“เธอพูดจามั่วซั่ว!”
กู้จื่อเฟยโต้เถียงอย่างร้อนรน “ฉันกับเจิ้งเหลียงอยู่ในการรักษาปกติ รูปพวกนี้หามุมถ่ายทั้งนั้น จงใจใส่ร้ายฉัน”
“กู้จื่อเฟย เธอกำลังโกหกเหมือนทุกคนเป็นคนโง่อยู่นะ?”
โจ๋ลี่ดุว่าด้วยถ้อยคำที่เป็นธรรม น้ำเสียงค่อนข้างดัง “ถ้าเธอกับเจิ้งเหลียงใสซื่อบริสุทธิ์จริง แล้วทำไมแค่รักษาโรคเบื่ออาหารเท่านั้น กลับต้องปิดบังแฟนของเธอ? เห็นได้ชัดว่าเธอมีใจแอบแฝง!”
“เธอ……”
กู้จื่อเฟยยังอยากที่จะโต้เถียง ตอนนี้ ผู้คนรอบด้านกทนไม่ไหวแล้ว เอ่ยปากพูดขึ้น
“ใช่แล้ว พวกเราเห็นทุกวันเธอไปที่ห้องในสุดนั่นด้วยตัวเอง อยู่ด้วยกันตามลำพังกับเจิ้งเหลียงหลายชั่วโมง ผู้ชายผู้หญิงอยู่กันตามลำพัง ยังมีเรื่องใสสะอาดได้เหรอ?”
“เจิ้งเหลียงเป็นแพทย์ที่มีอำนาจในด้านโรคเบื่ออาหาร มีห้องวินิจฉัยของตัวเอง ในเมื่อเธอต้องการความเงียบสงบ ก็สามารถให้เขารักษาที่นั่นได้ ทำไมถึงต้องหาห้องเดี่ยวให้เธอ แล้วยังหาเป็นห้องในสุดห่างไกลที่สุดไม่มีคนรบกวนมากที่สุดด้วย”
“นั่นก็เพื่อให้พวกเธอสะดวกคบชู้กันไม่ใช่เหรอ?”
“น่ารังเกียจจริงๆ ทุกวันเห็นพวกเธอสองคนทำเรื่องแบบนี้อยู่ในโรงพยาบาล ฉันทนไม่ได้มาตั้งนานแล้ว”
……
ผู้คนต่างตำหนิ ด่าทอ คำต่อคำเหยียบย่ำกู้จื่อเฟยอย่างเอาเป็นเอาตาย
กู้จื่อเฟยฟังคำพูดด่าทอที่ไม่มีมูลเหล่านี้ ก็โกรธจนตัวสั่น
โจ๋ลี่ยิ้มอย่างมีชัย ชี้นิ้วไปที่กู้จื่อเฟย เอ่ยถามขึ้นอีก
“กู้จื่อเฟย เธอพูดมาสิ เธอมานวดหรือเปล่า? พวกเรามองผิดหรือเปล่า? เธอกำลังโกหกคุณเย้นอยู่หรือเปล่า?”
สำหรับเรื่องนี้ เธอปิดบังเย้นโม่หลินอยู่จริงๆ
แม้กระทั่งกลัวมาตลอดว่าจะถูกเขาจับได้ เอาแต่ระมัดระวัง
ความคิดเห็นและข้อกล่าวหาของคนอื่นเธอไม่สนใจได้ แต่สำหรับเย้นโม่หลิน……
หัวใจของกู้จื่อเฟยราวกับถูกมือใหญ่มาบีบไว้ ถ้าไม่ระวัง ก็จะถูกบดขยี้
แววตาเธอสั่นไหว มองสีหน้าที่มืดมนของเย้นโม่หลินด้วยความวิตกกังวล
ทั่วร่างเขาไม่เป็นมิตร ออร่าบีบคั้น เห็นได้ชัดว่าโมโหแล้ว
โมโหที่เธอโกหกเขาเหรอ?
