ความมั่นใจของกู้จื่อเฟยฉับพลันสูญสิ้นไปอย่างหมดจด
ถึงแม้จะไม่แน่ใจว่าคนคนนี้จะกล้าฆ่าตัวตายหรือไม่ เธอก็ไม่กล้าเสี่ยง
ผ่านการสนทนาเมื่อสักครู่ เธอสามารถมั่นใจได้ว่าสาวใช้คนนี้มีความเกี่ยวข้องอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องที่ขึ้นกับเย้นโม่หลิน หรืออาจเป็นได้ที่จะเป็นฝีมือของเธอเอง
และจุดประสงค์ของเธอ ต้องการแค่เพียงให้เธอเสียโฉมอย่างนั้นเหรอ
ทำไม
คนแปลกหน้าที่พบกันโดยบังเอิญ ทำไมถึงเกลียดเธอได้ขนาดนี้
กู้จื่อเฟยที่สมองเต็มไปด้วยความสับสน เธอพยายามที่จะสงบสติอารมณ์ตัวเอง
“เธอต้องการให้ฉันทำลายโฉมของตัวเอง ได้ แต่เธอต้องเอาหลักฐานมา ฉันต้องการแน่ใจว่าสามารถช่วยเย้นโม่หลินได้จริงๆ หรือไม่”
“อ้าว ยอมทำลายโฉมจริงเหรอ”
สาวใช้แทบไม่อยากจะเชื่อ มองกู้จื่อเฟยด้วยสายตาที่ดูถูกสุดๆ
เธอหยิบเศษแก้วชิ้นสุดท้ายจากบนพื้นแล้วมาวางไว้ในถาด จากลุกขึ้นยืน
ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วกล่าวขึ้น “คุณอยากเห็นหลักฐานด้วยตาตัวเอง ฉันจะมอบโอกาสนี้ให้กับคุณ ป่ายฉีน่าจะไปช่วยเย้นโม่หลินด้วยตัวเอง ฉันแนะนำให้คุณตามไปด้วย พอถึงตอนนั้นคุณก็จะรู้เอง ว่าฉันสามารถช่วยเย้นโม่หลินได้จริงหรือเปล่า”
สาวใช้พลางพูดพลางถือถาดหันหลังแล้วจะจากไป
กู้จื่อเฟยรีบร้อนจะตามไป สาวใช้กลับตะโกนใส่เธออย่างเย็นชา
“อย่าตามมา ถ้าหากฉันถูกเปิดโปง เย้นโม่หลินก็จะต้องตาย”
“จำไว้ อย่าบอกเรื่องของฉันให้กับใคร ไม่เช่นนั้น ผลที่ตามมาคุณอาจไม่ต้องการ และฉันจะติดต่อคุณอีกครั้งในภายหลัง”
พูดจบสาวใช้ก็จากไปอย่างไม่ลังเล
ไม่นาน ก็จากไปจนมองไม่เห็นแม้เงา
กู้จื่อเฟยมองทิศทางที่เธอจากไปด้วยแววตามืดมน ในใจหนักอึ้งราวกับก้อนหินก้อนมหึมาทับไว้
ตามความหมายของสาวใช้คนนี้ เย้นโม่หลินน่าจะเจอกับอันตราย ตอนนี้สถานการณ์ไม่สู้ดี แต่ยังสามารถประคองไปได้ ไม่ถึงขั้นเข้าตาจน
แต่เขากลับไม่สามารถที่จะเอาตัวรอดออกมาด้วยตัวเอง
กู้จื่อเฟยกระสับกระส่ายในใจ จึงไม่ลังเลใจที่จะวิ่งไปที่ตึก
ตอนนี้คนเดียวที่สามารถช่วยเธอจัดการสิ่งเหล่านี้ได้คือป่ายฉี
เธอพุ่งเข้าไปที่ห้องหนังสืออีกครั้ง ยังไม่ทันเดินไปถึงตำแหน่งก่อนหน้านี้ ก็เห็นป่ายฉีพาคนหลายคนมุ่งเดินออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว
พวกเขาต่างเดินกันเร็วมาก กู้จื่อเฟยก็วิ่งตาม แล้วก็ชนเข้าที่ตัวของป่ายฉี
ป่ายฉีขมวดคิ้ว น้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ
“วิ่งยังไงของคุณ รีบหลบไป”
เขาไม่รอให้อธิบายก็ดึงกู้จื่อเฟยออกไป จากนั้นมุ่งเดินออกไปด้านนอกต่อ
กู้จื่อเฟยจะยอมให้เขาจากไปแบบนี้ที่ไหนกัน รีบตามออกไป กางแขนสองข้างออกขวางป่ายฉีไว้
“ฉันมีเรื่องที่ต้องการจะคุยกับคุณ!”
