันคนละโลกอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นอดีต หรืออนาคต ก็เหมือนเส้นขนานที่ไม่มีทางมาบรรจบกันได้
ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ใช่กู้ฉางซิน
คิดไป เธอก็ฝืนยกยิ้มมุมปาก พยายามละทิ้งความคิดไร้สาระพวกนั้นไป บังคับตัวเองไม่ให้ไปคิดอีก
ต่อมา ทั้งห้องก็พร้อมใจกันเงียบ
กู้ฉางฉิงจดจ่ออยู่กับการออกแบบ
ส่วนสิ่งที่เฟิงจิ่งเหยาพยายามทำยั่วเธอนั้นก็ไม่อยู่ในหัวเธอแม้แต่น้อย
เฟิงจิ่งเหยาก็ทำได้เพียงแค่ละทิ้งแผนของเขาไว้ในใจ
ในขณะที่เขาเตรียมเลิกงานพากู้ฉางฉิงกลับ จู่ๆมู่เฉาเกอก็พูดออกมาว่า”จริงสิ จิ่งเหยา ผู้จัดการฉินแห่งจินไท่นัดฉันไปทานข้าว คุณก็ไปด้วยสิ เผื่อพวกเราจะได้คุยกันเรื่องสัญญาด้วย”
พูดจบ สายตาก็พลันไปมองกู้ฉางฉิง
“คุณกู้ไปด้วยกันสิคะ”
และแน่ว่าหล่อนจงใจพูดขึ้นมาแบบนี้
เธอเชื่อว่าเรื่องที่ผ่านมาก่อนหน้า ผู้หญิงคนนี้คงรับรู้ถึงการตอบโต้เงียบๆของเธอ และก็ไม่กล้าที่จะลงมือกับเธอ
แล้วในเมื่อหล่อนทำแบบนี้ ก็เท่ากับว่าหล่อนวางแผนที่จะค่อยๆตะครุบเธอ
ไม่ผิดจากที่คิด เริ่มจากค่อยๆเข้าใกล้เฟิงจิ่งเหยา จุดประสงค์ของหล่อนชัดเจนแล้วว่าต้องการที่จะแย่งเขาไปอย่างหน้าด้านๆ
เฟิงจิ่งเหยาที่ได้ยินคำถามของเธอ จึงหันไปมองทางกู้ฉางฉิงเพื่อดูปฏิกิริยาของเธอ
ใครจะรู้ว่ากู้ฉางฉิงเพียงแค่นิ่งอึ้งไปเท่านั้น หลุบตาลงต่ำแล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นเรื่องส่วนตัว พวกคุณก็ไปด้วยกันเถอะ ฉันกลับคนเดียวได้ค่ะ”
พูดจบ เธอก็ออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันไปมองเฟิงจิ่งเหยาด้วยซ้ำ
เฟิงจิ่งเหยามองตามแผ่นหลังที่ห่างออกไป ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกว่าแผ่นหลังนั้นถึงมีความสง่าผ่าเผยขนาดนี้ ทำเอาในใจเขารู้สึกปั่นป่วนขึ้นมา
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ชอบใจอย่างบอกไม่ถูก
ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องงาน แต่ผู้หญิงคนนี้ให้เขาออกไปกับผู้หญิงคนอื่น ใจกว้างไปหรือเปล่านะ?
เทียบกับความคับแค้นของเขา มู่เฉาเกอที่เห็นปฏิกิริยาแบบนี้ของกู้ฉางฉิง เธอจึงรู้สึกแปลกใจทันที
นี่ใช่คนเดียวกับกู้ฉางซินเมื่อวันนั้นแน่หรอ?
เธอขมวดคิ้วสงสัย หรือว่ากู้ฉางซินจะแสร้งทำเป็นใจกว้างกันนะ?

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา
Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

Options

not work with dark mode
Reset