“นายมานานเท่าไหร่แล้ว?”
กู้จื่อเฟยเดินไปยังตรงหน้าของเย้นโม่หลินด้วยความเร็ว ควงแขนของเขาแสดงความเป็นเจ้าของ
ผู้หญิงที่ล้อมรอบเห็นภาพนี้แล้ว ทันใดนั้นก็เหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลมออก หมดอารมณ์แล้ว
ที่แท้หนุ่มหล่อคนนี้ก็มีเจ้าของแล้ว
อีกอย่างถึงแม้ว่าแฟนจะดูแต่งตัวปกปิดมิดชิด แต่ว่าบุคลิกนั้น ดูแล้วก็เหมือนสาวสวยคนหนึ่ง
หนุ่มหล่อสาวสวยคู่กันแบบนี้ พวกเขาไม่ต้องคิดหวังแล้ว ได้แต่ชื่นชม
ตั้งแต่กู้จื่อเฟยออกมา สายตาของเย้นโม่หลินก็หยุดอยู่บนตัวเธอตลอด ไม่มีการเป็นอยู่ของคนอื่นๆ เลยด้วยซ้ำ
เขาเม้มปากแล้วยิ้ม ถามด้วยเสียงเบาว่า “เป็นยังไงบ้าง?”
“โอเคมากเลย รู้สึกดีขึ้นเยอะมาก พรุ่งนี้คุณหมอให้ฉันมาต่อ”
กู้จื่อเฟยยิ้มพลางพูด พูดไปด้วย สำรวจการตอบสนองของเย้นโม่หลินไปด้วย
กลัวว่าเขาจะมีความสงสัย
สีหน้าของเย้นโม่หลินไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ จูงมือของกู้จื่อเฟยแล้วเดินตรงออกไปทางข้างนอก
เดินไปด้วยพูดไปด้วยว่า “พรุ่งนี้ฉันมาส่งเธอนะ”
กู้จื่อเฟยยิ้มอย่างวางใจ “โอเค”
เธอคิดอยู่ บางทีเย้นโม่หลินที่ใสซื่อสะอาดแบบนี้ก็ถือเป็นเรื่องดี อย่างน้อยก็ไม่คมคายเหมือนโห้หลีเฉิน เพียงแค่พริบตาเดียวของเย้นหว่านผิดปกติ เขาก็สามารถรู้ได้ว่าเย้นหว่านทำอะไรมา
อย่างน้อย เธอก็ยังสามารถผ่านไปแบบลวงๆ ได้
รอให้เธอกลับมาแข็งแรงแล้ว เธอค่อยบอกเย้นโม่หลิน ก็ถือว่าสมบูรณ์แบบทั้งสองแล้ว
วันที่สอง กู้จื่อเฟยมาตามกำหนด ก็ยังเป็นเย้นโม่หลินที่ไปส่งเธอ
ใบหน้านี้ของเย้นโม่หลินช่างน่าดึงดูดเกินไปแล้วจริงๆ ครั้งนี้กู้จื่อเฟยไม่ได้ให้เขาส่งเข้าไปในห้องโถง ส่งถึงเพียงแค่ตรงบันไดนอกห้องโถง
“ฉันเข้าไปก่อนนะ นายรีบกลับไปเถอะ ใช้เวลาที่ฉันไม่อยู่ จัดการงานเยอะๆ รอฉันกลับไปแล้ว นายก็ไม่มีเวลายุ่งกับเรื่องงานแล้วนะ”
เย้นโม่หลินยิ้ม “โอเค พอเธอกลับมาแล้ว ฉันจะอยู่กับเธอตลอด”
ตอบได้เร็วทันใจขนาดนี้ ไม่ทำงานทำการเลย กลับทำให้กู้จื่อเฟยรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
สองวันนี้ เย้นโม่หลินที่ยุ่งงานมาก แต่กลับเสียเวลาส่วนมากอยู่ในครัว ทำอาหารอร่อยต่างๆ ให้เธอกิน จะกลายเป็นเชฟไปแล้ว
