หลังจากได้ฟังคำพูดของกู้หงเซินแล้ว กู้ฉางฉิงก็ไม่สามารถระงับความโกรธไว้ได้
ทั้งที่เธอเองก็เป็นเหยื่อในเรื่องนี้เหมือนกัน ต่อให้เธอจะมีส่วนเกี่ยวข้องก็ตาม แต่ก็เพราะถูกสถานการณ์บังคับ
“ไม่ปล่อยฉันงั้นเหรอ? กู้หงเซิน ถ้าจะลำเอียงก็ไม่ใช่ลำเอียงแบบนี้ คุณคิดว่าฉันเต็มใจจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องแย่ ๆ เหล่านี้เหรอ คุณลืมไปหรือเปล่า คนพวกนี้โมโหเพราะกู้ฉางซินเป็นคนไปยั่วยุก่อน ส่วนคุณก็สบายเลยนะ พอเธอไป คุณก็ทิ้งความยุ่งเหยิงทั้งหมดไว้ให้ฉันตามสะสาง ทำไมไม่ไปโทษลูกสาวตัวดีของคุณเอง ทำตัวเป็นดอกไม้ริมทาง เหมือนผีเสื้อบินวนรอบผู้ชาย!”
“กู้ฉางฉิง!”
เมื่อกู้หงเซินได้ยินเธอพูดไม่ดีเกี่ยวกับกู้ฉางซิน ก็โกรธเพิ่มขึ้นอีก แล้วตวาดออกมา
“ไม่ต้องตะโกน ฉันได้ยิน”
กู้ฉางฉิงเปลี่ยนท่าทีที่เคยกังวลต่อกู้หงเซินและพูดพลางยิ้มเยาะว่า “ส่วนเรื่องฉินเป่ยหานที่ตามตื้อฉันไม่ปล่อย นั่นก็เพราะว่าเขาต้องการสานสัมพันธ์เก่ากับกู้ฉางซิน คุณยังมีหน้ามาตําหนิฉันอีก ในสัญญาของเราไม่ได้พูดถึงเงื่อนไขที่ฉันจะต้องมาคอยเก็บกวาดจัดการเรื่องยุ่ง ๆ ของกู้ฉางซินนะ”
“……”
กู้หงเซินฟังคำพูดของเธอแล้วถึงกับสำลักพูดไม่ออกอยู่พักใหญ่ ได้ยินเพียงเสียงบดขยี้ฟันดังลอดมาจากสายโทรศัพท์
“กู้ฉางฉิง นี่คือท่าทีที่แกใช้พูดกับฉันงั้นเหรอ? อย่าลืมสถานะของตัวเอง หรือว่าแกไม่อยากได้แม่ของแกแล้ว!”
เขาโกรธมากจนถึงกับยกติงเซียงหลานออกมาข่มขู่
เมื่อกู้ฉางฉิงได้ยินดังนั้น เธอซึ่งโกรธมากอยู่แล้วก็ได้ระเบิดโพล่งออกมาทันที
“กู้หงเซิน คุณลองกล้าแตะต้องแม่ฉันดูสิ ถ้าแม่ของฉันเป็นอะไรไปแม้เพียงนิดเดียว ฉันจะลากคุณและกู้ฉางซินไปฝังทั้งเป็นด้วยกัน!”
ทันทีที่เธอพูดจบก็กดวางสายไป และนั่งหายใจหอบอยู่บนเตียง
เห็นได้ชัดว่าเธอโกรธมากแค่ไหน
แน่นอนว่าคนที่โกรธมากกว่าก็คือกู้หงเซิน
เขาคิดไม่ถึงว่ากู้ฉางฉิงจะไม่สนใจคำขู่ของเขาแต่กลับข่มขู่เขากลับ ใบหน้าของเขาก็มืดมนราวกับหยดหมึก
“นังตัวดี นึกว่าเข้าไปอยู่ในบ้านตระกูลเฟิงได้แล้วก็ปีกกล้าขาแข็งสินะ ถึงกล้าที่จะต่อต้านเขา!”
