เนื่องจากเป้ยเป้ยสำลักน้ำ และตกอยู่ในอาการผวา จึงเป็นลมหมดสติไป
คุณหมอประจำครอบครัวมาตรวจให้อย่างละเอียด เนื่องจากการตกน้ำอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมาได้ หลังจากได้ตรวจเช็คทั้งหมดถี่ถ้วน
ใช้เวลาตรวจอยู่สักพักใหญ่กว่าคุณหมอจะยืนขึ้นกล่าวว่า “อาการไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วครับ แค่ได้รับความกลัวและตกใจมากเกินไป”
คุณหมอถือเป็นคนเก่าคนแก่ของบ้านตระกลูเฟิง ทั้งยังเป็นแพทย์เป็นจำตัวของนายท่านเฟิง ทุกคนจึงเชื่อใจท่านมาก
ฟังท่านพูดเช่นนี้แล้ว ทุกคนก็โล่งใจลงไม่น้อย
ส่วนสุนัขที่อยู่ที่เท้าของพวกเขาตัวนั้น ก็ได้ไปวิ่งกระโดดอย่างมีชีวิตชีวาที่อีกด้านหนึ่ง และขณะนี้ก็วิ่งและกระโดดหมุนรอบทุกคนไปมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
นายท่านเฟิงก็พลอยตื่นตระหนกไปด้วย มือข้างหนึ่งถือผ้าเช็ดหน้าคอยซับเหงื่อที่หน้าผาก
แต่คนอื่น ๆ ในบ้านกลับไม่คิดอย่างนั้น เฟิงจิ้งซูส่งเสียงเย็นชาไม่พอใจ “แค่นี้เองน่ะเหรอ? ผู้ใหญ่อย่างหล่อนที่ผลักเด็กน้อยตกน้ำต้องมีจิตใจแบบไหนกัน? พี่สะใภ้ใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรพี่ก็ต้องมีคำอธิบายให้ฉันนะ!”
จากนั้นเธอก็หันไปหาคุณนายเฟิง ดูท่าทางคงจะไม่จบเรื่องง่าย ๆ
คุณนายเฟิงเป็นคนที่ห่วงภาพลักษณ์อยู่แล้ว อีกทั้งกู้ฉางซินยังเป็นคนที่เธอเกลียดอยู่แล้ว
นึกไม่ถึงเลยว่าเพื่อกู้ฉางซิน เธอถึงกับถูกอาเล็กบังคับให้เผชิญหน้า ทำให้ความสัมพันธ์ก็ยิ่งแย่ลง
แล้วจะปกป้องเธอได้อย่างไร?
ถ้านายท่านไม่อยู่สักคน จะรีบไล่ยัยผู้หญิงที่ทำลายครอบครัวคนนี้ออกไปให้พ้น ๆ
“น้องสี่วางใจเถอะ เราจะแสดงความรับผิดชอบอย่างแน่นอน”
คุณนายเฟิงให้คำมั่นสัญญา และมองไปที่นายท่านเฟิง “คุณพ่อ ลองดูนี่สิคะ?”
เฟิงจิ้งหยวนที่เฝ้าดูเหตุการณ์ ก็ได้เสริมน้ำมันลงบนกองไฟว่า “พี่สะใภ้คะ พี่จะใจอ่อนไม่ได้นะ ผู้หญิงที่ไม่ปล่อยแม้แต่เด็กและสุนัข นี่ถ้าปล่อยมันไป ต่อไปจะมีใครกล้ามาบ้านตระกลูเฟิงกันอีก”
สายตาห้าหกคู่ของคนในบ้านต่างจ้องมองไปที่นายท่าน ดูเหมือนกำลังรอดูรอท่าทีของชายชราผู้นี้
นายท่านเฟิงหน้านิ่วคิ้วขมวด “ฉางซินไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้น นี่อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน”
ทันทีที่นายท่านพูดจบเฟิงจิ้งซูก็โต้กลับ “เป็นเรื่องเข้าใจผิด? นี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย คุณพ่อยังอยากจะปกป้องมันให้ได้หรือคะ? คุณพ่อจะมีใจลำเอียงแบบนี้ไม่ได้นะคะ”
และในตอนนี้ กู้ฉางซินที่ยังเปียกอยู่ก็เดินเข้ามา ร่างกายยังคลุมด้วยเสื้อสูทของเฟิงจิ่งเหยา
ทุกคนจ้องมองไปที่เธอ
“ฉางซินเอ๋ย ไหนเธอพูดซิเรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่?”