แขนของเธอกอดคอของเขา ยิ้มด้วยความอ้อน
“พี่เย้น นายอ่อนโยน เชื่อฟังแบบนี้ ทำให้ฉันทนไม่ไหวมาก อยากจัดการนายตรงนี้เลย”
ดวงตากะพริบดั่งสุนัขจิ้งจอกของเธอ อ่อยได้ใจมาก
เย้นโม่หลินเม้มปาก ตอบกลับอย่างจริงจัง “ตอนนี้ไม่ได้ รอเธออ้วนถึงห้าสิบกิโลก่อน”
กู้จื่อเฟย “……”
ทันใดนั้นก็สตั้นจนไม่รู้ควรพูดอะไรแล้ว
พี่เย้นก็ยังเป็นพี่เย้นคนนั้น จริงจังขึ้นมาแล้วไม่มีอารมณ์เลย
เธอพูดอย่างจริงจังว่า “ห้าสิบกิโลเอง เดี๋ยวฉันก็ปรับสมดุลได้แล้ว ไม่ต้องรอให้ถึงสองเดือนก็จะอ้วนถึงห้าสิบกิโล นายรอไว้เลย รอดูว่าฉันจะกินจนนายเละตุ้มเปะยังไง”
ฟังคำพูดที่ความหมายชัดเจนแบบนี้ หูของเย้นโม่หลินก็แดงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เขาดึงเธอลงมาจากคอของตัวเองด้วยความเขินอาย “รีบเข้าไปเถอะ”
กู้จื่อเฟยกำลังเล่นติดใจอยู่เลย จะยอมปล่อยเย้นโม่หลินไปได้ยังไง กำลังคิดอยู่ว่าจะทำอะไรบางอย่าง ขณะนี้ ข้างหลังของเธอก็มีเสียงของโจ๋ลี่ดังขึ้น
“คุณกู้ คุณมาแล้วเหรอคะ? ใกล้จะถึงเวลาแล้ว พวกเราเข้าไปกันเถอะค่ะ”
ท่าทางที่กู้จื่อเฟยจะทับลงอีกครั้งได้หยุดลง
เธอหันไปด้วยความเขินหาย “โอเค ใกล้แล้วค่ะ”
หลังจากพูดตบ เธอก็โบกมือกับเย้นโม่หลินด้วยความไม่พอใจ “พี่เย้น อย่าคิดถึงฉันมากเกินไปนะ เดี๋ยวเจอกันนะ”
เย้นโม่หลินมองสภาพนี้ของเธอด้วยความจนปัญญา ใครคิดถึงใครกันแน่? ยังไม่ได้จากกันเจ้าเด็กนี่ก็ทำสีหน้าไม่อยากจากแล้ว
เขานั้นไม่อยากแยกออกจากเธอ อยากอยู่เป็นเพื่อนเธอ
“เดี๋ยวฉันมารับเธอนะ”
หลังจากพูดจบ เย้นโม่หลินก็หันหลังอย่างสง่าแล้วจากไป
ก้าวเท้าที่ใหญ่มาก ผ่านไปไม่นาน ภาพข้างหลังของเขาก็หายไปจากจุดปลายของถนน
กู้จื่อเฟยถอนหายใจ ลูบเนื้อที่อยู่บนร่างกายของตัวเอง
ห้าสิบกิโลกรัม?
สู้ๆ สู้ๆ!
มีความหวังและความอยากแสวงหาแล้ว กู้จื่อเฟยเดินตรงเข้าไปในโรงพยาบาล
โจ๋ลี่ตามอยู่หลังของเธอ หลังจากผ่านไปสักครู่ จู่ๆ โจ๋ลี่ก็เอ่ยขึ้นว่า
“คุณกู้”
กู้จื่อเฟยเดินช้าลง “มีอะไรเหรอ?”
“โรคเบื่ออาหารก็คือโรคที่พบได้บ่อยค่ะ ไม่ใช่อะไรที่ไม่สามารถให้ผู้อื่นเห็นได้ คุณผู้ชายท่านนั้นดูรักคุณมาก หวังว่าคุณจะอ้วนขึ้น แข็งแรง ทำไมคุณต้องปิดบังเขาเรื่องการรักษาด้วยคะ?”
