หลังจากที่กู้ฉางชิงและเฟิงจิงเหยาออกไป กู้หงเซินก็หาข้ออ้างที่จะไป
เวลานี้ในห้องรับแขกเหลือเพียงคุณนานเฟิงกับเฟิงจิ้งหยวน
คุณนายเฟิงโกรธมาก เธอมองเฟิงจิ้งหยวนที่อยู่ข้างๆ พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า : “นี่คุณทำจนเป็นเรื่อง ไม่ใช่บอกว่าไม่มีข้อผิดพลาดหรอ?”
เฟิงจิ้งหยวนถูกต่อว่าจนน้อยใจไปชั่วขณะ
“เดิมทีก็ไม่มีข้อผิดพลาดหรอก ใครจะรู้ว่ากู้ฉางซินกลายเป็นคนฟันคมปากคล่องตั้งแต่เมื่อไหร่”
เธอโต้เถียงอย่างไม่ยอมแพ้ : “พูดอีกอย่างหนึ่ง เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉัน ไม่ใช่เพราะว่าช่วยคุณหรอ เกรงว่าเวลานี้จิงเหยาจะโกรธคุณอาเล็กของฉัน ตอนนี้คุณยังจะโทษฉันอีก”
คุณนายเฟิงฟังคำพูดเธอจบ นึกถึงท่าทีของลูกชายของตนเองอีกครั้ง ก็หมดเรี่ยวแรงจริงๆ ปวดหัวจนจะแตก
“ช่างเถอะๆ คุณกลับไปเถอะ”
เฟิงจิ้งหยวนได้ยิน ก็หน้าบูดบึ้งออกไป
หลังจากที่เธอไปแล้ว คุณนายเฟิงขมวดคิ้วแน่นนั่งอยู่บนโซฟา
ชั่วคู่นี้ไม่สามารถขับไล่หญิงชั่วกู้ฉางซินคนนั้นออกไปได้ ก็ไม่รู้จะอธิบายกับทางตระกูลลู่นั้นว่าอย่างไร
เธอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ปวดหัวจนเส้นเลือดเต้นขึ้นมา
“คุณนาย ท่านคิดเรื่องเมื่อคืนวานอยู่หรอ?”
เวลานี้ คุณอาหวางเดินเข้ามา
เธอเป็นคนสนิทข้างกายคุณนายเฟิง สำหรับเรื่องเมื่อวาน ก็ทราบด้วย
“อืม”
คุณนายเฟิงมองตาเธอ ก็ไม่รู้ว่าจะระบายความในใจกับใคร เธอพูดความโกรธที่อัดอั้นอยู่ในใจ
“คุณพูด เดิมทีก็วางแผนดี ก็รู้ว่าสุดท้ายมันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง จิงเหยาก็ด้วย ชัดเจนว่าเห็นหญิงชั่วใจง่ายอย่างนั้นแล้ว คาดไม่ถึงว่ายังช่วยเธอ โกรธฉันมากจริงๆ”
คุณอาหวางฟังอย่างเคารพตลอด จนกระทั่งคุณนายเฟิงพูดจบ จึงพูดเสริมว่า
“คุณนาย อันที่จริงคุณไม่จำเป็นต้องโกรธขนาดนี้ โกรธมากจนทำร้ายตนเอง”
เธอพูดจบ สังเกตุสีหน้าของคุณนายเฟิงอย่างระวัง จึงพูดอย่างรอบคอบว่า : “ฉันรู้ว่าคุณนายอยากให้ผู้หญิงคนนั้นออกไปจากคุณชาย แต่ที่จริงเราไม่ต้องกังวลใจขนาดนี้ ถึงกับไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น รอนานๆไป ผู้หญิงคนนั้นก็จะไม่มีหน้าอยู่ที่ตระกูลเฟิงแล้ว”
คุณนายเฟิงฟังคำพูด ความประหลาดใจฉายในแววตา
หลังจากที่กู้ฉางชิงและเฟิงจิงเหยาออกไป กู้หงเซินก็หาข้ออ้างที่จะไป
เวลานี้ในห้องรับแขกเหลือเพียงคุณนานเฟิงกับเฟิงจิ้งหยวน
คุณนายเฟิงโกรธมาก เธอมองเฟิงจิ้งหยวนที่อยู่ข้างๆ พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า : “นี่คุณทำจนเป็นเรื่อง ไม่ใช่บอกว่าไม่มีข้อผิดพลาดหรอ?”
