ลู่ซือยวี่ได้ยินคำพูดของสาวใช้ หรี่ตาด้วยความสงสัย
“ว่ายังไง? ”
สาวใช้ได้ยินคำนี้ก็รีบพูดความคิดของตัวเองออกมา
“คุณหนูลองคิดดู คนเราสามารถเปลี่ยนได้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นบุคลิกนิสัย ช่วงนี้ผู้หญิงคนนั้นก็อยู่แต่ในบ้าน คุณหนูไม่คิดว่ามันแปลกๆหรอ? นี่ไม่ใช่นิสัยปกติของผู้หญิงคนนั้น ”
ลู่ซือยวี่ฟังเช่นนี้ มองลงและคิดอย่างรอบคอบ
สาวใช้เห็นคำพูดตัวเองฟังเข้าหู จึงพูดต่อ: “และฉันคิดว่า ถ้าคุณหนูอยากจัดการกับผู้หญิงคนนี้ ใช้วิธีนี้จัดการได้ ถึงแม้จะหาหลักฐานไม่ได้ แต่ก็เพิ่มอุปสรรคให้ผู้หญิงนั่นได้ ”
พูดจบก็มองไปที่ลู่ซือยวี่รอให้เธอตัดสินใจ
ลู่ซือยวี่ฟังแล้วรู้สึกเข้าท่ามีเหตุผล จึงตอบว่า: “ความคิดนี้ไม่เลว……ฉันจะส่งคนไปตรวจสอบดู พวกแกออกไปได้แล้ว ”
เธอสะบัดมือให้ทั้งสองคนออกไป
เมื่อพวกเขาออกไป ลู่ซือยวี่มองไปบ้านใหม่จากนอกหน้าต่าง แสงยามเย็นส่องผ่านดวงตา
กู้ฉางซิน อย่าให้ฉันจับผิดแกได้นะ ไม่งั้น ฉันเอาแกตายแน่!
……
ตัดภาพมาที่บ้านใหม่ กู้ฉางชิงเพิ่งคุยโทรศัพท์กับกู้หงเซินเสร็จ เสี่ยวเหมยก็เคาะประตูเข้ามา
“คุณนายรอง สาวใช้คนนั้นไปหาลู่ซือยวี่อีกแล้ว เมื่อกี้ฉันยังเห็นเธออยู่ข้างบนด้วย น่าจะได้ยินอะไรบางอย่าง”
กู้ฉางชิงได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจ!
เมื่อเธอตั้งสติได้ ความคิดแรกที่นึกขึ้นคือเธออาจได้ยินสิ่งที่คุยกับกู้หงเซินเมื่อกี้
เธอรู้สึกกระวนกระวาย ถ้าลู่ซือยวี่รู้เข้าเธอต้องสงสัยแล้วตรวจสอบแน่นอน ถ้าเป็นแบบนั้น……ไม่อยากจะคิด!
เสี่ยวเหมยเห็นเธอกำลังกังวล ดวงตากระพริบและใจเย็นพูดว่า “คุณนายรอง ไม่ต้องคิดมากหรอกฉันคิดว่าคนพวกนั่นไม่ได้ยินอะไรเยอะหรอก ”
กู้ฉางชิงเม้มริมฝีปากไม่พูดอะไร
ถ้าเกิดไม่ได้ยินอะไร ทำไมถึงไปหาลู่ซือยวี่
เสี่ยวเหมยมองกู้ฉางชิงที่นิ่งเงียบ หรี่ตาทั้งสองข้างและถามอย่างระมัดระวังว่า: “คุณนายรองพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปจริงหรอ? ”
“ฉันมีอะไรที่ไม่ควรพูดด้วยหรอ? ”
กู้ฉางชิงตอบไปโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองทำเกินไปจึงไอเบาๆและพูดว่า : “ฉันหมายถึงฉันไม่มีเรื่องอะไรที่น่าอับอาย”
“เสี่ยวเหมยเข้าใจ ก็เลยบอกไงว่าคุณนายรองไม่ต้องกังวลไปหรอก”
กู้ฉางชิงมองเธอ ขมวดคิ้วและพูดว่า: “ทำไมคิดอย่างนี้ล่ะ? ”
เสี่ยวเหมยได้ยินและหัวเราะ
