สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – ตอนที่ 129 ฝังทั้งเป็นไปกับเธอ

หลังจากได้ฟังคำพูดของกู้หงเซินแล้ว กู้ฉางฉิงก็ไม่สามารถระงับความโกรธไว้ได้
ทั้งที่เธอเองก็เป็นเหยื่อในเรื่องนี้เหมือนกัน ต่อให้เธอจะมีส่วนเกี่ยวข้องก็ตาม แต่ก็เพราะถูกสถานการณ์บังคับ
“ไม่ปล่อยฉันงั้นเหรอ? กู้หงเซิน ถ้าจะลำเอียงก็ไม่ใช่ลำเอียงแบบนี้ คุณคิดว่าฉันเต็มใจจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องแย่ ๆ เหล่านี้เหรอ คุณลืมไปหรือเปล่า คนพวกนี้โมโหเพราะกู้ฉางซินเป็นคนไปยั่วยุก่อน ส่วนคุณก็สบายเลยนะ พอเธอไป คุณก็ทิ้งความยุ่งเหยิงทั้งหมดไว้ให้ฉันตามสะสาง ทำไมไม่ไปโทษลูกสาวตัวดีของคุณเอง ทำตัวเป็นดอกไม้ริมทาง เหมือนผีเสื้อบินวนรอบผู้ชาย!”
“กู้ฉางฉิง!”
เมื่อกู้หงเซินได้ยินเธอพูดไม่ดีเกี่ยวกับกู้ฉางซิน ก็โกรธเพิ่มขึ้นอีก แล้วตวาดออกมา
“ไม่ต้องตะโกน ฉันได้ยิน”
กู้ฉางฉิงเปลี่ยนท่าทีที่เคยกังวลต่อกู้หงเซินและพูดพลางยิ้มเยาะว่า “ส่วนเรื่องฉินเป่ยหานที่ตามตื้อฉันไม่ปล่อย นั่นก็เพราะว่าเขาต้องการสานสัมพันธ์เก่ากับกู้ฉางซิน คุณยังมีหน้ามาตําหนิฉันอีก ในสัญญาของเราไม่ได้พูดถึงเงื่อนไขที่ฉันจะต้องมาคอยเก็บกวาดจัดการเรื่องยุ่ง ๆ ของกู้ฉางซินนะ”
“……”
กู้หงเซินฟังคำพูดของเธอแล้วถึงกับสำลักพูดไม่ออกอยู่พักใหญ่ ได้ยินเพียงเสียงบดขยี้ฟันดังลอดมาจากสายโทรศัพท์
“กู้ฉางฉิง นี่คือท่าทีที่แกใช้พูดกับฉันงั้นเหรอ? อย่าลืมสถานะของตัวเอง หรือว่าแกไม่อยากได้แม่ของแกแล้ว!”
เขาโกรธมากจนถึงกับยกติงเซียงหลานออกมาข่มขู่
เมื่อกู้ฉางฉิงได้ยินดังนั้น เธอซึ่งโกรธมากอยู่แล้วก็ได้ระเบิดโพล่งออกมาทันที
“กู้หงเซิน คุณลองกล้าแตะต้องแม่ฉันดูสิ ถ้าแม่ของฉันเป็นอะไรไปแม้เพียงนิดเดียว ฉันจะลากคุณและกู้ฉางซินไปฝังทั้งเป็นด้วยกัน!”
ทันทีที่เธอพูดจบก็กดวางสายไป และนั่งหายใจหอบอยู่บนเตียง
เห็นได้ชัดว่าเธอโกรธมากแค่ไหน
แน่นอนว่าคนที่โกรธมากกว่าก็คือกู้หงเซิน
เขาคิดไม่ถึงว่ากู้ฉางฉิงจะไม่สนใจคำขู่ของเขาแต่กลับข่มขู่เขากลับ ใบหน้าของเขาก็มืดมนราวกับหยดหมึก
“นังตัวดี นึกว่าเข้าไปอยู่ในบ้านตระกูลเฟิงได้แล้วก็ปีกกล้าขาแข็งสินะ ถึงกล้าที่จะต่อต้านเขา!”
