เสียงของเย้นโม่หลินสั่นเล็กน้อย “เธอชื่ออะไร?”
คุณหมอตอบว่า “ชื่อกู้จื่อเฟย”
เสียงลมดังสนั่นในหัวของเขาอย่างกับแม่ระเบิดปรมาณูระเบิดออก
เย้นโม่หลินแข็งทื่อไปทั้งตัว แม้แต่เส้นผมของเขาก็ยังรู้สึกเย็นไปหมด
ประภาคาร ประภาคารนั่น ต้องเป็นประภาคารที่เขาไปเมื่อคืนวานแน่
เธอต้องมองเห็นเขาแล้ว ดังนั้นจะตั้งใจดื่มยาฆ่าเชื้อ เพื่อที่ถูกส่งไปโรงพยาบาล ให้คุณหมอติดต่อเขา
เย้นโม่หลินตาแดงเถือก เขาอยากบีบคอตัวเองตายเสียเหลือเกิน
เมื่อคืนนี้ทำไมเขาถึงไม่ขึ้นไป!
เขาห่างกับเธอเสียงแค่ชั้นเดียวเท่านั้น
หากว่าเมื่อคืนวาน เขาขึ้นไปแล้วช่วยเธอ เธอก็ไม่ต้องทำร้ายตัวเองด้วยการดื่มยาฆ่าเชื้อ
เย้นโม่หลินกำโทรศัพท์แน่น เขากัดฟันพูดออกมา
“เธอมีหน้าตาเป็นอย่างไร ใส่ชุดแบบไหน”
“รูปร่างหน้าตาของเธอ….”
คุณหมอรู้สึกลำบากใจ เขาคิดอยู่ 2 วินาทีจึงพูดต่อ “บนใบหน้าเธอมีรอยแผลจากมีดเต็มไปหมด แบบที่ว่าจำหน้าเดิมไม่ได้ บนร่างกายก็มีบาดแผลเต็มไปหมด ผมเพียงแค่รักษาบาดแผลใหญ่ที่อยู่บนแผ่นหลังให้เธอ เธอใส่ชุดกระโปรงสีขาว ปกปิดเอาไว้ แต่ก็มีส่วนผิวหนังที่ปรากฏออกมาเล็กน้อยก็ยังสามารถมองเห็นบาดแผลชนิดต่างๆ”
เย้นโม่หลินยืนตะลึงอยู่กับที่
ใบหน้าที่มีแต่บาดแผลจากมีดไม่เหลือเขาหน้าเดิม บนแขนเต็มไปด้วยบาดแผล ใส่ชุดกระโปรงสีขาว
ไม่ใช่ว่าหญิงสาวข้างหน้าเขาหรอกเหรอ
เธอคือกู้จื่อเฟย!
เธอคือกู้จื่อเฟยจริงๆ!
เขาตามหาเธอไปทั่วโลก แต่เมื่อครู่ว่าเธออยู่ต่อหน้าเขา แล้วก็ยังคุยกับเขา เอาดอกไม้ให้เขา
แต่เขากลับจำเธอไม่ได้
แต่เขากลับมองดูเธอถูกคนอื่นพาตัวไป!
เย้นโม่หลินไม่เคยรู้สึกเกลียดตัวเองเท่านี้มาก่อน เกลียดจนอยากจะควักลูกตาตัวเองออกมา จึงอยากจะบีบคอตัวเองตาย
ทำไมเขาถึงได้โง่เขลาเช่นนี้ ทำไมถึงได้มีปฏิกิริยาช้าอย่างนี้
ตอนที่เขารู้สึกถึงความคุ้นเคย ตอนที่เขาจับมือเธอ ตอนที่เขาอยากให้เธออยู่ต่อ ทำควรจะจับเธอไว้แน่นๆ
เขาปล่อยเธอไปได้ยังไง ปล่อยเธอไปได้ยังไง
เลือดไหลพรากอยู่ในอก เย้นโม่หลินรู้สึกถึงกลิ่นคาวของเลือดคลุ้งในลำคอ
เขาอดทนกับฟันพร้อมกับสั่งว่า
“เธอคือกู้จื่อเฟยจริง ปิดล้อมเขตทะเลนี้ไว้ ตามหาตามหาเธอให้พบ
ป่ายฉีเข้าใจได้ทันที เขาเดาได้ถูกต้อง?