นายท่านเฟิงหันไปถามกู้ฉางฉิงด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
กู้ฉางฉิงตอบกลับ “ฉันเห็นสุนัขตกลงไป เป้ยเป้ยอยากจะช่วยมัน ฉันจึงไปช่วยเธอด้วย แต่ว่า พี่สี่ตะโกนเสียงดังออกมา เป้ยเป้ยตกใจก็เลยพลาดลื่นตกลงไปค่ะ”
“หล่อนโกหก! กู้ฉางซิน เวลานี้ยังจะแต่งเรื่อง ยังกล้าโยนความผิดมาให้ฉันอีก”
เฟิงจิ้งซูน่าจะโกรธมากจนทั้งร่างสั่นเทิ้มไป
ขณะนี้เอง สาวใช้ก็ได้ลงมารายงานว่า “คุณหนูเป้ยเป้ยฟื้นแล้วค่ะ”
พอได้ยินว่าเด็กน้อยฟื้นแล้ว ทุกคนในห้องก็รีบกรูกันขึ้นไปดู
เป้ยเป้ยนอนขดตัวอยู่บนเตียง ร้องไห้หาแม่
เฟิงจิ้งซูรีบมาข้างหน้า กอดลูกด้วยความเป็นห่วง “แม่อยู่นี่ ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรแล้วนะ”
กว่าจะกล่อมให้สงบลงไม่ง่ายเลย เฟิงจิ้งหยวนก็ถามโพล่งขึ้นมาว่า “เป้ยเป้ย หนูบอกน้ามาซิ หนูตกลงไปในน้ำได้อย่างไร? มีคนผลักหนูใช่ไหม?”
คุณนายเฟิงถาม “พี่สะใภ้เป็นคนผลักใช่หรือไม่?”
เป้ยเป้ยที่ตอนนี้เริ่มมีเรี่ยวแรงขึ้นมาบ้างแล้ว เงยหน้าขึ้นมองผู้คนรอบข้าง แล้วพยักหน้า
มือซีดขาวเล็ก ๆ นั่นได้ชี้ไปที่กู้ฉางชิง
กู้ฉางฉินหัวใจเย็นวาบ สีหน้ายิ่งดูแย่ลง โพล่งออกมาว่า “เด็กคนนี้ทำไมถึงพูดโกหก?”
บรรยากาศเงียบลง สาวใช้บางคนยืนห่างออกไปโดยไม่รู้ตัว มีใครบ้างล่ะที่ไม่รู้ว่าอาสี่นั้นเป็นคนปกป้องตัวเองและครอบครัว
“เธอว่าใครโกหก?”
เหมือนถูกกู้ฉางฉิงกระตุ้นขึ้นมา เฟิงจิ้งซูปล่อยลูก แลวพูดตอบกลับมาด้วยความโกรธ “เป้ยเป้ยของเราไม่เคยโกหก ถ้าเป็นเธอก็ไม่แน่นะกู้ฉางซิน ฉันประเมินพิษสงของเธอต่ำไป เรื่องที่ตัวเองทำลงไปไม่ยอมรับกลับโยนความผิดให้เป้ยเป้ยอีก”
หลายคนรอบ ๆ ก็หน้านิ่วคิ้วขมวดมองไปทางกู้ฉางฉิน
เฟิงจิ้งซูหันไปอ้อนวอนนายท่านอีกครั้ง “คุณพ่อคะ ท่านก็ได้ยินแล้ว เป้ยเป้ยเป็นหลานในไส้ของคุณพ่อ คุณพ่อจะเอาแต่ปกป้องคนคนนี้ไม่ได้นะคะ วันนี้คุณพ่อต้องให้ความชัดเจนกับลูก ไม่อย่างนั้นต่อไปลูกจะไม่มาเหยียบประตูบ้านตระกูลเฟิงอีก ไม่กล้ามาแล้ว!”
“พี่สี่!”
“อาสี่!”
ทั้งเฟิงจิ้งหยวนและลู่ซือหยี่ที่อยู่ข้าง ๆ ตะโกนออกมา ทั้งสองมองไปที่นายท่านเฟิง
นายท่านเฟิงขมวดคิ้ว จู่ ๆ ก็ไม่รู้จะพูดอะไร
“คุณพ่อคะ ลูกแค่เรียกร้องขอความยุติธรรม มันยากมากหรือคะ?”
เฟิงจิ้งซูที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตาได้หันไปทางคุณนายเฟิง “พี่สะใภ้ พี่ก็คิดจะปกป้องมันด้วยใช่ไหม?
