กู้ฉางชิงได้ฟังคำนี้ ก็หันไปมองจี้เฟิงหยุนโดยจิตใต้สำนึก
พอเธอคิดที่จะพูด อันเฉียวก็ดูดเหมือนจะนึกอะไรออก เบิกตาโพรงทันที
“ฉางชิง ถึงตอนนี้คุณก็ยังไม่คิดจะสารภาพใช่ป่ะ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ฉันจะไม่สามารถทนดูต่อไปได้แล้ว สี่ปีที่มหาวิทยาลัยนั่นทำให้คุณเสียเวลาไปป่าวๆ ครั้งนี้ไม่สามารถทำให้คุณพลาดโอกาสอีก ประจวบเหมาะกับ คืนนี้ถือเป็นโอกาสที่ดี ปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติก็พอ คุณว่าไง?”
กู้ฉางชิงได้ยิน ฉับพลันก็รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
“อันเฉียว อย่าก่อเรื่อง”
บนความเป็นจริง จะสารภาพอะไร เมื่อก่อนเธอก็เคยคิด แต่ต่อมาเพราะเรื่องจุกจิกมากมายในบ้าน บวกกับยังต้องทำงาน ต้องดูแลแม่ ปล่อยใจให้คิดเรื่องนี้โดยไม่รู้ตัว
ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอรู้สึกว่าตนเองกับจี้เฟิงหยุนไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกัน
ชอบก็ส่วนชอบ แต่ช่องว่างระหว่างทั้งสองคนนั้นมีมาก แม้ว่าเธอจะพยายามไล่ตาม ก็ไม่สามารถตามทันอย่างแน่นอน
อีกทั้งจี้เฟิงหยุนดูท่าทางของเธอแล้วก็ไม่อยากให้คิดไปอย่างนั้น
ดังนั้นเธอคิดแล้ว เป็นเพื่อนกันที่จริงก็ดีมากแล้ว
เธอคิดเสร็จ อันเฉียวข้างๆก็ทำหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจ
“คุณมันไม่มีคุณธรรม ฉันไม่คิดจะหาประโยชน์จากคุณ คิดไม่ถึงว่าคุณจะหาว่าฉันก่อเรื่อง หึ ไม่สนใจคุณแล้ว”
พูดจบ เธอก็หันข้างให้ เหมือนกับโกรธจริงๆ
กู้ฉางชิงเห็นเช่นนั้น จึงรีบไปง้อ
“ใช่ๆ ฉันผิดเอง ฉันไม่ควรทำให้จิตใจของคุณอันต้องผิดหวัง”
อันเฉียวฟังคำพูดที่นุ่มนวลของเธอ ก็ค่อยๆอ่อนโยนลง
กู้ฉางชิงชำเลืองมอง ใช้ความพยายามอย่างที่สุด ในที่สุดก็ง้อคนสำเร็จ
เธอรู้สึกโล่งใจ ไม่เดถึงประเด็นเมื่อกี้นี้อีก หันไปพูด เรื่องอื่นๆ
เมื่อเวลาผ่านไป งานเลี้ยงก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ทุกคนชนแก้วกัน แต่กู้ฉางชิงไม่อยากดื่มมากนัก
เธอรู้ว่าถ้าตนเองดื่มไปแล้วจะมีพฤติกรรมอย่างไร อีกทั้งคืนนี้เธอบอกกับเฟิงจิงเหยาว่าจะกลับตระกูลกู้ หากว่าดื่มจนเมากลับไป ต้องจบเห่แน่นอน
กู้ฉางชิงได้ฟังคำนี้ ก็หันไปมองจี้เฟิงหยุนโดยจิตใต้สำนึก
พอเธอคิดที่จะพูด อันเฉียวก็ดูดเหมือนจะนึกอะไรออก เบิกตาโพรงทันที
“ฉางชิง ถึงตอนนี้คุณก็ยังไม่คิดจะสารภาพใช่ป่ะ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ฉันจะไม่สามารถทนดูต่อไปได้แล้ว สี่ปีที่มหาวิทยาลัยนั่นทำให้คุณเสียเวลาไปป่าวๆ ครั้งนี้ไม่สามารถทำให้คุณพลาดโอกาสอีก ประจวบเหมาะกับ คืนนี้ถือเป็นโอกาสที่ดี ปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติก็พอ คุณว่าไง?”
