เย้นโม่หลินเครื่องมือดึงเธอกลับเข้ามาในอกเขาเหมือนเดิม นิ้วมือเขาและลงเบาๆบนหน้าของเธอ เมียตาของเขาลึกล้ำเหมือนน้ำวน
“ยังเจ็บอยู่ไหม”
แววตาของเขาร้อนระอุ ลึกซึ้ง ไร้เดียงสาไม่มีแววของความรู้สึกรังเกียจอยู่ในนั้นแม้แต่นิด มีเพียงความรู้สึกสงสารและรักใคร่อย่างไม่มีจบสิ้น
แววตานั้น บอกว่าเธออยู่ในก้นบึ้งของหัวใจเขา
กู้จื่อเฟยมองไปที่เขา น้ำท่วมตา แล้วน้ำตาไหลพล่าออกมาอีกครั้ง
เธอรู้สึกตื้นตันใจ
ถึงแม้ว่าเธอจะเปลี่ยนไปเป็นสภาพแบบนี้ แต่เย้นโม่หลินก็ยังไม่รังเกียจเธอ
เธอรับรู้ชัดเจน การรับรู้ได้ถึงความรักที่เขามีต่อเธอ มันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
“ฉันโชคดีจริงๆที่ได้พบกับพี่”
ไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นสภาพแบบไหน เขาก็จะไม่ผลักไสเธอ
เย้นโม่หลินรูปผมของเธอด้วยความสงสารจับใจ มองไปที่บาดแผลบนหน้าเธอ เขากลับแสดงความอ่อนโยนออกมาแบบที่ไม่มีอะไรเปรียบได้
และยังมีความละอายใจ
ถ้าหากว่าเขาพบเธอเร็วกว่านี้ เธอคงไม่ต้องทนรับทรมานขนาดนี้ จะมีสภาพเป็นแบบนี้
เมื่อคิดถึงสิ่งที่กู้จื่อเฟยต้องเผชิญมาทั้งหมด เย้นโม่หลินเขาเกลียดชังจนอยากจะเอาคนที่ลงมือกับเธอทั้งหมดมาตัดเป็นแปดท่อน บีบคอเจียงเป้ยนีให้ตายกับมือ
“คนที่โชคดีคือฉัน ในที่สุดก็หาเธอพบสักที”
เขาจับมือเธอแน่น เอามาวางไว้ที่อกตรงหัวใจ
“มาถึงตอนนี้ฉันถึงรู้สึกว่าฉันยังมีชีวิตอยู่”
เป็นเธอที่ช่วยชีวิตเขา
ในหลายเดือนผ่านมา เย้นโม่หลินไม่เคยคิดว่า ถ้าหากหาตัวกู้จื่อเฟยไม่พบ เขาจะมีชีวิตอยู่ต่อยังไง
ชีวิตของเขาไม่เคยขาดแสงสว่างเช่นนี้ ไม่เคยไร้จุดหมายเช่นนี้
เขามีชีวิตอยู่อย่างกับศพเดินได้
และในตอนนี้เวลานี้ เธอเอาแสงสว่างทั้งหมดของเขากลับมา
น้ำตาของเธอไหลรินลงอีกครั้ง แอบอิงลงบนอกของเขาอีกครั้ง
พูดด้วยเสียงสะอึกว่า “พี่สัญญากับฉัน ว่าจะไม่แยกจากฉันอีก จะอยู่กับฉันตลอดไป ได้ไหม?”