เขากัดฟันตำหนิอย่างโกรธเกรี้ยว ขณะเดียวกันในใจก็คิดวางแผนจะจัดการกู้ฉางฉิงให้เธอเข้าใจความเป็นจริงเสียบ้าง
กู้ฉางฉิงไม่รู้ถึงแผนการของเขา
เธอพยายามอย่างหนักที่จะระงับความโกรธ จากนั้นสิ่งที่ตามมาก็คือความอ่อนแอในจิตใจและความเศร้าโศก
ในที่สุดเธอก็ทนต่อความคับแค้นที่มีในใจไม่ได้อีกต่อไป เธอกอดผ้าห่มแน่นและร้องไห้โฮออกมา
หลังจากได้ฟังคำพูดของกู้หงเซินแล้ว กู้ฉางฉิงก็ไม่สามารถระงับความโกรธไว้ได้
ทั้งที่เธอเองก็เป็นเหยื่อในเรื่องนี้เหมือนกัน ต่อให้เธอจะมีส่วนเกี่ยวข้องก็ตาม แต่ก็เพราะถูกสถานการณ์บังคับ
“ไม่ปล่อยฉันงั้นเหรอ? กู้หงเซิน ถ้าจะลำเอียงก็ไม่ใช่ลำเอียงแบบนี้ คุณคิดว่าฉันเต็มใจจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องแย่ ๆ เหล่านี้เหรอ คุณลืมไปหรือเปล่า คนพวกนี้โมโหเพราะกู้ฉางซินเป็นคนไปยั่วยุก่อน ส่วนคุณก็สบายเลยนะ พอเธอไป คุณก็ทิ้งความยุ่งเหยิงทั้งหมดไว้ให้ฉันตามสะสาง ทำไมไม่ไปโทษลูกสาวตัวดีของคุณเอง ทำตัวเป็นดอกไม้ริมทาง เหมือนผีเสื้อบินวนรอบผู้ชาย!”
“กู้ฉางฉิง!”
เมื่อกู้หงเซินได้ยินเธอพูดไม่ดีเกี่ยวกับกู้ฉางซิน ก็โกรธเพิ่มขึ้นอีก แล้วตวาดออกมา
“ไม่ต้องตะโกน ฉันได้ยิน”
กู้ฉางฉิงเปลี่ยนท่าทีที่เคยกังวลต่อกู้หงเซินและพูดพลางยิ้มเยาะว่า “ส่วนเรื่องฉินเป่ยหานที่ตามตื้อฉันไม่ปล่อย นั่นก็เพราะว่าเขาต้องการสานสัมพันธ์เก่ากับกู้ฉางซิน คุณยังมีหน้ามาตําหนิฉันอีก ในสัญญาของเราไม่ได้พูดถึงเงื่อนไขที่ฉันจะต้องมาคอยเก็บกวาดจัดการเรื่องยุ่ง ๆ ของกู้ฉางซินนะ”
“……”
กู้หงเซินฟังคำพูดของเธอแล้วถึงกับสำลักพูดไม่ออกอยู่พักใหญ่ ได้ยินเพียงเสียงบดขยี้ฟันดังลอดมาจากสายโทรศัพท์
“กู้ฉางฉิง นี่คือท่าทีที่แกใช้พูดกับฉันงั้นเหรอ? อย่าลืมสถานะของตัวเอง หรือว่าแกไม่อยากได้แม่ของแกแล้ว!”
เขาโกรธมากจนถึงกับยกติงเซียงหลานออกมาข่มขู่
เมื่อกู้ฉางฉิงได้ยินดังนั้น เธอซึ่งโกรธมากอยู่แล้วก็ได้ระเบิดโพล่งออกมาทันที
“กู้หงเซิน คุณลองกล้าแตะต้องแม่ฉันดูสิ ถ้าแม่ของฉันเป็นอะไรไปแม้เพียงนิดเดียว ฉันจะลากคุณและกู้ฉางซินไปฝังทั้งเป็นด้วยกัน!”
ทันทีที่เธอพูดจบก็กดวางสายไป และนั่งหายใจหอบอยู่บนเตียง
เห็นได้ชัดว่าเธอโกรธมากแค่ไหน
แน่นอนว่าคนที่โกรธมากกว่าก็คือกู้หงเซิน
เขาคิดไม่ถึงว่ากู้ฉางฉิงจะไม่สนใจคำขู่ของเขาแต่กลับข่มขู่เขากลับ ใบหน้าของเขาก็มืดมนราวกับหยดหมึก
“นังตัวดี นึกว่าเข้าไปอยู่ในบ้านตระกูลเฟิงได้แล้วก็ปีกกล้าขาแข็งสินะ ถึงกล้าที่จะต่อต้านเขา!”