กู้ฉางชิงได้ยิน ฉับพลันก็รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
“อันเฉียว อย่าก่อเรื่อง”
บนความเป็นจริง จะสารภาพอะไร เมื่อก่อนเธอก็เคยคิด แต่ต่อมาเพราะเรื่องจุกจิกมากมายในบ้าน บวกกับยังต้องทำงาน ต้องดูแลแม่ ปล่อยใจให้คิดเรื่องนี้โดยไม่รู้ตัว
ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอรู้สึกว่าตนเองกับจี้เฟิงหยุนไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกัน
ชอบก็ส่วนชอบ แต่ช่องว่างระหว่างทั้งสองคนนั้นมีมาก แม้ว่าเธอจะพยายามไล่ตาม ก็ไม่สามารถตามทันอย่างแน่นอน
อีกทั้งจี้เฟิงหยุนดูท่าทางของเธอแล้วก็ไม่อยากให้คิดไปอย่างนั้น
ดังนั้นเธอคิดแล้ว เป็นเพื่อนกันที่จริงก็ดีมากแล้ว
เธอคิดเสร็จ อันเฉียวข้างๆก็ทำหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจ
“คุณมันไม่มีคุณธรรม ฉันไม่คิดจะหาประโยชน์จากคุณ คิดไม่ถึงว่าคุณจะหาว่าฉันก่อเรื่อง หึ ไม่สนใจคุณแล้ว”
พูดจบ เธอก็หันข้างให้ เหมือนกับโกรธจริงๆ
กู้ฉางชิงเห็นเช่นนั้น จึงรีบไปง้อ
“ใช่ๆ ฉันผิดเอง ฉันไม่ควรทำให้จิตใจของคุณอันต้องผิดหวัง”
อันเฉียวฟังคำพูดที่นุ่มนวลของเธอ ก็ค่อยๆอ่อนโยนลง
กู้ฉางชิงชำเลืองมอง ใช้ความพยายามอย่างที่สุด ในที่สุดก็ง้อคนสำเร็จ
เธอรู้สึกโล่งใจ ไม่เดถึงประเด็นเมื่อกี้นี้อีก หันไปพูด เรื่องอื่นๆ
เมื่อเวลาผ่านไป งานเลี้ยงก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ทุกคนชนแก้วกัน แต่กู้ฉางชิงไม่อยากดื่มมากนัก
เธอรู้ว่าถ้าตนเองดื่มไปแล้วจะมีพฤติกรรมอย่างไร อีกทั้งคืนนี้เธอบอกกับเฟิงจิงเหยาว่าจะกลับตระกูลกู้ หากว่าดื่มจนเมากลับไป ต้องจบเห่แน่นอน
หลังจากคนกลุ่มหนึ่งอิ่ม ก็เสนอว่าจะออกไปร้องเพลง
กู้ฉางชิงเห็นว่าดึกแล้ว ก็พูดปฏิเสธว่า : “เวลาดึกมากแล้ว ฉันก็ไม่ไปแล้ว พวกคุณไปสนุกกันเถอะ”
“คุณไม่ไป งั้นฉันก็ไม่ไปแล้ว”
อันเฉียวฟังแล้ว ก็พูดคล้อยตามทันที
ทุกคนเห็นเช่นนั้น ก็ผลักให้หัวหน้าห้องพูดโน้มน้าว
“ฉางชิง คุณไม่ไปมันก็ไม่มีความหมายแล้วนะ……”
ยังพูดไม่ทันจบ จี้เฟิงหยุนทางนั้นก็พูดปฏิเสธ
“ฉันก็ไม่ไป บริษัทยังมีธุระ พวกคุณไปสนุกสนานกันเถอะ”
เขากวาดสายตามองไปที่ทุกคน ยิ้มแล้วพูดว่า : “ตั๋วร้องเพลงคืนนี้ ฉันซื้อแล้ว”
พูดอย่างนี้ ยากที่ทุกๆคนจะโน้มน้าวต่อไปอีก
“เอาเถอะๆ ครั้งนี้ก็ปล่อยพวกเขาไป แต่ครั้งต่อไปห้ามพลาดนะ”
หัวหน้าพูดติดตลก จร้เฟิงหยุนพยักหน้า
ทุกๆคนจึงแยกย้ายกันไป
พวกเขาตามๆกันออกไป เหลือทิ้งไว้แต่พวกกู้ฉางชิงสามคน
บรรยากาศเงียบสงบแปลกๆเล็กน้อย