“ก็เมื่อกี้คุณนายรองบอกเองไม่ใช่หรอ ไม่มีอะไรที่ไม่ควรพูด จะว่าไป ถ้าสาวใช้ได้ยินอะไรจริงๆ ป่านนี้คุณนายกับคุณลู่ก็คงพากันมาที่นี่แล้ว แต่ว่าจนตอนนี้ยังไม่เห็นสองคนนั้นเลย คิดแล้วก็คงไม่ได้ยินอะไรที่สำคัญหรอก “
กู้ฉางชิงคิดๆแล้วก็จริง และเธอก็คิดทบทวนบทสนทนาเมื่อกี้
นอกจากคำพูดของแม่แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก สิ่งที่สาวใช้ได้ยินคงไม่ทำให้เดือดร้อนอะไรหรอก
คิดแบบนี้แล้วเธอจึงจำใจปล่อยวาง ถึงตอนนั้นค่อยคิดพลิกแพลงตามสถานการณ์
ถึงแม้ว่าลู่ซือยวี่จะสงสัยแต่ตราบใดที่ยังไม่มีหลักฐาน เธอก็ทำได้แค่กล่าวหา
จะว่าไปกู้หงเซินไม่ยอมให้เธอถูกเปิดเผยแน่นอน เพราะงั้น เธอไม่กลัว!
แต่ในความเป็นจริงแล้ว หลังจากเรื่องนี้ก็ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจ
เพราะว่าเธอยังไม่ทันรอให้ลู่ซือยวี่ตรวจสอบ ก็ได้ยินข่าวว่าจะถูกส่งตัวออกไป
ในค่ำคืนนั้น ตระกูลเฟิงทานข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา ดูเหมือนว่าบรรยากาศจะมีความสุข แต่เฟิงจิงเหยากลับโมโหราวกับวางระเบิดลงมา
“แม่ อีกไม่กี่วัน แม่ส่งลู่ซือยวี่กลับตระกูลลู่เลยนะ”
เมื่อเขาพูดแบบนี้ทุกคนตกตะลึง มองไปที่เฟิงจิงเหยาด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
ลู่ซือยวี่ก็อยู่ด้วย ใบหน้าซีดขาว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“พี่จิงเหยา……”
เฟิงจองเหยาไม่สนใจเธอ มองไปที่คุณนายเฟิง
“นี่มันอะไรกัน ซือยวี่ก็อาศัยอยู่ที่นี่ดีๆ ทำไมต้องส่งเธอกลับด้วย? ”
คุณนายเฟิงขมวดคิ้ว มองไปที่ลูกชายของเธอด้วยความสงสัย
“ไม่มีอะไร”
เฟิงจิงเหยาไม่อยากพูดมาก ตอบด้วยความเย็นชา
คาดไม่ถึงคุณนายเฟิงไม่พอใจกับคำตอบนี้
“ไม่มีอะไร แล้วจะให้ซือยวี่ย้ายออกไปทำไม ฉันไม่อนุญาต! ”
เธอจ้องมองไปที่ลูกชายของเธอน้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
เฟิงจิงเหยารู้สึกปวดหัวกุมขมับ: “แม่ ฉันทำไปก็เพราะหวังดี แม่ก็น่าจะรู้ว่าหลายปีมานี้ตระกูลลู่เติบโตไม่หยุด บริษัทของคุณน้าลู่เจริญรุ่งเรืองวันข้างหน้าเธอเองก็ต้องรับช่วงต่อ มาอยู่บ้านตระกูลเฟิงมันดูไม่ดีต่อเธอ และอาจมีผลกระทบต่อการโปรโมทของคุณลุงลู่อีกด้วย ”
ลู่ซือยวี่ที่กำลังฟังเฟิงจิงเหยาพูดอธิบายน้าหมิง ใจกระวนกระวายและซีดไปทั้งใบหน้า
เธออยากรู้ว่าเพราะอะไรพี่จิงเหยาถึงอยากให้เธอออกจากบ้านมากนัก กลัวว่าจะเพราะเรื่องในเมื่อคืน
แต่ว่าเธอจะถูกไล่ออกจากบ้านตระกูลเฟิงไม่ได้
ไม่ได้เด็ดขาด!