เฟิงจิ้งหยวนถูกต่อว่าจนน้อยใจไปชั่วขณะ
“เดิมทีก็ไม่มีข้อผิดพลาดหรอก ใครจะรู้ว่ากู้ฉางซินกลายเป็นคนฟันคมปากคล่องตั้งแต่เมื่อไหร่”
เธอโต้เถียงอย่างไม่ยอมแพ้ : “พูดอีกอย่างหนึ่ง เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉัน ไม่ใช่เพราะว่าช่วยคุณหรอ เกรงว่าเวลานี้จิงเหยาจะโกรธคุณอาเล็กของฉัน ตอนนี้คุณยังจะโทษฉันอีก”
คุณนายเฟิงฟังคำพูดเธอจบ นึกถึงท่าทีของลูกชายของตนเองอีกครั้ง ก็หมดเรี่ยวแรงจริงๆ ปวดหัวจนจะแตก
“ช่างเถอะๆ คุณกลับไปเถอะ”
เฟิงจิ้งหยวนได้ยิน ก็หน้าบูดบึ้งออกไป
หลังจากที่เธอไปแล้ว คุณนายเฟิงขมวดคิ้วแน่นนั่งอยู่บนโซฟา
ชั่วคู่นี้ไม่สามารถขับไล่หญิงชั่วกู้ฉางซินคนนั้นออกไปได้ ก็ไม่รู้จะอธิบายกับทางตระกูลลู่นั้นว่าอย่างไร
เธอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ปวดหัวจนเส้นเลือดเต้นขึ้นมา
“คุณนาย ท่านคิดเรื่องเมื่อคืนวานอยู่หรอ?”
เวลานี้ คุณอาหวางเดินเข้ามา
เธอเป็นคนสนิทข้างกายคุณนายเฟิง สำหรับเรื่องเมื่อวาน ก็ทราบด้วย
“อืม”
คุณนายเฟิงมองตาเธอ ก็ไม่รู้ว่าจะระบายความในใจกับใคร เธอพูดความโกรธที่อัดอั้นอยู่ในใจ
“คุณพูด เดิมทีก็วางแผนดี ก็รู้ว่าสุดท้ายมันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง จิงเหยาก็ด้วย ชัดเจนว่าเห็นหญิงชั่วใจง่ายอย่างนั้นแล้ว คาดไม่ถึงว่ายังช่วยเธอ โกรธฉันมากจริงๆ”
คุณอาหวางฟังอย่างเคารพตลอด จนกระทั่งคุณนายเฟิงพูดจบ จึงพูดเสริมว่า
“คุณนาย อันที่จริงคุณไม่จำเป็นต้องโกรธขนาดนี้ โกรธมากจนทำร้ายตนเอง”
เธอพูดจบ สังเกตุสีหน้าของคุณนายเฟิงอย่างระวัง จึงพูดอย่างรอบคอบว่า : “ฉันรู้ว่าคุณนายอยากให้ผู้หญิงคนนั้นออกไปจากคุณชาย แต่ที่จริงเราไม่ต้องกังวลใจขนาดนี้ ถึงกับไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น รอนานๆไป ผู้หญิงคนนั้นก็จะไม่มีหน้าอยู่ที่ตระกูลเฟิงแล้ว”
คุณนายเฟิงฟังคำพูด ความประหลาดใจฉายในแววตา
เฟิงจิงเหยาได้ฟังคำนี้ จึงหยุดการทำงานในมือลง เงยหน้าถามว่า : “จับได้ที่ไหน?”
“สถานีเล็กๆทางตะวันตกของเมือง ดูเหมือนว่าต้องการจะหนี”
ชวี่ยี่ตอบกลับอย่าเคารพ เฟิงจิงเหยาฟังจบ ก็หรี่ตาขึ้นอย่างอันตราย
“ไต่สวนออกมาใครเป็นคนบงการเขา?”
ชวี่ยี่ได้ยินคำนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไป
“ไต่สวนออกมาแล้ว……”
เขาไม่กล้าเอ่ยปาก เมื่อเห็นเฟิงจิงเหยาขมวดคิ้วแน่น
“พูด!”
คำพูดเย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธ ชวี่ยี่ตกใจจนตัวสั่น รีบพูดประโยคหลังออกไป
“ท่านประธาน คุณหนูที่ห้าเป็นคนบงการ”
เฟิงจิงเหยาได้ฟังคำนี้ ใบหน้าก็เคร่งขรึม เหมือนกับที่คาดเดาไว้แล้วไม่มีผิด ไม่ได้ตกใจมากมาย
ชวี่ยี่เห็นอย่างนั้น ยังคงสงสัยอยู่ในใจ
ไม่รอให้เขาคิดฟุ้งซ่านไป ทางด้านเฟิงจิงเหยานั้นก็มีคำสั่งแล้ว
“อายัดบัตรธนาคารทั้งหมดของเธอ ไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน ภายใต้บังคัญชาอสังหาริมทรัพย์ใครก็ไม่สามารถจดบัญชีให้เธอได้”
“ครับ!”
