ในตอนบ่าย กู้ฉางชิงก็ไม่เห็นเฟิงจิงเหยาอีก
เมื่ออาหารมื้อเย็นผ่านไปไม่นาน เธอก็รีบเข้านอน
กลางดึก เธอรู้สึกคอแห้งมาก จึงต้องตื่นเพราะความกระหายน้ำ
เธอลุกขึ้นเพื่อจะไปดื่มน้ำอุ่นที่ห้องครัว ใช้มือคลำๆเดินลงไปชั้นล่าง
ระหว่างทางผ่านห้องหนังสือ มองเห็นไฟในห้องยังคงสว่างอยู่
กู้ฉางชิงก็ตื่นตัวขึ้นมาหน่อย แล้วค่อยๆก้าวเดิน
เธอผลักประตูเบาๆ มองเห็นเฟิงจิงเหยาฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะ
ด้านหน้าของเขามีกองเอกสาร ด้านข้างมีปากกา Landy Gessica ว่างอยู่ ชัดเจนมากว่าเขาทำงานจนเหนื่อยล้าแล้วเผลอหลับไป
แท้จริงแล้วโอสรสวรรค์ก็ไม่ได้น่าเป็นสักเท่าไหร่!
กู้ฉางชิงเข้ามามองใกล้ๆ เห็นใบหน้าด้านข้างที่หล่อเหลาของเขา บริสุทธิ์ราวกับเด็ก เพียงแต่ในตอนที่เขาหลับ แล้วขมวดคิ้ว ทำให้ไม่อาจทนได้
เธอสูดลมหายใจเข้า ไม่กล้าปลุกเขา เดินเบาๆไปหยิบผ้ามาห่มให้เฟิงจิงเหยา แล้วเดินกลับออกไป
ในตอนที่ใกล้จะออกจากห้อง ก็หันหลับไปมองเขาอีกครั้ง แล้วปิดไฟในห้องหนังสือ พร้อมกับพูดพึมพำว่า:“กุ๊ดไนท์ ฝันดี!”
แสงไฟในห้องก็ดับลงทันที เฟิงจิงเหยารู้สึกไม่สบายจึงขยี้ตา และลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ
มองไปทางไหนก็มือตึ๊ดตื๋อ
รูม่านตาของเขาหดเล็กลง รู้สึกเหมือนข้างหน้ามีตาข่ายสีดำขนาดใหญ่ จะกลืนกินเขาเข้าไป
เขาหายใจแผ่วเบา แล้วลุกขึ้นทันที แต่มือไม้อ่อน เขาหายใจถี่ขึ้น มือเท้าเย็นเฉียบ หลังชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เขาอยากจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก ล้มลงอยู่ตรงนั้น ทำได้เพียงพยายามเอามือจับโต๊ะ เหมือนคว้าฟางเส้นสุดท้าย
ปึง!
เสียงดังฟังชัด กู้ฉางชิงที่เพิ่งออกมาจากห้องหนังสือก็ตกใจสะดุ้ง
เสียงนี้ดังออกมาจากห้องหนังสือของเฟิงจิงเหยา เธอรีบกลับไปเปิดไฟในห้องหนังสือ
ไฟในห้องก็สว่างขึ้น กู้ฉางชิงเห็นเฟิงจิงเหยาล้มอยู่ที่พื้น
“เฟิงจิงเหยา คุณเป็นอะไร?”
เธอรีบวิ่งเข้าไปกอดร่างของเฟิงจิงเหยาขึ้นมา
ยังไม่ทันได้มีการเคลื่อนไหวใดๆ เธอก็กอดเขาไว้แน่น
เธอเห็นร่างกายของเฟิงจิงเหยากระตุกกระตุก ดูเหมือนเขาหวาดกลัวอะไรบางอย่าง
กู้ฉางชิงทำอะไรไม่ถูก ได้แต่กอดเขาเอาไว้ และพูดปลอบเบาๆ “ไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไร ฉันอยู่นี่ เฟิงชิงเหยาฉันอยู่ตรงนี้!”
“ฉันจะอยู่ข้างๆคุณ……ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นอะไร……”
กู้ฉางชิงไม่เข้าใจว่าทำไมตอนนี้เฟิงจิงเหยาถึงกลายเป็นแบบนี้
เธอพยายามปลอบขวัญ ฝ่ามือวางไว้บนหน้าอกของเขา ช่วยให้เขาหายใจสะดวก
แต่ดูท่าเฟิงจิงเหยายิ่งหายใจไม่สะดวกมากขึ้นไปทุกที ใบหน้าก็ซีกเซียวราวกับคนจมน้ำ……
กู้ฉางชิงหวาดกลัว ในหัวคิดจะช่วยชีวิตด้วยการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
“ใช่ๆ ผายปอด”
ในหัวของกู้ฉางชิงก็สว่างวาบขึ้นมา ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ แล้วก็รีบก้มลงจูบริมฝีปาก ผายปอดให้เขา
เวลผ่านไปสักครู่ กู้ฉางชิงรู้สึกเหมือนว่าเฟิงจิงเหยาจะนิ่งสงบแล้ว แต่เธอก็ยังผายปอดต่อไปเรื่อยๆ
เธอสบายใจขึ้น และโน้มตัวเข้ามาใกล้เขา “เฟิงจิงเหยา คุณรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”
เฟิงจิงเหยาได้ยินเสียงเธอก็ลืมตาขึ้น หันหน้ามามองเธอ แล้วไม่นานก็หมดสติไปอีก
“เฟิงจิงเหยา?เฟิงจิงเหยา?”