“ฉันไม่มีเวลาคุยกับคุณ คุณรีบหลบไป ผมมีธุระ”
ป่ายฉีจะผลักกู้จื่อเฟยออก
กู้จื่อเฟยรีบร้อนจับเขาไว้ “เย้นโม่หลินเกิดเรื่องใช่ไหม ฉันเองก็รู้เรื่องแล้ว!”
ป่ายฉีชะงัก มองกู้จื่อเฟยด้วยความประหลาดใจ
“คุณรู้ได้อย่างไร”
เขาปิดข่าวไว้ ตอนนี้นอกจากพวกเขาไม่กี่คนแล้ว แม้แต่กงจืออวีกับเย้นเจิ้นจื๋อก็ไม่รู้เรื่องนี้
กู้จื่อเฟยก็ยิ่งไม่ควรที่จะรู้
ได้ยินดังนั้น กู้จื่อเฟยกลับสีหน้าซีดเผือด สาวใช้คนนั้นพูดไม่มีผิด เกิดเรื่องขึ้นกับเย้นโม่หลินจริงๆ ด้วย
กู้จื่อเฟยเบ้าตาแห้งจนเจ็บปวด เธอข่มอารมณ์ที่ท่วมท้นในใจของเธอไว้
กล่าว “เย้นโม่หลินพวกเขาถูกลอบโจมตีใช่ไหม ตอนนี้สถานการณ์ไม่ดี เป็นตายไม่แน่นอน”
ป่ายฉีคิ้วยิ่งขมวดแน่นขึ้น แววตาจ้องมองกู้จื่อเฟยอย่างคมกริบ
จากนั้นเขาดึงกู้จื่อเฟยแล้วเดินก้าวเท้าใหญ่ดุจดาวตกเดินออกมาจาห้องหนังสือ ดึงเธอไปที่ห้องรับแขกที่ว่างเปล่า แล้วหันหลังปิดประตู
เขาถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “กู้จื่อเฟย เรื่องราวนี้คุณรู้ได้อย่างไร”
กู้จื่อเฟยมองป่ายฉีดวงตาเป็นประกาย ในใจเย็นยะเยือก
เธอกล่าวอย่างลังเล
“คุณบอกกับฉันมาก่อนว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง คุณกำลังจะไปช่วยเย้นโม่หลินใช่ไหม คุณบอกก่อน แล้วฉันจะบอกคุณ”
ป่ายฉีสีหน้าคร่ำเครียด ซับซ้อน
เดิมทีนี่เป็นความลับของการปฏิบัติการช่วยเหลือระดับสูงอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้บอกใครสักคน ยิ่งเป็นความลับก็ยิ่งปลอดภัย
แต่ว่าตอนนี้กู้จื่อเฟยรู้ชัดเจนทุกอย่าง
กู้จื่อเฟยจะต้องเป็นคนที่เชื่อถือได้อย่างแน่นอน ตอนนี้เธอได้รู้แล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอีก
“ใช่ เมื่อคืนพี่ใหญ่ขาดการติดต่อ ผมคิดหาทางที่จะติดต่อเขา คนของพวกเราเพิ่งได้รับข่าวก่อนหน้านี้ ว่าพี่ใหญ่ถูกกองกำลังที่ไม่รู้จักโจมตี อีกฝ่ายเคลื่อนไหวอย่างดุดัน และยังเป็นการลอบโจมตีอีก พี่ใหญ่พวกเขาน่าจะเสียหายอย่างหนัก
ตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราว อาจเป็นไปได้ว่ากำลังตกอยู่ในความลำบาก
ผมจะรีบไปช่วยเขา”
จริงๆ ด้วย เหมือนกับที่สาวใช้คนนั้นพูดไม่มีผิด
สาวใช้ยังรู้ข่าวก่อนป่ายฉีอีก และยังรู้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน
กู้จื่อเฟยมั่นใจเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์ว่าสาวใช้คนนั้น อาจเป็นไปได้ที่เป็นผู้เบื้องหลังในการโจมตีครั้งนี้
