วันต่อมา กู้ฉางฉิงตื่นขึ้นอย่างเต็มอิ่ม
เธอมองแสงอาทิตย์ที่ส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา คิดว่าเวลานี้เฟิงจิ่งเหยาคงไปที่บริษัทแล้ว
แต่ในขณะที่เธอกำลังจะลุกขึ้นจากที่นอน ก็เห็นชายที่แต่งตัวอย่างเรียบร้อยเดินออกมาจากห้องแต่งตัว
เฟิงจิ่งเหยาเห็นเธอ ก็ชะงักฝีเท้าลง “ในเมื่อตื่นแล้ว ก็ไปล้างหน้าล้างตาซะ หลังทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว คุณแม่ให้พวกเราไปพบท่านสักหน่อย”
กู้ฉางฉิงเม้มปาก ไม่ได้สนใจคําพูดของเขา เมื่อลงจากเตียงแล้วก็ตรงเข้าไปยังห้องน้ำเลย
แม้ว่าเมื่อคืนเธอจะถูกผู้ชายคนนี้ลากกลับมา แต่ความคับแค้นในใจก็ยังไม่ได้หายไป
ขณะที่แปรงฟัน จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่ชายคนนั้นพูด
คุณนายเฟิงบอกให้พวกเธอไปหา……
เกรงว่าคงจะจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแน่
เมื่อคิดได้ดังนั้น ใจของเธอก็หดหู่ลง
ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะทําอะไรกับเธอ
เธอเดินตามเฟิงจิ่งเหยาไปทานอาหารด้วยความวิตกกังวล จากนั้นจึงเดินไปบ้านใหญ่ด้วยกัน
ยิ่งใกล้ถึงบ้านใหญ่เท่าไหร่ เธอก็รู้สึกประหม่ามากขึ้นเรื่อย ๆ เท่านั้น
แม้แต่เธอเองก็ไม่ทันสังเกตว่าสีหน้าของเธอกลายเป็นซีดมาก
เฟิงจิ่งเหยามองแล้วขมวดคิ้วแน่น
ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่เห็นเขาเข้าไปจับมือกู้ฉางฉิงที่ห้อยอยู่ข้างขา แล้วพูดขึ้นเสียงเข้มว่า “ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างมีผมอยู่”
กู้ฉางฉิงที่ยังคงจมอยู่กับความคิดของตัวเอง จู่ ๆ เมื่อได้ยินคําพูดนี้ขึ้นมา ก็ยังไม่มีการตอบสนองใดใด
จนกระทั่งสัมผัสอันร้อนแรงได้ส่งผ่านมาในมือ จึงทําให้เธอได้สติกลับคืนมา
วันต่อมา กู้ฉางฉิงตื่นขึ้นอย่างเต็มอิ่ม
เธอมองแสงอาทิตย์ที่ส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา คิดว่าเวลานี้เฟิงจิ่งเหยาคงไปที่บริษัทแล้ว
แต่ในขณะที่เธอกำลังจะลุกขึ้นจากที่นอน ก็เห็นชายที่แต่งตัวอย่างเรียบร้อยเดินออกมาจากห้องแต่งตัว
เฟิงจิ่งเหยาเห็นเธอ ก็ชะงักฝีเท้าลง “ในเมื่อตื่นแล้ว ก็ไปล้างหน้าล้างตาซะ หลังทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว คุณแม่ให้พวกเราไปพบท่านสักหน่อย”
กู้ฉางฉิงเม้มปาก ไม่ได้สนใจคําพูดของเขา เมื่อลงจากเตียงแล้วก็ตรงเข้าไปยังห้องน้ำเลย
แม้ว่าเมื่อคืนเธอจะถูกผู้ชายคนนี้ลากกลับมา แต่ความคับแค้นในใจก็ยังไม่ได้หายไป
ขณะที่แปรงฟัน จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่ชายคนนั้นพูด
คุณนายเฟิงบอกให้พวกเธอไปหา……
เกรงว่าคงจะจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแน่
เมื่อคิดได้ดังนั้น ใจของเธอก็หดหู่ลง
ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะทําอะไรกับเธอ
เธอเดินตามเฟิงจิ่งเหยาไปทานอาหารด้วยความวิตกกังวล จากนั้นจึงเดินไปบ้านใหญ่ด้วยกัน
ยิ่งใกล้ถึงบ้านใหญ่เท่าไหร่ เธอก็รู้สึกประหม่ามากขึ้นเรื่อย ๆ เท่านั้น
แม้แต่เธอเองก็ไม่ทันสังเกตว่าสีหน้าของเธอกลายเป็นซีดมาก
เฟิงจิ่งเหยามองแล้วขมวดคิ้วแน่น
ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่เห็นเขาเข้าไปจับมือกู้ฉางฉิงที่ห้อยอยู่ข้างขา แล้วพูดขึ้นเสียงเข้มว่า “ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างมีผมอยู่”
กู้ฉางฉิงที่ยังคงจมอยู่กับความคิดของตัวเอง จู่ ๆ เมื่อได้ยินคําพูดนี้ขึ้นมา ก็ยังไม่มีการตอบสนองใดใด
จนกระทั่งสัมผัสอันร้อนแรงได้ส่งผ่านมาในมือ จึงทําให้เธอได้สติกลับคืนมา
“คุณคิดว่ายกนายท่านออกมาอ้างแล้วกู้ฉางซินจะยังอยู่ต่อได้งั้นเหรอ? ลูกสาวของคุณลักลอบคบชู้กับกับชายอื่นหลายต่อหลายครั้ง คุณคิดว่าถ้านายท่านรู้เข้ายังจะชอบเธอได้อีกเหรอ?”