ทันใดนั้นทุกสายตาก็ตกไปที่คุณนายเฟิง
“เธอนี่มันยิ่งกว่าเด็ก ทำผิดไม่รับแล้วยังโกหกอีก!”
คุณนายเฟิงโกรธมากอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเห็นว่านายท่านเฟิงยังเงียบอยู่ เธอจึงชี้ไปที่กู้ฉางฉิง และพูดว่า “ยังไม่รีบไปห้องบรรพบุรุษอีก ถ้าไม่คุกเข่าสำนึกผิดต่อหน้าบรรพบุรุษหนึ่งวันหนึ่งคืน อย่าหวังจะได้กินข้าว”
คำพูดที่เย็นชาสาดโครมลงมาทำให้กู้ฉางฉิงถึงกับยืนไม่ไหว
นี่เหตุผลอะไรกัน อยู่ดีดี เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
ไปสำนึกที่ห้องบรรพบุรุษ?
เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ทำไมกัน?
เธอมองไปที่คนเหล่านี้ด้วยความโกรธ กำลังจะแก้ตัว ก็ถูกเฟิงจิ่งเหยาหยุดไว้ด้วยเสียงเคร่งขรึมของเขาว่า “ผมจะคุกเข่ากับเธอเอง!”
พอเขาพูดคำนี้ออกไป ทุกคนก็ตกใจ!
“จิ่งเหยาเรื่องนี้เธอไม่ผิด เธอจะมายุ่งด้วยทำไม?”
“นั่นน่ะสิพี่จิ่งเหยา ทำไมพี่ต้องคุกเข่ากับเธอ พี่ไม่ได้เป็นคนผลักสักหน่อย” ลู่ซือหยี่ช่วยห้าม
“พี่จะปกป้องมันไปถึงเมื่อไหร่?”
เฟิงจิ้งหยวนชี้หน้าเฟิงจิ่งเหยาด้วยความโกรธจนตัวสั่น
“จิ่งเหยา นี่เธอกำลงทำอะไร?”
คุณนายเฟิงก็ตกใจเช่นกัน
ทุกสายตาต่างมารวมกันในจุดเดียว เฟิงจิ่งเหยาหันกลับไปมองกู้ฉางฉิง “เธอคือภรรยาของผม ถ้าทำผิด ผมก็ควรแบกรับผลไปด้วยกัน”
เขาเสียงดังหนักแน่นมีพลังแบบที่ไม่ให้คนอื่นขัดขวางได้แน่
คุณนายเฟิงส่ายหัว “ไม่ได้ เธอเข้าไปไม่ได้!”
เฟิงจิ่งเหยาเป็นดั่งดวงใจของเธอ เป็นความภาคภูมิใจของเธอ เป็นคนที่มีค่าของเธอ เขาจะไปคุกเข่าที่ห้องบรรพบุรุษกับกู้ฉางซินได้อย่างไร
เฟิงจิ่งเหยาไม่พูดอะไรต่อ จูงมือกู้ฉางฉิงแล้วเดินออกไป
ตอนแรกกู้ฉางฉิงนึกว่าเฟิงจิ่งเหยาไม่เชื่อในตัวเธอ แต่คราวนี้เขากลับใช้วิธีนี้เพื่อปกป้องเธอ
ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็เริ่มแดง ราวกับว่าความคับข้องใจที่เกิดขึ้นเมื่อครู่หายไปหมด
“คุณไม่จำเป็นต้องไป ฉันไปเองได้ค่ะ!”
กู้ฉางฉิงสลัดมือของเขาออก
จะให้คนอย่างเขาไปคุกเข่าได้อย่างไร?
เธอพูดไปพลางจับกระชับเสื้อสูทแน่น เพราะทั้งร่างเธอเปียกปอน
และเธอก็เดินไปทางห้องบรรพบุรุษทั้งที่เสื้อผ้าก็ยังไม่ได้เปลี่ยนเลยด้วยซ้ำ
“กู้ฉางซิน!”
เฟิงจิ่งเหยารีบเร่งจะตามไปให้ทันเธอ
คาดไม่ถึงว่าคุณนายเฟิงจะมาจับแขนเขาไว้แน่น จนเขาไม่อาจผละออกไปได้
พร้อมกับเสียงแหลมของคุณนายเฟิงดังอยู่ข้างหูว่า “เธอห้ามไป!”
สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – ตอนที่ 51 รับผิดชอบร่วมกับเธอ
Posted by ? Views, Released on September 28, 2021
, สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