“พี่จิงเหยา เรื่องพวกนี้ไม่เป็นปัญหา หลายปีที่ผ่านมาก็ยังผ่านมาได้ไม่ใช่หรอ? อีกอย่าง ตอนนี้ฉันก็ยังทำงานอยู่ในบริษัท”
เธอเกลี้ยกล่อมเฟิงจิงเหยา
เฟิงจองเหยามองเธอด้วยสายตาเย็นชาและยืนยันว่า:”งานในที่บริษัท ถ้าเธออยากทำก็ทำต่อได้ แต่ว่า……อยู่ในบ้านตระกูลเฟิงอีกไม่ได้ ”
ลู่ซือยวี่เห็นเช่นนี้ น้ำตาคลอเต็มดวงตา
“พี่จิงเหยา พี่จะไล่ฉันจากบ้านหรอ? ”
เธอถามด้วยความเสียใจ
คุณนายเฟิงที่กำลังเฝ้าดูเจ็บปวดใจเหลือเกิน และไม่พอใจเฟิงจิงเหยามาก
“ซือยวี่ ไม่ต้องร้อง น้าหมิงไม่ยอมให้แกย้ายออกไปแน่นอน”
เธอพูดปลอบใจลู่ซือยวี่ และขมวดคิ้วจ้องมองไปที่เฟิงจิงเหยา
“กู้ฉางชิงผู้หญิงคนนั้นเอาอะไรมาเป่าหูแก ให้แกมาพูดแบบนี้ใช่ไหม มันจะนึกถึงคนอื่นบ้างสักนิดได้ไหม? ”
เฟิงจิงเหยาขมวดคิ้ว พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกู้ฉางซิน ”
“ไม่เกี่ยว แล้วแกเป็นอะไรถึงจะมาไล่ซือยวี่? ”
คุณนายเฟิงไม่เชื่อและถามอีกครั้ง
เฟิงจิงเหยาเห็นเช่นนี้ จึงพูดด้วยความโกรธว่า: “เอาล่ะ ถึงแม้จะเกี่ยวข้องกับเธอ มันก็สมควรแล้วไม่ใช่หรอ? เธอเป็นภรรยาของฉัน ใครจะทนได้กับผู้หญิงที่พยายามทำทุกวิถิทางเพื่ออ่อยสามีตัวเองได้? ”
พูดจบ เขาก็มองไปที่คุณนายเฟิง : “แม่ แม่ก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ใช่ว่ายิ่งต้องจัดการเรื่องพวกนี้หรอ? ลู่ซือยวี่ทำอะไรไปบ้าง ฉันคิดว่าคนอื่นไม่รู้ แต่แม่เองก็ไม่รู้อย่างงั้นหรอ? ”
คุณนายเฟิงได้ยินเช่นนี้ ทำปากไม่รู้ไม่ และไม่พูดอะไร
ความจริงเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น เธอเองก็รู้อยู่แก่ใจ
ลู่ซือยวี่วางยาตัวเอง เพื่ออยากจะอ่อยจิงเหยา แต่ก็ถูกจิงเหยาเปิดโปง
เพราะว่าเธอชอบซือยวี่ และอยากได้เป็นลูกสะใภ้ เธอจึงปล่อยให้เรื่องนี้เหมือนไม่เคยเกิดขึ้น
เธอคิดว่าจิงเหยาคงไม่คิดอะไรจึงปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป ใครจะรู้ว่าที่แท้เขารอเวลานี้
ลู่ซือยวี่รู้สึกอับอายมาก คาดไม่ถึงว่าพี่จิงเหยาจะพูดเรื่องเมื่อคืนออกมา
สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกแย่ที่สุดคือความนิ่งเงียบของป้าหมิง
ทำให้เธอรู้สึกไม่มีหวังอีกต่อไป
เฟิงจิงเหยาไม่สนว่าพวกเขาจะคิดยังไง วางถ้วยจานลงลุกขึ้นและพูดว่า: “ฉันหวังว่าแม่จะจำคำที่ฉันพูดได้ อย่าให้ต้องพูดครั้งที่สอง! ”
พูดจบ เขากลับหันหลังและเดินออกไป
สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – ตอนที่ 91 ไม่มีเรื่องน่าอับอาย
Posted by ? Views, Released on September 28, 2021
, สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