เขาไม่ให้เสียเวลา เริ่มสั่งการคนทันที
เย้นโม่หลินก็รีบเดินไปทางถนนอย่างเร็วไว สายตาเฉียบคมปวดมองไปที่กลุ่มคนดั่งแสงเลเซอร์
เวลาเพียงแค่แป๊บเดียว กู้จื่อเฟยคงยังไม่ได้ไปไหนไกล
เขาพยายามตามหาเธอ
ที่สุดแล้ว ริมทะเลมีผู้คนมากมาย มีอีกอย่างก็คือเธอตั้งใจหลบซ่อน เมื่อมองไปรอบๆ แม้แต่เงากู้จื่อเฟยก็ไม่เห็นมี
รวมทั้งผู้หญิงคนนั้นก็ไม่เห็นเสียแล้ว
เย้นโม่หลินก้าวเดินอย่างเร็วไวไปทั่วชายหาด บนถนน มองไปรอบๆ สายตาแหลมคมของเขาไม่พลาดทุกเป้าหมายที่น่าสงสัย
พร้อมเดียวกันนั้น คนของเขาก็ค้นหาที่รถแต่ละคันในถนน จากริมทะเลไปหาประภาคาร
เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า
หญิงสาวที่เห็นบนหาดทราย อย่างกับมลายหายไปในอากาศ
ตามหาหลายชั่วโมงก็ตามหาไม่เจอ
คนไปตามหาในประภาคารก็ว่างเปล่าไม่มีอะไรอยู่ในนั้น
เย้นโม่หลินมั่นใจว่ากู้จื่อเฟยอยู่ที่นี่ และมั่นใจว่าเจียงเป้ยนีพบเขาอยู่ที่นี่จึงให้กู้จื่อเฟยมาหาเขาอยู่ตรงหน้า
ไม่มีอะไรต้องห่วงอีก
ปิดเมือง ใช้วิธีที่เย่อหยิ่งที่สุดในการกวาดตามหา
ถึงจะเป็นห้องใต้ดินของส่วนบุคคลเถอะก็ปล่อยผ่านไม่ได้
ทั่วทั้งเวลส์ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ยังกับถูกพลิกพื้นดินไปทั่ว ทั่วทั้งเมืองหยุดชะงัก
“เจ้านาย มีเบาะแสแล้ว! มีรถคันหนึ่งยังไม่ได้ตรวจสอบ มันพยายามใช้เส้นทางเล็กขับรถออกจากเมือง พวกเรากำลังตามประกบอยู่”
เย้นโม่หลินเมื่อได้รับข่าวนี้ เขาเหยียบคันเร่งจนมิด ไปทางเส้นนั้นอย่างเร็วไว
การสัญจรทั้งหมดของเมืองได้ถูกปิดไว้ รถทั้งหมดบนถนนจอดอยู่ข้างทาง บนถนนมีแค่รถของเขาที่วิ่งด้วยความเร็ว บนถนนไม่มีสิ่งกีดขวาง เขาใช้ความเร็วที่สูงที่สุดในการเดินทางไป
ในเวลานั้นเอง รถหลายคันกำลังตามติดรถยนต์คันหนึ่งอยู่
รถยนต์คันนั้นวิ่งเร็วมาก มันหลบหลีกสิ่งกีดขวางอันแล้วอันเล่า
คนขับรถมีเทคนิคที่เก่งมาก รถด้านหลังที่ตามติดมาใกล้จะถึงเมื่อไหร่ก็จะถูกเขาสลัดทิ้งได้เสมอ
ในขณะนั้นเองสงครามการติดตามรถที่ไม่รู้ว่าจะจบสิ้นเมื่อไหร่ ในเวลาตอนนี้ ทางด้านหน้ามีรถคันหนึ่งขับสวนมา โดยใช้ความไวอย่างกับฟ้าผ่า ขับมุ่งตรงมาที่รถยนต์คันเล็กนั้น
รถทั้ง 2 ด้านต่างก็ใช้ความเร็วสูงมาก ถ้าหากชนกันเข้าเกรงว่ารถก็พังคนก็ตายหมด
แล้วดูท่ารถคันนั้นไม่มีท่าทีเกรงกลัวเลยสักนิดไม่กลัวจะเป็นจะตาย ขับตรงมา
รถคันนี้ตายถูกบีบไม่มีทางจะไป