เขากัดฟันตำหนิอย่างโกรธเกรี้ยว ขณะเดียวกันในใจก็คิดวางแผนจะจัดการกู้ฉางฉิงให้เธอเข้าใจความเป็นจริงเสียบ้าง
กู้ฉางฉิงไม่รู้ถึงแผนการของเขา
เธอพยายามอย่างหนักที่จะระงับความโกรธ จากนั้นสิ่งที่ตามมาก็คือความอ่อนแอในจิตใจและความเศร้าโศก
ในที่สุดเธอก็ทนต่อความคับแค้นที่มีในใจไม่ได้อีกต่อไป เธอกอดผ้าห่มแน่นและร้องไห้โฮออกมา

หลังจากได้ฟังคำพูดของกู้หงเซินแล้ว กู้ฉางฉิงก็ไม่สามารถระงับความโกรธไว้ได้
ทั้งที่เธอเองก็เป็นเหยื่อในเรื่องนี้เหมือนกัน ต่อให้เธอจะมีส่วนเกี่ยวข้องก็ตาม แต่ก็เพราะถูกสถานการณ์บังคับ
“ไม่ปล่อยฉันงั้นเหรอ? กู้หงเซิน ถ้าจะลำเอียงก็ไม่ใช่ลำเอียงแบบนี้ คุณคิดว่าฉันเต็มใจจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องแย่ ๆ เหล่านี้เหรอ คุณลืมไปหรือเปล่า คนพวกนี้โมโหเพราะกู้ฉางซินเป็นคนไปยั่วยุก่อน ส่วนคุณก็สบายเลยนะ พอเธอไป คุณก็ทิ้งความยุ่งเหยิงทั้งหมดไว้ให้ฉันตามสะสาง ทำไมไม่ไปโทษลูกสาวตัวดีของคุณเอง ทำตัวเป็นดอกไม้ริมทาง เหมือนผีเสื้อบินวนรอบผู้ชาย!”
“กู้ฉางฉิง!”
เมื่อกู้หงเซินได้ยินเธอพูดไม่ดีเกี่ยวกับกู้ฉางซิน ก็โกรธเพิ่มขึ้นอีก แล้วตวาดออกมา
“ไม่ต้องตะโกน ฉันได้ยิน”
กู้ฉางฉิงเปลี่ยนท่าทีที่เคยกังวลต่อกู้หงเซินและพูดพลางยิ้มเยาะว่า “ส่วนเรื่องฉินเป่ยหานที่ตามตื้อฉันไม่ปล่อย นั่นก็เพราะว่าเขาต้องการสานสัมพันธ์เก่ากับกู้ฉางซิน คุณยังมีหน้ามาตําหนิฉันอีก ในสัญญาของเราไม่ได้พูดถึงเงื่อนไขที่ฉันจะต้องมาคอยเก็บกวาดจัดการเรื่องยุ่ง ๆ ของกู้ฉางซินนะ”
“……”
กู้หงเซินฟังคำพูดของเธอแล้วถึงกับสำลักพูดไม่ออกอยู่พักใหญ่ ได้ยินเพียงเสียงบดขยี้ฟันดังลอดมาจากสายโทรศัพท์
“กู้ฉางฉิง นี่คือท่าทีที่แกใช้พูดกับฉันงั้นเหรอ? อย่าลืมสถานะของตัวเอง หรือว่าแกไม่อยากได้แม่ของแกแล้ว!”
เขาโกรธมากจนถึงกับยกติงเซียงหลานออกมาข่มขู่
เมื่อกู้ฉางฉิงได้ยินดังนั้น เธอซึ่งโกรธมากอยู่แล้วก็ได้ระเบิดโพล่งออกมาทันที
“กู้หงเซิน คุณลองกล้าแตะต้องแม่ฉันดูสิ ถ้าแม่ของฉันเป็นอะไรไปแม้เพียงนิดเดียว ฉันจะลากคุณและกู้ฉางซินไปฝังทั้งเป็นด้วยกัน!”
ทันทีที่เธอพูดจบก็กดวางสายไป และนั่งหายใจหอบอยู่บนเตียง
เห็นได้ชัดว่าเธอโกรธมากแค่ไหน
แน่นอนว่าคนที่โกรธมากกว่าก็คือกู้หงเซิน
เขาคิดไม่ถึงว่ากู้ฉางฉิงจะไม่สนใจคำขู่ของเขาแต่กลับข่มขู่เขากลับ ใบหน้าของเขาก็มืดมนราวกับหยดหมึก
“นังตัวดี นึกว่าเข้าไปอยู่ในบ้านตระกูลเฟิงได้แล้วก็ปีกกล้าขาแข็งสินะ ถึงกล้าที่จะต่อต้านเขา!”