และเป้าหมายของเธอเหมือนกับไม่ใช่มีเพียงแต่เป็นเย้นโม่หลิน ยังมีเธออีกด้วย
กู้จื่อเฟยครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วบอกเล่าความจริง
“เมื่อสักครู่มีคนติดต่อมาหาฉัน……”
พลางพูดพลางยื่นโทรศัพท์ให้ป่ายฉี บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นของสาวใช้เมื่อสักครู่ให้กัป่ายฉีอย่างละเอียด
รวมถึงคำข่มขู่ที่บอกให้เธออย่าบอกคนอื่น
แต่อย่างไรก็ตามกู้จื่อเฟยกลับบอกกับป่ายฉี เธออ่อนแอเกินไป สาวใช้คนนั้นเห็นได้ชัดว่าพุ่งเป้ามาที่เธอ คงจะต้องมีการวางกับดักล่วงหน้าไว้แล้วอย่างแน่นอน เพื่อล่อให้เธอติดเข้าไป
หากว่าเธอทำตามแผนของสาวใช้อย่างเชื่อฟัง จุดจบมีแต่จะเลวร้าย เธอไม่เพียงแต่ไม่สามารถช่วยเย้นโม่หลินได้ ตัวเองอาจจะมาติดกับดักอีก
แต่ป่ายฉีนั้นไม่เหมือนกัน เขาติดตามเย้นโม่หลินมาหลายปี มันสมองเหมือนกัน มีวิธีการที่เก่งกาจ บางทีเขาอาจมีวิธีในการต่อกรกับสาวใช้ หรือบางทีอาจได้เบาะแสบางอย่างจากตรงนี้
กู้จื่อเฟยก็ยังเชื่อมั่น ว่าป่ายฉีเป็นคนที่เชื่อใจได้ ถึงแม้จะบอกเล่าให้กับป่ายฉี ป่ายฉีก็จะไม่ไปบอกเล่าให้กับคนอื่นอย่างแน่นอน
ขอเพียงเธอไม่พูด เขาไม่พูด สาวใช้ก็ไม่มีทางรู้ว่าเธอได้เปิดเผยแล้ว
ป่ายฉีฟังจบ คิ้วขมวดแน่น บรรยากาศรอบข้างตึงเครียด
เขาราวกับเข้าใจอะไรบางอย่าง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าว
“นี่เป็นกับดัก!”
“ฐานที่มั่นของตระกูลเย้นถูกโจมตีกะทันหัน แล้วพี่ใหญ่ก็ออกไปควบคุมสถานการณ์ จากนั้นพี่ใหญ่ตกอยู่ในอันตราย และตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นติดต่อคุณ นี่คือกับดักที่พวกเขาได้วางแผนไว้อย่างดิบดี เป็นกับดักตั้งแต่เริ่มต้น
“เป้าหมายของพวกเขาคือพี่ใหญ่ และก็ยังมีคุณ!”
ได้ยินดังนั้น กู้จื่อเฟยเย็นหนาวไปทั้งตัวราวกับถูกโยนเข้าไปในโรงน้ำแข็ง
คือใครกันแน่ที่สามารถวางแผนเกมหมากได้เช่นนี้ ทำให้ตระกูลเย้นถูกโจมตีจนถึงขั้นชีวิต ยังพุ่งเป้ามาที่เธออีก
เป็นใครกัน
“คุณอย่าไปเชื่อคำพูดของเธอเด็ดขาด ถ้าคุณตกไปอยู่ในเงื้อมมือของเธอ เธอก็ไม่มีทางปล่อยพี่ใหญ่ไปอย่างแน่นอน”
ป่ายฉีกำชับ
กู้จื่อเฟยพยักหน้า “ฉันรู้ ฉันเองก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น”
“แต่ว่าตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรกันดี ถึงจะสามารถช่วยพี่เย้นได้ สถานการณ์ของเขาตอนนี้จะต้องแย่มากแน่ๆ ”