เขากัดฟันตำหนิอย่างโกรธเกรี้ยว ขณะเดียวกันในใจก็คิดวางแผนจะจัดการกู้ฉางฉิงให้เธอเข้าใจความเป็นจริงเสียบ้าง
กู้ฉางฉิงไม่รู้ถึงแผนการของเขา
เธอพยายามอย่างหนักที่จะระงับความโกรธ จากนั้นสิ่งที่ตามมาก็คือความอ่อนแอในจิตใจและความเศร้าโศก
ในที่สุดเธอก็ทนต่อความคับแค้นที่มีในใจไม่ได้อีกต่อไป เธอกอดผ้าห่มแน่นและร้องไห้โฮออกมา
และเธอก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะให้เขามารังแกอีกแล้ว
ในที่สุดเธอก็ยอมแพ้ เธอเม้มริมฝีปากแล้วเดินเข้าไปรับนมมายกหัวขึ้นดื่มจนหมด โดยไม่แม้แต่จะมองเฟิงจิ่งเหยา
“ตอนนี้คุณไปได้แล้วใช่ไหม?”
เธอยื่นแก้วเปล่าคืนให้เฟิงจิ่งเหยา หลังจากที่เฟิงจิ่งเหยารับมาแล้ว เธอไม่แม้แต่จะมองเขา หมุนตัวกลับขึ้นเตียงและนอนหันหลังให้เขา
“ตอนที่ออกไปรบกวนปิดประตูให้ด้วยค่ะ ขอบคุณ!”
เมื่อพูดจบ เธอก็นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียงราวกับหลับไป
เฟิงจิ่งเหยายืนอยู่หน้าประตู จ้องแผ่นหลังบนเตียงอยู่นานก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป
เมื่อประตูถูกปิดลง คนที่นอนไม่ขยับเขยื้อนบนเตียงก็เริ่มตัวสั่นขึ้นอีก
เขาไปแล้วจริง ๆ……
เธอกัดริมฝีปากล่าง น้ำตาที่แห้งเหือดไปแล้วก็ไหลพรากออกมาอีกครั้ง
เจ็บปวดหัวใจราวกับกำลังฉีกขาด
“เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่ ทําไมถึงได้ร้องไห้อีกล่ะ?”
ขณะที่กู้ฉางฉิงกําลังจะปล่อยโฮร้องไห้เสียงดังออกมา ทันใดนั้นเสียงทุ้มต่ำของของเฟิงจิ่งเหยาก็ดังขึ้นจากด้านหลังของเธอ ทําให้เธอแข็งทื่อไปทั้งตัว
ยังไม่ทันที่เธอจะถามเฟิงจิ่งเหยาว่าทําไมถึงยังไม่ไป เตียงใหญ่นุ่มก็ยุบตัวลงเล็กน้อย จากนั้นอ้อมกอดที่อบอุ่นและกลิ่นที่คุ้นเคยก็ได้โอบกอดเธอไว้จากทางด้านหลัง
“หยุดร้องซะนะ ไม่งั้นพรุ่งนี้ตาจะบวมเอา”
เขาวางคางลงที่ต้นคอของกู้ฉางฉิงแล้วพูดเสียงเบา
กู้ฉางฉิงรู้สึกเกร็งไปทั้งตัว ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสน
เธอไม่รู้ว่าชายคนนี้ทำแบบนี้เพื่ออะไร
หลังจากได้ฟังคำพูดของกู้หงเซินแล้ว กู้ฉางฉิงก็ไม่สามารถระงับความโกรธไว้ได้
ทั้งที่เธอเองก็เป็นเหยื่อในเรื่องนี้เหมือนกัน ต่อให้เธอจะมีส่วนเกี่ยวข้องก็ตาม แต่ก็เพราะถูกสถานการณ์บังคับ
“ไม่ปล่อยฉันงั้นเหรอ? กู้หงเซิน ถ้าจะลำเอียงก็ไม่ใช่ลำเอียงแบบนี้ คุณคิดว่าฉันเต็มใจจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องแย่ ๆ เหล่านี้เหรอ คุณลืมไปหรือเปล่า คนพวกนี้โมโหเพราะกู้ฉางซินเป็นคนไปยั่วยุก่อน ส่วนคุณก็สบายเลยนะ พอเธอไป คุณก็ทิ้งความยุ่งเหยิงทั้งหมดไว้ให้ฉันตามสะสาง ทำไมไม่ไปโทษลูกสาวตัวดีของคุณเอง ทำตัวเป็นดอกไม้ริมทาง เหมือนผีเสื้อบินวนรอบผู้ชาย!”