เขากัดฟันตำหนิอย่างโกรธเกรี้ยว ขณะเดียวกันในใจก็คิดวางแผนจะจัดการกู้ฉางฉิงให้เธอเข้าใจความเป็นจริงเสียบ้าง
กู้ฉางฉิงไม่รู้ถึงแผนการของเขา
เธอพยายามอย่างหนักที่จะระงับความโกรธ จากนั้นสิ่งที่ตามมาก็คือความอ่อนแอในจิตใจและความเศร้าโศก
ในที่สุดเธอก็ทนต่อความคับแค้นที่มีในใจไม่ได้อีกต่อไป เธอกอดผ้าห่มแน่นและร้องไห้โฮออกมา
และเธอก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะให้เขามารังแกอีกแล้ว
ในที่สุดเธอก็ยอมแพ้ เธอเม้มริมฝีปากแล้วเดินเข้าไปรับนมมายกหัวขึ้นดื่มจนหมด โดยไม่แม้แต่จะมองเฟิงจิ่งเหยา
“ตอนนี้คุณไปได้แล้วใช่ไหม?”
เธอยื่นแก้วเปล่าคืนให้เฟิงจิ่งเหยา หลังจากที่เฟิงจิ่งเหยารับมาแล้ว เธอไม่แม้แต่จะมองเขา หมุนตัวกลับขึ้นเตียงและนอนหันหลังให้เขา
“ตอนที่ออกไปรบกวนปิดประตูให้ด้วยค่ะ ขอบคุณ!”
เมื่อพูดจบ เธอก็นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียงราวกับหลับไป
เฟิงจิ่งเหยายืนอยู่หน้าประตู จ้องแผ่นหลังบนเตียงอยู่นานก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป
เมื่อประตูถูกปิดลง คนที่นอนไม่ขยับเขยื้อนบนเตียงก็เริ่มตัวสั่นขึ้นอีก
เขาไปแล้วจริง ๆ……
เธอกัดริมฝีปากล่าง น้ำตาที่แห้งเหือดไปแล้วก็ไหลพรากออกมาอีกครั้ง
เจ็บปวดหัวใจราวกับกำลังฉีกขาด
“เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่ ทําไมถึงได้ร้องไห้อีกล่ะ?”
ขณะที่กู้ฉางฉิงกําลังจะปล่อยโฮร้องไห้เสียงดังออกมา ทันใดนั้นเสียงทุ้มต่ำของของเฟิงจิ่งเหยาก็ดังขึ้นจากด้านหลังของเธอ ทําให้เธอแข็งทื่อไปทั้งตัว
ยังไม่ทันที่เธอจะถามเฟิงจิ่งเหยาว่าทําไมถึงยังไม่ไป เตียงใหญ่นุ่มก็ยุบตัวลงเล็กน้อย จากนั้นอ้อมกอดที่อบอุ่นและกลิ่นที่คุ้นเคยก็ได้โอบกอดเธอไว้จากทางด้านหลัง
“หยุดร้องซะนะ ไม่งั้นพรุ่งนี้ตาจะบวมเอา”
เขาวางคางลงที่ต้นคอของกู้ฉางฉิงแล้วพูดเสียงเบา
กู้ฉางฉิงรู้สึกเกร็งไปทั้งตัว ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสน
เธอไม่รู้ว่าชายคนนี้ทำแบบนี้เพื่ออะไร

หลังจากได้ฟังคำพูดของกู้หงเซินแล้ว กู้ฉางฉิงก็ไม่สามารถระงับความโกรธไว้ได้
ทั้งที่เธอเองก็เป็นเหยื่อในเรื่องนี้เหมือนกัน ต่อให้เธอจะมีส่วนเกี่ยวข้องก็ตาม แต่ก็เพราะถูกสถานการณ์บังคับ
“ไม่ปล่อยฉันงั้นเหรอ? กู้หงเซิน ถ้าจะลำเอียงก็ไม่ใช่ลำเอียงแบบนี้ คุณคิดว่าฉันเต็มใจจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องแย่ ๆ เหล่านี้เหรอ คุณลืมไปหรือเปล่า คนพวกนี้โมโหเพราะกู้ฉางซินเป็นคนไปยั่วยุก่อน ส่วนคุณก็สบายเลยนะ พอเธอไป คุณก็ทิ้งความยุ่งเหยิงทั้งหมดไว้ให้ฉันตามสะสาง ทำไมไม่ไปโทษลูกสาวตัวดีของคุณเอง ทำตัวเป็นดอกไม้ริมทาง เหมือนผีเสื้อบินวนรอบผู้ชาย!”