กู้จื่อเฟยร่างกายแข็งทื่อไปเลย มองโจ๋ลี่ด้วยนัยน์ตาที่ซับซ้อน
ดูเหมือนว่าคำพูดที่เธอพูดกับเย้นโม่หลินเมื่อกี้ เธอได้ยินไปส่วนหนึ่งแล้ว
ได้ยินโดยบังเอิญนั้นก็ไม่เป็นไร แต่ว่าโจ๋ลี่ดันเอ่ยสิ่งนี้ขึ้นมา……
กู้จื่อเฟยหันข้าง มองโจ๋ลี่ด้วยความจริงจัง พูดขึ้นว่า “นี่คือเหตุผลส่วนตัวของฉัน ฉันไม่สะดวกพูดค่ะ”
สีหน้าของโจ๋ลี่เปลี่ยนไป โรงพยาบาลมีกฎ ห้ามก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของลูกค้า
เธอเป็นเพียงแค่พยาบาล แต่กลับพูดเรื่องพวกนี้ ถึงว่าล้ำเส้นเกินไปแล้ว
เธอเม้มปาก ไม่พูดอะไรมากอีก
กู้จื่อเฟยก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ตักเตือนโจ๋ลี่ ก็พอแล้ว
เธอมาที่นี่ แค่อยากรักษาโรคเบื่ออาหารของตัวเองอย่างเงียบๆ
โจ๋ลี่ส่งกู้จื่อเฟยไปยังห้องเมื่อวาน หลังจากมอบของที่นำมาให้เจิ้งเหลียงแล้ว ก็เดินออกไป ปิดประตูจากข้างนอก
ตอนที่เธอปิดประตู แววตาได้จ้องมองคนสองคนที่นั่งอยู่ข้างในห้อง แววตามองสำรวจโดยไม่รู้ตัว
เหตุผลส่วนตัว?
ทุกคนต่างก็มีเหตุผลส่วนตัวมากมาย ทว่าเธอมองกู้จื่อเฟยแบบนี้แล้ว กลับรู้สึกว่า เหตุผลส่วนตัวของเธอ อาจจะมีแผนการอื่น
หนุ่มหล่อคนนั้นเชื่อใจเธอขนาดนี้ เธอกลับโกหกคนแบบนี้ จึงทำให้โจ๋ลี่รู้สึกไม่คุ้มค่าแทนหนุ่มหล่อคนนั้น
ทว่า นี่เป็นเรื่องของคนอื่น ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอมากมาย
กู้จื่อเฟยนั่งลงบนโซฟา โต๊ะที่อยู่ตรงหน้า วางเอกสารไว้มากมาย ต่างก็เป็นผลตรวจของเธอ
บนใบหน้าของเจิ้งเหลียงมีรอยยิ้มอ่อน เอ่ยขึ้นว่า
“เทียบกับสภาพร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรงของคุณในตอนนี้ ปัญหาทางสภาพจิตใจของคุณสำคัญกว่าครับ นี่เป็นเหตุผลหลักสำคัญหนึ่งที่ทำให้คุณเป็นโรคเบื่ออาหารครับ”
“จะเอาชนะปัญหาด้านจิตใจ ต้องเผชิญหน้าตัวต่อตัว คือวิธีแก้ไขที่ดีและเร็วที่สุดครับ”
“คุณกู้ คุณสามารถให้ความร่วมมือกับการรักษาของผมไหมครับ?”
มือของกู้จื่อเฟยที่จับเอกสารการตรวจ บีบแน่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
สีหน้าของเธอซีดขาว แววตาเปล่งประกาย
เผชิญหน้าตัวต่อตัว นั่นคือการเปิดฝันร้ายที่ซ่อนอยู่ในใจเธอออก เดินเข้าไปอีกครั้ง ลงนรกที่ตายทั้งเป็น
ชีวิตที่มืดมิดบนประภาคาร เธอยังกล้าลองอีกครั้งไหม?
ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ฝัน ก็สามารถทำให้เธอกลัวจนหยุดหายใจ
ก่อนหน้านี้ เธอเคยคิดที่อยากจะฆ่าตัวตาย……
ผ่านไปนานมาก เธอพูดด้วยเสียงนุ่มต่ำว่า “มีวิธีอื่นอีกไหมคะ?”
เจิ้งเหลียงส่ายหัว “การรักษาสภาพจิตใจ คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุด”
กู้จื่อเฟยกำมือแน่น ทั้งตัวของเธอ เหมือนอยู่ในกรงที่เต็มไปด้วยความหดหู่
เธอกัดฟัน พยายามกดทับความกลัวที่ผุดขึ้นมาจากจิตใจด้วยความยากลำบาก
บนหน้าผาก เหงื่อก็ไหลลงมาทีละหยด
เจิ้งเหลียงคือคุณหมอเชี่ยวชาญในด้านนี้ เห็นการตอบสนองของกู้จื่อเฟยแล้ว ก็พอจะเดาออกแล้วว่าเธอผ่านเรื่องอะไรมาบ้าง
เขาอดไม่ได้ พูดด้วยความอ่อนโยนว่า