ชวี่ยี่รับคำสั่ง ก็ออกจากห้องทำงานไปลงมือจัดการ
เฟิงจืงเหยามองดูเขาหายไปจากหน้าประตู ดวงตาเต็มไปด้วยความมืดมิดอันตราย
เขาคิดว่าคำเตือนก่อนหน้านี้จะช่วยให้เฟิงจิ้งหยวนยับยั้งชั่งใจได้ ไม่คิดว่ากลับทำให้เธอกำเริบเสิบสาน!
หลังจากที่กู้ฉางชิงและเฟิงจิงเหยาออกไป กู้หงเซินก็หาข้ออ้างที่จะไป
เวลานี้ในห้องรับแขกเหลือเพียงคุณนานเฟิงกับเฟิงจิ้งหยวน
คุณนายเฟิงโกรธมาก เธอมองเฟิงจิ้งหยวนที่อยู่ข้างๆ พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า : “นี่คุณทำจนเป็นเรื่อง ไม่ใช่บอกว่าไม่มีข้อผิดพลาดหรอ?”
เฟิงจิ้งหยวนถูกต่อว่าจนน้อยใจไปชั่วขณะ
“เดิมทีก็ไม่มีข้อผิดพลาดหรอก ใครจะรู้ว่ากู้ฉางซินกลายเป็นคนฟันคมปากคล่องตั้งแต่เมื่อไหร่”
เธอโต้เถียงอย่างไม่ยอมแพ้ : “พูดอีกอย่างหนึ่ง เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉัน ไม่ใช่เพราะว่าช่วยคุณหรอ เกรงว่าเวลานี้จิงเหยาจะโกรธคุณอาเล็กของฉัน ตอนนี้คุณยังจะโทษฉันอีก”
คุณนายเฟิงฟังคำพูดเธอจบ นึกถึงท่าทีของลูกชายของตนเองอีกครั้ง ก็หมดเรี่ยวแรงจริงๆ ปวดหัวจนจะแตก
“ช่างเถอะๆ คุณกลับไปเถอะ”
เฟิงจิ้งหยวนได้ยิน ก็หน้าบูดบึ้งออกไป
หลังจากที่เธอไปแล้ว คุณนายเฟิงขมวดคิ้วแน่นนั่งอยู่บนโซฟา
ชั่วคู่นี้ไม่สามารถขับไล่หญิงชั่วกู้ฉางซินคนนั้นออกไปได้ ก็ไม่รู้จะอธิบายกับทางตระกูลลู่นั้นว่าอย่างไร
เธอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ปวดหัวจนเส้นเลือดเต้นขึ้นมา
“คุณนาย ท่านคิดเรื่องเมื่อคืนวานอยู่หรอ?”
เวลานี้ คุณอาหวางเดินเข้ามา
เธอเป็นคนสนิทข้างกายคุณนายเฟิง สำหรับเรื่องเมื่อวาน ก็ทราบด้วย
“อืม”
คุณนายเฟิงมองตาเธอ ก็ไม่รู้ว่าจะระบายความในใจกับใคร เธอพูดความโกรธที่อัดอั้นอยู่ในใจ
“คุณพูด เดิมทีก็วางแผนดี ก็รู้ว่าสุดท้ายมันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง จิงเหยาก็ด้วย ชัดเจนว่าเห็นหญิงชั่วใจง่ายอย่างนั้นแล้ว คาดไม่ถึงว่ายังช่วยเธอ โกรธฉันมากจริงๆ”
คุณอาหวางฟังอย่างเคารพตลอด จนกระทั่งคุณนายเฟิงพูดจบ จึงพูดเสริมว่า
“คุณนาย อันที่จริงคุณไม่จำเป็นต้องโกรธขนาดนี้ โกรธมากจนทำร้ายตนเอง”
เธอพูดจบ สังเกตุสีหน้าของคุณนายเฟิงอย่างระวัง จึงพูดอย่างรอบคอบว่า : “ฉันรู้ว่าคุณนายอยากให้ผู้หญิงคนนั้นออกไปจากคุณชาย แต่ที่จริงเราไม่ต้องกังวลใจขนาดนี้ ถึงกับไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น รอนานๆไป ผู้หญิงคนนั้นก็จะไม่มีหน้าอยู่ที่ตระกูลเฟิงแล้ว”
คุณนายเฟิงฟังคำพูด ความประหลาดใจฉายในแววตา