“กู้ฉางฉิง!”
เมื่อกู้หงเซินได้ยินเธอพูดไม่ดีเกี่ยวกับกู้ฉางซิน ก็โกรธเพิ่มขึ้นอีก แล้วตวาดออกมา
“ไม่ต้องตะโกน ฉันได้ยิน”
กู้ฉางฉิงเปลี่ยนท่าทีที่เคยกังวลต่อกู้หงเซินและพูดพลางยิ้มเยาะว่า “ส่วนเรื่องฉินเป่ยหานที่ตามตื้อฉันไม่ปล่อย นั่นก็เพราะว่าเขาต้องการสานสัมพันธ์เก่ากับกู้ฉางซิน คุณยังมีหน้ามาตําหนิฉันอีก ในสัญญาของเราไม่ได้พูดถึงเงื่อนไขที่ฉันจะต้องมาคอยเก็บกวาดจัดการเรื่องยุ่ง ๆ ของกู้ฉางซินนะ”
“……”
กู้หงเซินฟังคำพูดของเธอแล้วถึงกับสำลักพูดไม่ออกอยู่พักใหญ่ ได้ยินเพียงเสียงบดขยี้ฟันดังลอดมาจากสายโทรศัพท์
“กู้ฉางฉิง นี่คือท่าทีที่แกใช้พูดกับฉันงั้นเหรอ? อย่าลืมสถานะของตัวเอง หรือว่าแกไม่อยากได้แม่ของแกแล้ว!”
เขาโกรธมากจนถึงกับยกติงเซียงหลานออกมาข่มขู่
เมื่อกู้ฉางฉิงได้ยินดังนั้น เธอซึ่งโกรธมากอยู่แล้วก็ได้ระเบิดโพล่งออกมาทันที
“กู้หงเซิน คุณลองกล้าแตะต้องแม่ฉันดูสิ ถ้าแม่ของฉันเป็นอะไรไปแม้เพียงนิดเดียว ฉันจะลากคุณและกู้ฉางซินไปฝังทั้งเป็นด้วยกัน!”
ทันทีที่เธอพูดจบก็กดวางสายไป และนั่งหายใจหอบอยู่บนเตียง
เห็นได้ชัดว่าเธอโกรธมากแค่ไหน
แน่นอนว่าคนที่โกรธมากกว่าก็คือกู้หงเซิน
เขาคิดไม่ถึงว่ากู้ฉางฉิงจะไม่สนใจคำขู่ของเขาแต่กลับข่มขู่เขากลับ ใบหน้าของเขาก็มืดมนราวกับหยดหมึก
“นังตัวดี นึกว่าเข้าไปอยู่ในบ้านตระกูลเฟิงได้แล้วก็ปีกกล้าขาแข็งสินะ ถึงกล้าที่จะต่อต้านเขา!”
เขากัดฟันตำหนิอย่างโกรธเกรี้ยว ขณะเดียวกันในใจก็คิดวางแผนจะจัดการกู้ฉางฉิงให้เธอเข้าใจความเป็นจริงเสียบ้าง
กู้ฉางฉิงไม่รู้ถึงแผนการของเขา
เธอพยายามอย่างหนักที่จะระงับความโกรธ จากนั้นสิ่งที่ตามมาก็คือความอ่อนแอในจิตใจและความเศร้าโศก
ในที่สุดเธอก็ทนต่อความคับแค้นที่มีในใจไม่ได้อีกต่อไป เธอกอดผ้าห่มแน่นและร้องไห้โฮออกมา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

Options

not work with dark mode
Reset