ในที่สุดอันเฉียวก็ทำลายความเงียบ : “คุณจี้เดือนโรงเรียน คุณมีธุระที่บริษัท ก็ไปก่อนเถอะ ฉันกับฉางชิงจะไปเดินเล่นรอบๆ ไม่ได้เจอเธอตั้งนาน”
จี้เฟิงหยุนมองเธอ ยิ้มแล้วพูดว่า : “อันที่จริงบริษัทไม่มีธุระรีบร้อนอะไรหรอก แค่ไม่อยากไปร้องเพลงกับพวกเขา เราไปด้วยกันเถอะ ฉันกับฉางชิงก็ไม่ได้เจอกันนานแล้ว”
กู้ฉางชิงได้ฟังคำนี้ ก็หันไปมองจี้เฟิงหยุนโดยจิตใต้สำนึก
พอเธอคิดที่จะพูด อันเฉียวก็ดูดเหมือนจะนึกอะไรออก เบิกตาโพรงทันที
“ฉางชิง ถึงตอนนี้คุณก็ยังไม่คิดจะสารภาพใช่ป่ะ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ฉันจะไม่สามารถทนดูต่อไปได้แล้ว สี่ปีที่มหาวิทยาลัยนั่นทำให้คุณเสียเวลาไปป่าวๆ ครั้งนี้ไม่สามารถทำให้คุณพลาดโอกาสอีก ประจวบเหมาะกับ คืนนี้ถือเป็นโอกาสที่ดี ปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติก็พอ คุณว่าไง?”
กู้ฉางชิงได้ยิน ฉับพลันก็รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
“อันเฉียว อย่าก่อเรื่อง”
บนความเป็นจริง จะสารภาพอะไร เมื่อก่อนเธอก็เคยคิด แต่ต่อมาเพราะเรื่องจุกจิกมากมายในบ้าน บวกกับยังต้องทำงาน ต้องดูแลแม่ ปล่อยใจให้คิดเรื่องนี้โดยไม่รู้ตัว
ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอรู้สึกว่าตนเองกับจี้เฟิงหยุนไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกัน
ชอบก็ส่วนชอบ แต่ช่องว่างระหว่างทั้งสองคนนั้นมีมาก แม้ว่าเธอจะพยายามไล่ตาม ก็ไม่สามารถตามทันอย่างแน่นอน
อีกทั้งจี้เฟิงหยุนดูท่าทางของเธอแล้วก็ไม่อยากให้คิดไปอย่างนั้น
ดังนั้นเธอคิดแล้ว เป็นเพื่อนกันที่จริงก็ดีมากแล้ว
เธอคิดเสร็จ อันเฉียวข้างๆก็ทำหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจ
“คุณมันไม่มีคุณธรรม ฉันไม่คิดจะหาประโยชน์จากคุณ คิดไม่ถึงว่าคุณจะหาว่าฉันก่อเรื่อง หึ ไม่สนใจคุณแล้ว”
พูดจบ เธอก็หันข้างให้ เหมือนกับโกรธจริงๆ
กู้ฉางชิงเห็นเช่นนั้น จึงรีบไปง้อ
“ใช่ๆ ฉันผิดเอง ฉันไม่ควรทำให้จิตใจของคุณอันต้องผิดหวัง”
อันเฉียวฟังคำพูดที่นุ่มนวลของเธอ ก็ค่อยๆอ่อนโยนลง
กู้ฉางชิงชำเลืองมอง ใช้ความพยายามอย่างที่สุด ในที่สุดก็ง้อคนสำเร็จ
เธอรู้สึกโล่งใจ ไม่เดถึงประเด็นเมื่อกี้นี้อีก หันไปพูด เรื่องอื่นๆ
เมื่อเวลาผ่านไป งานเลี้ยงก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ทุกคนชนแก้วกัน แต่กู้ฉางชิงไม่อยากดื่มมากนัก
เธอรู้ว่าถ้าตนเองดื่มไปแล้วจะมีพฤติกรรมอย่างไร อีกทั้งคืนนี้เธอบอกกับเฟิงจิงเหยาว่าจะกลับตระกูลกู้ หากว่าดื่มจนเมากลับไป ต้องจบเห่แน่นอน