“กู้ฉางฉิง!”
เมื่อกู้หงเซินได้ยินเธอพูดไม่ดีเกี่ยวกับกู้ฉางซิน ก็โกรธเพิ่มขึ้นอีก แล้วตวาดออกมา
“ไม่ต้องตะโกน ฉันได้ยิน”
กู้ฉางฉิงเปลี่ยนท่าทีที่เคยกังวลต่อกู้หงเซินและพูดพลางยิ้มเยาะว่า “ส่วนเรื่องฉินเป่ยหานที่ตามตื้อฉันไม่ปล่อย นั่นก็เพราะว่าเขาต้องการสานสัมพันธ์เก่ากับกู้ฉางซิน คุณยังมีหน้ามาตําหนิฉันอีก ในสัญญาของเราไม่ได้พูดถึงเงื่อนไขที่ฉันจะต้องมาคอยเก็บกวาดจัดการเรื่องยุ่ง ๆ ของกู้ฉางซินนะ”
“……”
กู้หงเซินฟังคำพูดของเธอแล้วถึงกับสำลักพูดไม่ออกอยู่พักใหญ่ ได้ยินเพียงเสียงบดขยี้ฟันดังลอดมาจากสายโทรศัพท์
“กู้ฉางฉิง นี่คือท่าทีที่แกใช้พูดกับฉันงั้นเหรอ? อย่าลืมสถานะของตัวเอง หรือว่าแกไม่อยากได้แม่ของแกแล้ว!”
เขาโกรธมากจนถึงกับยกติงเซียงหลานออกมาข่มขู่
เมื่อกู้ฉางฉิงได้ยินดังนั้น เธอซึ่งโกรธมากอยู่แล้วก็ได้ระเบิดโพล่งออกมาทันที
“กู้หงเซิน คุณลองกล้าแตะต้องแม่ฉันดูสิ ถ้าแม่ของฉันเป็นอะไรไปแม้เพียงนิดเดียว ฉันจะลากคุณและกู้ฉางซินไปฝังทั้งเป็นด้วยกัน!”
ทันทีที่เธอพูดจบก็กดวางสายไป และนั่งหายใจหอบอยู่บนเตียง
เห็นได้ชัดว่าเธอโกรธมากแค่ไหน
แน่นอนว่าคนที่โกรธมากกว่าก็คือกู้หงเซิน
เขาคิดไม่ถึงว่ากู้ฉางฉิงจะไม่สนใจคำขู่ของเขาแต่กลับข่มขู่เขากลับ ใบหน้าของเขาก็มืดมนราวกับหยดหมึก
“นังตัวดี นึกว่าเข้าไปอยู่ในบ้านตระกูลเฟิงได้แล้วก็ปีกกล้าขาแข็งสินะ ถึงกล้าที่จะต่อต้านเขา!”
เขากัดฟันตำหนิอย่างโกรธเกรี้ยว ขณะเดียวกันในใจก็คิดวางแผนจะจัดการกู้ฉางฉิงให้เธอเข้าใจความเป็นจริงเสียบ้าง
กู้ฉางฉิงไม่รู้ถึงแผนการของเขา
เธอพยายามอย่างหนักที่จะระงับความโกรธ จากนั้นสิ่งที่ตามมาก็คือความอ่อนแอในจิตใจและความเศร้าโศก
ในที่สุดเธอก็ทนต่อความคับแค้นที่มีในใจไม่ได้อีกต่อไป เธอกอดผ้าห่มแน่นและร้องไห้โฮออกมา