และความจริงก็เป็นไปตามนั้น
การที่เฟิงจิ่งเหยายอมช่วยกู้หงเซินก็เพราะพวกเขาได้บรรลุข้อตกลงร่วมกัน
เฟิงซื่อสนับสนุนการเงินช่วยให้กู้ซื่อรอดพ้นจากวิกฤต ส่วนกู้ซื่อก็ได้โอนโครงการภายใต้บริษัทให้กับเฟิงซื่อกรุ๊ป
กู้หงเซินถูกบังคับให้ลงนามในสัญญาที่ไม่เท่าเทียมกันนี้อย่างไม่เต็มใจ เขาอดกลั้นโทสะเอาไว้จนกลับไปถึงที่บริษัท
“ไอ้เฟิงจิ่งเหยา”
เขาเท้าตัวไว้กับมุมโต๊ะไว้อย่างท้อแท้ ด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว
ในความคิดของเขา การกระทำของเฟิงจิ่งเหยาครั้งนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับโจร หาผลประโยชน์จากคนที่กำลังตกที่นั่งลำบาก
แต่เขาก็ไม่มีวิธีที่จะปฏิเสธได้ หากว่าไม่มีเงินทุนจากเฟิงซื่อกรุ๊ป บริษัทก็ถึงทางตัน
เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน จดจำเรื่องครั้งนี้ไว้อย่างดี
อย่าให้เขามีโอกาสเอาคืนบ้างก็แล้วกัน เขาจะลอกหนังเฟิงจิ่งเหยาออกแน่
ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น ผู้ช่วยก็เคาะประตูและเดินเข้ามา
“ท่านประธานครับ ทางเฟิงซื่อส่งคนมารับมอบงานแล้ว”
เมื่อกู้หงเซินได้ยินดังนั้น ความโกรธที่เพิ่งจะระงับไว้ก็กลับพลุ่งขึ้นอีกครั้ง
คิดไม่ถึงว่าเขาเพิ่งจะก้าวเท้ากลับมา เฟิงซื่อก็ส่งคนตามมาทันที
ทำไมถึงได้รีบร้อนขนาดนั้น กลัวเขาจะค้างหนี้แล้วไม่ใช้คืนหรือไง?
เขาคิดอย่างขุ่นเคือง และพูดขึ้นด้วยเสียงดุดันว่า “บอกไปว่าฉันไม่อยู่ ให้พวกเขาไปติดต่อกับแผนกที่เกี่ยวข้องเอง”
ผู้ช่วยมองไปที่ท่าทางโกรธขึ้งของเขา ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไร ได้แต่พยักหน้ารับและกำลังจะหันหลังออกไป
ในขณะที่เขากำลังจะเปิดประตูออกไปนั้น ดูเหมือนกู้หงเซินจะคิดอะไรบางอย่างออก จึงเรียกให้หยุดไว้ก่อน
“รอก่อน”
“ท่านประธานยังมีอะไรจะสั่งอีกครับ?”
ผู้ช่วยหันมาถาม
“คุณช่วยติดต่อไปทางฝ่ายโครงการตอนนี้เลย ให้พวกเขาเลือกโครงการที่ไม่มีมูลค่ากับพวกโครงการที่ต้องใช้ต้นทุนสูงเหล่านั้นออกมาให้หมด แล้วส่งมอบให้กับเฟิงซื่อ”
กู้หงเซินพูดเบา ๆ
อย่าคิดว่าจะเอาเปรียบเขา แล้วเขาจะหาวิธีเอาคืนไม่ได้
ผู้ช่วยตะลึงไปเล็กน้อย แต่ก็เข้าใจความหมายของเขา
“ทราบแล้วครับ”
เขาพยักหน้าตอบ กู้หงเซินจึงโบกมือให้เขาออกไปได้
หลังจากผ่านไปครึ่งวัน การส่งมอบก็เสร็จสิ้น และตัวแทนของเฟิงซื่อก็กลับมาที่บริษัทพร้อมกับเอกสารข้อมูล
พวกเขาจัดเรียงเอกสารเรียบร้อยแล้วจึงส่งให้ชวี่ยี่ไปรายงานกับเฟิงจิ่งเหยาต่อไป
“ท่านประธานครับ กู้ซื่อที่ดูจะธรรมดาแต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีของดีอยู่ไม่น้อย”
ชวี่ยี่เดินเข้ามาพร้อมกับข้อมูลโครงการด้วยความยินดี
“ยังไงล่ะ?”