เสียงกู้ฉางชิงตะโกนเรียก ดูท่าเขาจะยังไม่ดีขึ้น เธอรู้สึกไม่สบายใจ จึงรีบวิ่งออกไป “พ่อบ้าน พ่อบ้าน!”
เสียงเธอดังสนั่น จนไฟตามทางเดินสว่างขึ้น
ไม่นานพ่อบ้านที่อยู่ชั้นหนึ่งก็เดินออกมาจากห้อง
คนรับใช้ที่อยู่เวรยามก็เดินมาเช่นกัน
“คุณนาย?” พ่อบ้านเห็นกู้ฉางชิง “เกิดอะไรขึ้นครับ?”
ดึกดื่นป่านนี้ ทุกคนหลับกันหมดแล้ว
พฤติกรรมที่กู้ฉางซินทำก่อนหน้านี้ ในบ้านนี้มีไม่กี่คนที่ชอบเธอ พ่อบ้านก็เพียงต้องทำตามหน้าที่เท่านั้นเอง
กู้ฉางชิงไม่ได้สนใจอะไรมากนัก “จิงเหยาหมดสติอยู่ที่ห้องหนังสือ!”
“อะไรนะ?” พ่อบ้านได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจ “เป็นแบบนั้นไปได้ยังไง?”
“ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
กู้ฉางชิงตอบ จากนั้นพ่อบ้านก็วิ่งผ่านเธอไป พอถึงห้องหนังสือก็รีบเข้าไปดูอาการเฟิงจิงเหยา
หลังจากนั้นพ่อบ้านก็ออกมาอีกครั้ง เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน สั่งคนรับใช้ด้วยสีหน้าเข้มจริงจัง “โทรศัพท์เรียกหมอหวังมาที”
ประมาณสิบห้านาที กู้ฉางชิงก็เห็นหมอสวมเสื้อกาวน์สีขาวเดินมา ด้านหลังยังมีผู้ช่วยถือกล่องอุปกรณ์ตามมา
“หมอหวัง!” พ่อบ้านรีบเข้าไปอธิบายอาการของเฟิงจิงเหยา
หมอหวังมีประสบการณ์อยู่แล้ว จึงให้ทุกคนอยู่ด้านนอก แล้วรีบเข้าไปในห้องหนังสือ
ผ่านไปสิบนาที ในที่สุดหมอหวังก็ออกมาแล้วพูดว่า:“ไม่มีอะไร โชคดีที่มาได้ทันเวลา
ผมฉีดยาให้เขาแล้ว แต่เขาไม่ได้เป็นแบบนี้มานานแล้ว พวกคุณได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของหมอรึเปล่า?”
พ่อบ้านไม่สามารถตอบได้ เหลือบมองกู้ฉางชิง “นี่……ผมก็ไม่แน่ใจ คุณนายเป็นคนพบคนแรก”
กู้ฉางชิงเดินทีก็มีท่าทางที่เป็นทุกข์และหวาดกลัวอยู่แล้ว รีบตอบกลับว่า:“ฉัน……ฉันก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ฉันก็แค่เห็นเฟิงจิงเหยานอนหลับอยู่ จึงเอาผ้ามาห่มให้ ตอนที่ออกมาก็ปิดไฟเรียบร้อย แต่คิดไม่ถึง……”
เธอยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นพ่อบ้านและหมอหวังสีหน้าเปลี่ยนไป
ทั้งสองคนยังไม่ทันได้พูด ก็ได้ยินเสียงดังมาจากประตู
“จิงเหยา จิงเหยาเป็นยังไงบ้าง?”
หลังจากได้ยินเสียงทุกคนก็หันไปมอง เห็นสามีภรรยาวัยกลางคนเดินเข้ามา
ผู้ชายอายุประมาณสี่สิบกว่า แต่ยังดูแข็งแรง รูปร่างหน้าตาสง่างามเหมือนอายุแค่สามสิบกว่าเท่านั้น
ส่วนผู้หญิงสวมชุดกี่เพ้า เธอดูสง่าและมีเสน่ห์ แต่ในเวลานี้ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
คนที่มานี้คือพ่อแม่ของเฟิงจิงเหยา
กู้ฉางชิงไม่คิดว่าการที่เฟิงจิงเหยาหมดสติ จะทำให้เธอต้องเจอกับศึกหนักเช่นนี้ ในใจรู้สึกไม่สงบ
พ่อบ้านออกไปต้อนรับและพูดว่า :“คุณนาย คุณท่าน เพิ่งฉีดยาไป ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว”
คุณนายเฟิงถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วถามว่า “จิงเหยาเพิ่งจะกลับมา?ทำไมอยู่ๆอาการถึงกำเริบล่ะ?”
พ่อบ้านมองไปที่กู้ฉางชิง เหมือนมีความลังเลใจ
กู้ฉางชิงยกคิ้วขึ้น ในใจมีลางสังหรณ์ไม่ดี
พ่อบ้านเข้ามากระซิบใกล้หูคุณนายเฟิง พูดจบ คุณนายเฟิงก็มีสีหน้าเย็นชา ไม่พูดสักคำ มองหน้ากู้ฉางชิง แล้วตำหนิด้วยความโกรธว่า:“ฉันบอกแล้วแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ ไม่มีอะไรดีแน่นอน เฟิงจิงเหยาเพิ่งกลับมา เธอก็สร้างความหายนะอย่างนี้ เธอคิดจะฆ่าเขาใช่ไหม?”
สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – ตอนที่ 7 เธอคิดจะฆ่าเขาใช่ไหม
Posted by ? Views, Released on September 28, 2021
, สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