ในเวลาเพียงพริบตาเดียวหมุนพวงมาลัยหรือเบรกอย่างกะทันหัน เลี้ยวรถย่างเร็วไว เพื่อลดความเร็วในการชนกับเกาะกลางถนน
รถที่วิ่งตามมาด้วยความเร็วขับมาถึง ล้อมรอบเอารถยนต์คันนั้นไว้
เวลาเดียวกันเอง รถที่ขับสวนมาประตูรถถูกเปิดออก เย้นโม่หลินเดินออกมาจากในนั้น
แววตาของเขาคมเข้มเย็นชา เขาเม้มปากบางเข้ากัน เดินทีละก้าวทีละก้าวไปที่รถที่ติดอยู่บนเกาะกลางถนน
ร่างกายของเขาเคร่งเครียดไปหมด ในสภาพที่ทรงพลังนี้ เขาปิดไม่มีความตื่นเต้นและความกังวลที่มี
เขาใกล้รถคันนั้นขึ้นเรื่อยๆ
“แคร่ะ”
เสียงเปิดประตูรถดังขึ้น
ทุกคนเคร่งเครียด ประกอบอาวุธพร้อม เตรียมปฏิบัติการช่วยเหลือคน
มีเงาคนสีขาวรีบกระโดดลงจากรถ เธอรีบวิ่งออกไปทางด้านเย้นโม่หลินอย่างเร่งรีบ
เธอพูดด้วยเสียงสะอื้น “พี่เย้น!”
เย้นโม่หลินสะท้านไปทั่วร่าง ยืนนิ่งมองเธอกระโดดเข้ามาในอ้อมกอดของตัวเอง แขนสองข้างของเขาเปิดรับอัตโนมัติ โอบกอดก่อนเธอมาไว้ในอก
ในขณะนี้ จิตใจที่ไม่สงบของเขา เหมือนได้กลับเข้าที่เข้าทาง
ความรู้สึกมั่นคงที่สุดและไปกลับคืนมา เติมเต็มในใจเขา
เป็นเธอ
เป็นเธอจริงๆ
กู้จื่อเฟย กู้จื่อเฟยของเขา
เย้นโม่หลินสองแขนของเขากอดแน่นขึ้นกว่าเดิม กอดเธอไว้ในอก อยากกลับจะให้ที่ละลายเข้าไปในร่างกายของตัวเอง แยกจากกันไม่ได้อีก
เธอร้องไห้สะอื้นบนอกเขา
“ฮือๆ ในที่สุด ในที่สุดพี่ก็มาแล้ว ฉันคิดว่าฉันจะไม่ได้พบกับพี่อีกแล้ว ฉันเกือบจะสิ้นหวังแล้วเชียว”
เย้นโม่หลินยิ่งรู้สึกสงสารและเจ็บปวดกว่าเดิม
“ขอโทษด้วยที่ฉันมาช้าเกินไป”
“ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆ”
กู้จื่อเฟยร้องไห้สะอึกสะอื้น คอที่แหบอยู่แล้ว ก็ยิ่งน่ากังวลเข้าไปใหญ่
เย้นโม่หลินสงสารเธอจับใจ เอาเธอลุกขึ้นมาจากอก เช็ดน้ำตาให้เธอด้วยมืออันสั่นเทา
“ไม่ต้องร้องไห้แล้ว ไม่เป็นไรแล้วนะไม่เป็นไร”
กู้จื่อเฟยก็ยังกลั้นน้ำตาไม่ได้มันหลั่งไหลออกมาไม่หยุดสาย เธอตาเป็นระยับ เต็มไปด้วยความกังวล
“พี่เย้น ฉัน ฉันเสียโฉมแล้ว”
“ฉันน่าเกลียดมากใช่หรือเปล่า”
“พี่จะรังเกียจฉันไหม ทำไมฉันถามอย่างนี้นะ สภาพเป็นผีอย่างนี้ ตัวฉันเองก็ยังรังเกียจตัวเองเลย”
เธอพูดด้วยความเจ็บปวด กู้จื่อเฟยอยู่ดีๆก็ผลักเย้นโม่หลินออกไป เธอหนีห่างจากอ้อมกอดของเขา
ตาของเธอทั้งแดงทั้งบวม ตัวของเธอเหมือนจมอยู่ในความเจ็บปวดอ้างว้าง
ทำให้คนที่มองดูอยู่ทั้งสงสารและทรมานไปด้วย