เมื่อเฟิงจิ่งเหยาได้ยินสิ่งที่เขาพูด ก็หยุดงานที่กำลังทำอยู่และเลิกคิ้วถาม
เมื่อชวี่ยี่เห็นดังนั้น จึงส่งข้อมูลโครงการให้กับเขาและอธิบายว่า “โครงการส่วนใหญ่ที่ทางกู้ซื่อให้เราเป็นโครงการขนาดเล็กที่ไม่มีผลกำไร แต่มีอยู่รายการหนึ่ง ผมลองพิจารณาดูบ้างแล้วพบว่า แม้ว่าการลงทุนครั้งแรกจะค่อนข้างสูง แต่หลังการวิจัยและพัฒนาเสร็จสิ้นผลกำไรถือว่ามากโขเลยทีเดียว”
เฟิงจิ่งเหยาฟังเขาพูดพลางพลิกดูข้อมูลในมืออย่างสงสัย
ก็เป็นดังที่ชวี่ยี่ได้กล่าวไว้ ส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดเล็กที่มีกำไรเพียงเล็กน้อย และโครงการเหล่านี้เขาก็เพียงดูผ่าน ๆ แล้ววางมันลง
หลังจากที่เขาพลิกไปถึงหน้าโครงการ R&D ที่ชวี่ยี่ชื่นชมไว้ เขาก็หยุดและดูด้วยความสนใจ
โครงการนี้เป็นโครงการชิปโทรศัพท์มือถือ หากได้รับการวิจัยและพัฒนาสำเร็จ เมื่อติดตั้งในโทรศัพท์มือถือแล้วจะสามารถยกระดับฟังก์ชันที่ยังไม่มีในโทรศัพท์มือถือในปัจจุบันได้ กล่าวได้ว่ามีประสิทธิภาพสูงมาก เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่
“โครงการนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ”
เฟิงจิ่งเหยาตอบด้วยแววตาเฉียบคม เพราะเขามองการณ์ไกลกว่าชวี่ยี่อีก
หากโครงการนี้ถูกวิจัยและพัฒนาจนสำเร็จ ไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาเท่านั้น แต่หากพวกเขาสามารถพัฒนาต่อไปตามการทดลองนี้ พวกเขายังสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ออกมาอีกได้
และหากเปิดตัวเทคโนโลยีนี้ เฟิงซื่อก็จะกลายเป็นผู้ปฏิวัติวงการโทรศัพท์มือถือ บริษัทเองก็จะก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
เมื่อคิดเช่นนี้ ในความยินดีของเขาก็ยังมีความสงสัยซ่อนอยู่
ตามหลักแล้ว โครงการที่ดีเช่นนี้ กู้หงเซินไม่น่าจะเอาออกมา
สุดท้าย……เขาก็เหลือบไปมองโครงการขนาดเล็กที่ไม่มีผลกำไรที่อยู่บนโต๊ะเหล่านั้น ก็เกิดประกายผุดขึ้นในแววตาของเขา
เกรงว่าเจ้าจิ้งจอกเฒ่านั่นจะมองไม่เห็นมูลค่าของโครงการนี้เสียมากกว่า และมองว่ามันเป็นภาระ จึงโยนมันมาให้เขาพร้อมกับโครงการที่ไร้ค่าเหล่านี้ราวกับเป็นขยะ
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ ทำให้ชวี่ยี่มองดูเขาอย่างงงงวย
“ท่านประธาน มีอะไรเหรอครับ?”
เฟิงจิ่งเหยามองไปที่เขา มุมปากยกขึ้นพูดว่า “ไม่มีอะไร ก็แค่รู้สึกว่ากู้หงเซินที่เจ้าเล่ห์สุดท้ายก็ย้อนทำร้ายตัวเองจนได้ เขาอยากใช้โครงการที่ไม่มีมูลค่ามาแลกกับเงินทุนจากบริษัทของเรา แต่เขาคาดไม่ถึงว่าได้ให้สิ่งที่มีมูลค่าสูงกับเรา”
เขาพูดพลางวางเอกสารลง แล้วออกคำสั่งว่า “โครงการนี้มอบให้คุณเป็นผู้รับผิดชอบในฐานะที่เป็นโครงการวิจัยและพัฒนา ที่สำคัญให้มีมาตรการรักษาความลับด้วย”
“ครับ!”