“ได้สิ”
เย้นโม่หลินตอบอย่างไม่ลังเล
จำเป็นที่เธอต้องพูดเหรอ? ชีวิตนี้ของเขาก็ขาดเธอไม่ได้เหมือนกัน
ถึงแม้ว่าหน้าตาเดิมจะไม่เหลือแล้วจะทำไม เขาต้องการใช้ชีวิตที่เหลือในการทดแทนให้เธอ
คนบนรถคันนั้นมีคนขับรถ 1 คนกับผู้หญิงอีก 1 คน ได้รับบาดเจ็บจากการที่รถชน พวกเขาถูกจับไป
เย้นโม่หลินพากู้จื่อเฟยไปที่โรงแรม
การที่รถชนทำให้เธอบาดเจ็บเล็กน้อยเหมือนกัน
เย้นโม่หลินได้สั่งการให้ป่ายฉีเตรียมอุปกรณ์การแพทย์เพื่อดำเนินการรักษาพยาบาลอยู่ที่โรงแรมไว้แต่เนิ่นแล้ว เหลือเพียงแต่รอกู้จื่อเฟยกลับมาเพื่อรักษาให้เธอ
แต่เมื่อกู้จื่อเฟยมองเห็นป่ายฉีเธอกลับเหมือนกับแมวตกใจขนตั้ง เธอไปหลบอยู่ข้างหลังของเย้นโม่หลิน ไม่ยอมให้ป่ายฉีเข้าใกล้แม้แต่ก้าวเดียว
“คุณอย่าเข้ามานะ ฉันไม่ให้คุณรักษาพยาบาลให้ ฉันไม่รักษา ใครก็อย่าเข้ามานะ”
เธอระวังตัว อย่างกับนกที่ตกใจ
เย้นโม่หลินขมวดคิ้ว เขาทำได้เพียงจับมือเล็กๆของเธอไว้ และปลอบใจว่า
“เขาคือป่ายฉี เป็นเพื่อนของเธอ เขาจะไม่ทำร้ายเธอ ให้เขารักษาพยาบาลเธอก่อน”
“ไม่ ฉันไม่ต้องการ”
กู้จื่อเฟยกรีดร้องไม่ความตระหนก อารมณ์บ้าคลั่ง เหมือนกำลังตกอยู่ในฝันร้ายอย่างไรอย่างนั้น
“พวกเขากำลังจะทารุณฉันอีกแล้ว จะทรมานฉันอีกแล้ว บอกว่าจะรักษาพยาบาลให้ฉัน แต่กลับทำบาดแผลของฉันฉีกขาด ทำให้ฉันดีและทำให้ฉันเจ็บอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
“ปีศาจ เป็นปีศาจนั้นเลย”
“อย่าเข้าใกล้ฉัน ฉันยอมตายซะดีกว่าจะให้พวกเธอรักษา อย่าเข้าใกล้ฉัน”
คำพูดพวกนี้ แต่ละคำเหมือนดั่งเข็มทิ่มแทงลงบนหัวใจของเย้นโม่หลิน
แม้กระทั่งป่ายฉีก็หน้าถอดสีตามไปด้วย
เจียงเป้ยนีทำการทรมานกู้จื่อเฟยด้วยวิธีการแบบนี้เหรอ
ทำการรักษาพยาบาลแล้ว และทำให้บาดแผลฉีกขาด ในจุดที่เจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ไม่ทรมานจนเป็นบ้า ก็คงทำให้เป็นปมติดตัวไปตลอดชีวิตที่ไม่อาจลืมได้
เย้นโม่หลินเห็นแม่ไปโอบกอดกู้จื่อเฟยมือของเขาตบเบาๆที่หลังของเธอ
“เชื่อฉัน จะไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก ใครหน้าไหนก็ทำร้ายเธอไม่ได้อีกฉันสัญญา”
“ฮื่อๆๆๆๆๆ…”
กู้จื่อเฟยกอดเย้นโม่หลินแน่น เธอร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด
เหมือนนกน้อยที่อยู่ในความตกใจ มีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่สามารถเข้าใกล้ ที่สามารถปลอบใจเธอ
ถึงที่สุดแล้ว เธอก็ยังไม่ยอมให้ป่ายฉีทำการรักษาพยาบาลให้
กู้จื่อเฟยได้รับบาดเจ็บเพียงแค่บาดแผลภายนอกถลอกเท่านั้น เย้นโม่หลินเลยเป็นคนทำการจัดการบาดแผลให้เธอ
“เจ็บ”
กู้จื่อเฟยพูดเล่นเสียงหงอย น้ำตาซึมในลูกตา
เย้นโม่หลินรู้สึกสงสาร เขาเป่าเบาๆตรงบาดแผล “ฉันจะทำเบากว่านี้”
ตอนนี้กู้จื่อเฟยอ่อนแอมาก อย่างกับกระต่ายที่ตกใจ ระแวดระวังไปหมด แต่ก็อ่อนแอไม่น้อย บอบบางลงไปมาก
ยิ่งน่าสงสารเข้าไปใหญ่
เย้นโม่หลินยิ่งสงสารจนทนไม่ได้ อยากจะเอาเธอมากอบกุมไว้ในหัวใจ ทำให้เธออุ่นอย่างอ่อนโยน
เขาก็จับตามองเธอตลอดเวลา ทนไม่ได้ที่จะให้เธอรับสายตาไปแม้แต่วินาทีเดียว
เหมือนกับว่าทำเช่นนี้แล้ว ในเวลาที่เกรงกลัวเป็นห่วงเป็นใยแบบนี้ถึงจะได้มีความรู้สึกสบายใจหน่อย
กู้จื่อเฟยแอบอิงอยู่บนอกของเย้นโม่หลิน รำเอาความรู้สึกสบายใจและความอบอุ่นจากอกของเขา
นี่เป็นอ้อมกอดที่เธออธิษฐานขอในความฝันเสมอมา
เธอถามเบาๆว่า
“ในตอนที่ฉันหายตัวไป พี่เป็นอยู่อย่างไรบ้าง”
เย้นโม่หลินหยุดเงียบไป “ฉันไม่รู้”
กู้จื่อเฟยเบะปาก “พี่ไม่อยากจะพูดใช่ไหม”
“ไม่ใช่ ฉันไม่รู้ว่าฉันผ่านมาได้ยังไง มันเป็นมึนๆงงๆ อย่างกับใช้ชีวิตอยู่ในนรก หรือไม่ก็เหมือนกับหุ่นยนต์”
นึกกลับไปแล้วความรู้สึกตอนนั้นอย่างกับศพเดินได้เลยล่ะ
ร่างกายและประสาทรับรู้ของเย้นโม่หลินมึนชาไปหมด
แววตาของกู้จื่อเฟยเศร้าสร้อยกว่าเดิมแล้วถามอีกว่า
“แล้วตอนที่หาฉันไม่เจอ พี่รู้สึกยังไง?”