คุณนายเฟิงรู้ว่ากู้หงเซินนั้นคิดอะไรอยู่ จึงพูดดักความคิดของเขาไว้
เมื่อกู้หงเซินได้ยินคําพูดนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะโต้แย้งอย่างไรดี
ก็จริง หากเรื่องนี้รู้เข้าถึงหูนายท่าน เกรงว่าคงจะไม่ให้เธออยู่ต่อแน่
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่กู้ฉางฉิงอย่างโกรธเกรี้ยว และส่งสายตาข่มขู่บอกให้เธอคิดหาวิธี
กู้ฉางฉิงเข้าใจความหมายของเขา ความกังวลก็เกิดขึ้นมา และเธอก็ครุ่นคิดถึงแผนรับมือ
“คุณแม่คะ คุณแม่พูดหลายครั้งว่าหนูลักลอบมีความสัมพันธ์กับคนอื่น หนูสงสัยมากว่าเราทำอะไรให้คุณแม่รู้สึกแบบนั้น?”
เธอคิดอย่างกระวนกระวาย และมีความคิดบางอย่างเกิดในใจ
เธอมองคุณนายเฟิงด้วยแววตาหนักแน่น กล่าวขึ้นว่า “ครั้งที่แล้วคุณอาเล็กเป็นคนพาหนูไปที่คลับเฮ้าส์ ตอนนั้นในห้องมีคนสิบกว่าคน แต่ไม่รู้ว่าสุดท้ายทำไมถึงกลายเป็นมาลงเอยที่หนูทำเรื่องไม่ดีอีก?”
เมื่อพูดจบ เธอก็มองไปที่เฟิงจิ้งหยวนด้วยแววตาคลุมเครือ ก็เห็นเฟิงจิ้งหยวนทำหน้าสำนึกผิด
กู้ฉางฉิงก็ไม่ได้สนใจและพูดต่อว่า “และครั้งนี้ หนูก็แค่พักผ่อนอยู่ในเลานจ์ ฉินเป่ยหานมาหาหนูก็เพราะอยากมาปลอบใจที่หนูถูกใส่ร้ายก่อนหน้านี้ แต่พอเขาเข้ามาได้เพียงไม่กี่นาทีก็ถูกคนขังไว้ข้างใน ตอนนั้นหนูก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ และตั้งใจจะกระโดดหนีทางหน้าต่าง แต่ฉินเป่ยหานกลัวว่าหนูจะตกอยู่ในอันตรายก็เลยดึงหนูไว้ แต่แล้วในเวลานี้เองที่พวกคุณก็บุกเข้ามา”
แม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดอะไรชัดเจน แต่ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างก็เข้าใจว่าเธอหมายความว่าอะไร
มีคนจงใจใส่ร้ายเธอ
เฟิงจิ้งหยวนและคุณนายเฟิงมีสีหน้าที่ดูไม่สบายใจนัก
วันต่อมา กู้ฉางฉิงตื่นขึ้นอย่างเต็มอิ่ม
เธอมองแสงอาทิตย์ที่ส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา คิดว่าเวลานี้เฟิงจิ่งเหยาคงไปที่บริษัทแล้ว
แต่ในขณะที่เธอกำลังจะลุกขึ้นจากที่นอน ก็เห็นชายที่แต่งตัวอย่างเรียบร้อยเดินออกมาจากห้องแต่งตัว
เฟิงจิ่งเหยาเห็นเธอ ก็ชะงักฝีเท้าลง “ในเมื่อตื่นแล้ว ก็ไปล้างหน้าล้างตาซะ หลังทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว คุณแม่ให้พวกเราไปพบท่านสักหน่อย”
กู้ฉางฉิงเม้มปาก ไม่ได้สนใจคําพูดของเขา เมื่อลงจากเตียงแล้วก็ตรงเข้าไปยังห้องน้ำเลย
แม้ว่าเมื่อคืนเธอจะถูกผู้ชายคนนี้ลากกลับมา แต่ความคับแค้นในใจก็ยังไม่ได้หายไป
ขณะที่แปรงฟัน จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่ชายคนนั้นพูด
คุณนายเฟิงบอกให้พวกเธอไปหา……
เกรงว่าคงจะจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแน่
เมื่อคิดได้ดังนั้น ใจของเธอก็หดหู่ลง
ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะทําอะไรกับเธอ
เธอเดินตามเฟิงจิ่งเหยาไปทานอาหารด้วยความวิตกกังวล จากนั้นจึงเดินไปบ้านใหญ่ด้วยกัน
ยิ่งใกล้ถึงบ้านใหญ่เท่าไหร่ เธอก็รู้สึกประหม่ามากขึ้นเรื่อย ๆ เท่านั้น
แม้แต่เธอเองก็ไม่ทันสังเกตว่าสีหน้าของเธอกลายเป็นซีดมาก
เฟิงจิ่งเหยามองแล้วขมวดคิ้วแน่น
ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่เห็นเขาเข้าไปจับมือกู้ฉางฉิงที่ห้อยอยู่ข้างขา แล้วพูดขึ้นเสียงเข้มว่า “ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างมีผมอยู่”
กู้ฉางฉิงที่ยังคงจมอยู่กับความคิดของตัวเอง จู่ ๆ เมื่อได้ยินคําพูดนี้ขึ้นมา ก็ยังไม่มีการตอบสนองใดใด
จนกระทั่งสัมผัสอันร้อนแรงได้ส่งผ่านมาในมือ จึงทําให้เธอได้สติกลับคืนมา