ชวี่ยี่พยักหน้ารับคำสั่ง หลังจากนั้นเฟิงจิ่งเหยาก็สั่งงานเพิ่มอีกเล็กน้อย แล้วจึงปล่อยให้เขาออกไป
เฟิงจิ่งเหยามองตามหลังที่กำลังจากไปของเขา ดวงตาหรี่ลง มุมปากยกขึ้น ดูออกว่าตอนนี้เขากำลังอารมณ์ดี
ทางด้านกู้ฉางฉิงกลับไม่รู้เลยว่า เรื่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เธอพูดออกไปลอย ๆ นั้น จะทำให้เฟิงจิ่งเหยาเก็บเกี่ยวได้อย่างมหาศาล
เมื่อเธอเห็นว่าวิกฤิตของกู้ซื่อกรุ๊ปได้รับการแก้ไขแล้ว ก็จึงทุ่มเทความสนใจให้กับงานอย่างเต็มที่ วาดภาพอย่างตั้งอกตั้งใจ
ในเวลาเย็นเมื่อเฟิงจิ่งเหยากลับมา คนรับใช้จากบ้านใหญ่ก็เข้ามาแจ้งให้ทั้งสองไปรับประทานอาหารร่วมกันที่บ้านใหญ่
กู้ฉางฉิงถึงได้นึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันเป็นวันรวมตัวประจำเดือนที่คนในครอบครัวต้องมาทานอาหารค่ำร่วมกัน
เธอแต่งตัวเรียบง่ายสบาย ๆ รอเฟิงจิ่งเหยาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ แล้วจึงเดินไปที่บ้านใหญ่ด้วยกัน
ในห้องรับประทานอาหาร นายท่านเฟิงและพวกคุณนายเฟิงต่างนั่งกันอยู่แล้ว
เฟิงจิ้งหยวนโค้งริมฝีปากของเธออย่างไม่พอใจ มองไปที่กู้ฉางฉิงที่มาสาย
แต่เนื่องจากมีเฟิงจิ่งเหยาอยู่ด้วย เธอจึงไม่ได้พูดอะไร
กู้ฉางฉิงสังเกตเห็นสีหน้าไม่พอใจของเธอ แต่ก็ไม่ได้สนใจ และยิ้มทักทายให้กับนายท่านเฟิง
“คุณปู่”
เมื่อสิ้นคำ เธอก็หันไปมองที่คุณนายเฟิงและคนอื่น ๆ แล้วพูดทักทายขึ้นด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ว่า “คุณพ่อ คุณแม่ อาเล็ก”
คุณนายเฟิงทำเป็นไม่ได้ยิน ส่วนเฟิงซู่ก็พยักหน้ารับอย่างเย็นชา
นายท่านเฟิงมองดูพวกเขา ขมวดคิ้วเล็กน้อย ความไม่พอใจฉายในดวงตาของท่าน
เดิมทีท่านอยากจะดุพวกเขานัก แต่เมื่อคิดว่าวันนี้เป็นวันรวมตัวของครอบครัวทั้งที ท่านจึงเก็บความโมโหไว้ไม่สนใจพวกเขา แล้วทักทายกู้ฉางฉิงด้วยรอยยิ้ม
“ฉางซิน มาแล้วก็นั่ง ไม่ต้องมาพิธีรีตองกันขนาดนี้”
กู้ฉางฉิงพยักหน้ารับคำ และเดินตามเฟิงจิ่งเหยาไปที่โต๊ะ
ระหว่างมื้อค่ำ พวกผู้ชายก็คุยกันถึงเรื่องบริษัท ส่วนกู้ฉางฉิงและคนอื่น ๆ นั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความไม่พอใจที่มีมาก่อนหน้านี้หรือเปล่า ทำให้ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน
นายท่านเฟิงที่มองดูสถานการณ์อยู่ก็อยากจะช่วยดูแลกู้ฉางฉิง และเมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับกู้ซื่อในช่วงวันสองวันมานี้ จึงพูดขึ้นด้วยความห่วงใยว่า “ฉางซิน สองสามวันมานี้เกิดเรื่องไม่น้อยขึ้นที่บ้านสกุลกู้ เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
เมื่อกู้ฉางฉิงได้ยินคำนั้นก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย และรู้ได้ทันทีว่าชายชรากำลังเป็นห่วงเธอ เธอจึงตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่มีเรื่องอะไรแล้วค่ะ คุณปู่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ”
เมื่อพูดจบ คุณนายเฟิงก็พูดขึ้นแดกดันขึ้นว่า
“อย่าคิดว่าฉันจะไม่รู้ ที่บ้านสกุลกู้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ก็เพราะมีจิ่งเหยาคอยแอบช่วยอยู่ ไม่เช่นนั้นบ้านสกุลกู้ก็จบเห่ไปตั้งนานแล้ว”
กู้ฉางฉิงเม้มปาก ไม่สามารถปฏิเสธได้ เรื่องนี้ต้องขอบคุณเฟิงจิ่งเหยาจริง ๆ
เพียงแค่คำพูดนี้ฟังไม่ค่อยลื่นหูสักเท่าไหร่ ทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
ในขณะที่เธอกำลังจะพูดอะไรออกมานั้น เฟิงจิ่งเหยาก็พูดขึ้นมาเสียก่อน
“แม่ครับ อย่าประชดฉางซินเลย ถ้าครั้งนี้ไม่ได้รับคำแนะนำจากเธอบริษัทของเราก็คงจะพลาดโครงการดี ๆ ไปแล้ว”
เมื่อเขาพูดจบ ก็มองไปที่กู้ฉางฉิงด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงได้พูดถึงเรื่องโครงการวิจัยและพัฒนาชิปออกมา
สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – ตอนที่ 163 กลัวเขาไม่ใช้หนี้
Posted by ? Views, Released on November 5, 2021
, สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