พูดถึงเรื่องนี้ จิตใต้สำนึกของเย้นโม่หลินสั่งการให้เขาขยับแขนแน่นขึ้น กอดเธอไว้แน่นกว่าเดิม
เขาพูดเสียงทุ้มว่า “ฉันกลัว”
กู้จื่อเฟยรู้สึกประหลาดใจ
เธอเงยหน้าขึ้น มองเขาด้วยความประหลาดใจ
ชายหนุ่มผู้สูงส่งหยิ่งทะนงไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น มีวันหนึ่งเขาพูดว่า เขากลัว?
เย้นโม่หลินจ้องมองกู้จื่อเฟย ปากบางของเขาแยกออก เขาพูดอย่างตั้งใจด้วยเสียงทุ้มว่า
“ฉันกลัวแล้ว แต่ไหนมาไม่เคยกลัวแบบนี้ กลัวเธอบาดเจ็บ กลัวจะเสียเธอไป ผลสุดท้ายเป็นแบบนั้นฉันรับไม่ได้”
“ความรู้สึกที่สูญเสียไปไม่ได้ที่จริงแล้วเป็นแบบนี้นี่เอง กู้จื่อเฟยฉันคิดว่าถ้าหากฉันขาดเธอฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้”
เสียงของเขาเบามาก แต่กลับเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจของคน
กู้จื่อเฟยมองไปที่เย้นโม่หลินตาเป็นประกาย ทั้งตกใจ และตื้นตัน ถึงขั้นน้ำตาซึมตาพร่ามัว
เธอกัดปากตัวเองและพูดเสียงสะอื้นว่า
“แต่ว่าฉันไม่ใช่ฉันคนเดิมอีกต่อไป หน้าตาของฉันเสียโฉมหมดแล้ว ไม่สวยเหมือนเดิม เป็นคนน่าเกลียด ร่างกายของฉันก็ไม่สะอาดอีกต่อไป มันมีแต่บาดแผลที่น่าเกลียดเต็มไปหมด ฉันที่เป็นแบบนี้ น่าเกลียดจนตัวเองก็ยังทนมองดูไม่ได้ ถึงกับไม่มีคุณสมบัติและความกล้าหาญที่จะยืนอยู่ข้างพี่”
เขาส่องประกายเจิดจ้า แต่เธอช่างน่าละอาย
“ไม่ว่าเธอจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างไร ในสายตาของฉัน เธอก็ยังสวยเหมือนเดิม”
เย้นโม่หลินกอบกุมใบหน้าของกู้จื่อเฟย ปากของเขาค่อยๆจูบลงบนบาดแผลที่หน้าของเธอ เขาทำอย่างอ่อนโยน อย่างกับกำลังจูบทรัพย์สมบัติที่ล้ำค่า
“ฉันต้องการเพียงเธอกู้จื่อเฟย”
“ถึงแม้ว่าเธอไม่สวยเหมือนเดิม หน้าเดิมของเธอไม่หลงเหลืออยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะแก่ชราไป ถึงแม้ว่าเธอจะอยาก ในชีวิตนี้ ฉันก็จะให้เธออยู่ข้างๆฉัน”
“ฉันจะไม่ยอมปล่อยมืออีก ตลอดไปชั่วนิรันดร์”