โมโหที่เห็นรูปถ่ายพวกนั้น เชื่อว่าเธอกับเจิ้งเหลียงมีลับลมคมในเหรอ?
ในใจกู้จื่อเฟยว้าวุ่น ไม่ได้สนใจเสียงโห่ร้องของคนอื่น รีบคว้ามือของเย้นโม่หลินพูดอธิบาย
“พี่เย้น ขอโทษนะ ฉันโกหกนายจริงๆ ฉันไม่ได้มานวด แต่ฉันแค่ไม่อยากให้นายเป็นห่วง ฉันกับเจิ้งเหลียงจริงใจใสซื่อ ไม่เคยทำอะไรทั้งนั้น นายเชื่อฉันไหม?”
สายตาที่ทั้งหยั่งลึกทั้งมืดมนของเย้นโม่หลิน ค่อยๆ ผละออกจากรูปถ่ายแล้วหันมาที่ใบหน้าของกู้จื่อเฟย
เขาเม้นริมฝีปากบางแน่น สายตาซับซ้อนสุดขีด
จากนั้น เขาก็เคลื่อนไหวช้าๆ โดยจับมือเธอออกไปจากข้อมือของเขา
เห็นการเคลื่อนไหวนี้ กู้จื่อเฟยก็ตัวแข็งทื่อ หัวใจที่ห้อยอยู่ ก็ตกลงสู่ขุมนรกในวินาทีนั้น
เธอหนาวสั่นอย่างรุนแรงไปทั่วร่าง
พี่เย้น ไม่เชื่อเธอ
โจ๋ลี่ยิ้มอย่างมีชัย ดวงตาเต็มไปด้วยความชั่วร้ายและความคาดหวัง แทบรอไม่ไหวที่จะเห็นกู้จื่อเฟยถูกทิ้ง
ในที่สุดก็สามารถทำให้กู้จื่อเฟยที่ใจโลเลรับโทษจากผลกรรมของตัวเอง
เย้นโม่หลินที่ยอดเยี่ยมขนาดนั้น ก็จะได้เป็นของทุกคนแล้ว บางที ในอนาคตก็อาจได้เป็นของเธอ
ออร่าของเย้นโม่หลินลดต่ำอย่างรุนแรง
เขาดูเหมือนพยายามยับยั้งอะไรบางอย่าง ดึงมือของกู้จื่อเฟยออกอย่างเชื่องช้า จากนั้น ลำแขนที่แข็งแกร่ง ก็โอบไปที่เอวของเธอ ดึงเธอที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งก้าวเข้ามาไว้ในอ้อมแขนของเขา
เขากอดเธอไว้ ก้มหน้า ริมฝีปากบางจูบไปที่ผมเธออย่างหนักแน่น
น้ำเสียงเขาหนักอึ้งหาใดเปรียบ เผยความปวดใจ “ต้องเจ็บปวดแค่ไหน ถึงทำให้เธอร้องไห้ได้ขนาดนั้น? เฟยเอ๋อร์ ฉันเกลียดตัวเองจริงๆ ที่ไม่ได้อยู่ข้างกายเธอ”
อะไร?
กู้จื่อเฟยตกตะลึง มองไปที่เย้นโม่หลินอย่างเหลือเชื่อ
เรื่องอะไรกัน เขาไม่เพียงแค่ไม่สนใจที่เธอโกหกเขา แล้วยังไม่หึงหวงโกรธเคืองเรื่องของเธอกับเจิ้งเหลียง กลับกลายเป็นว่าจุดโฟกัสทั้งหมด ไปอยู่ที่รูปที่เธอร้องไห้อย่างน่าเวทนา?
กู้จื่อเฟยก้มหน้ามอง ก็เห็นภาพถ่ายที่อยู่บนสุด เป็นรูปที่เธอร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเจิ้งเหลียงด้วยความสับสน
แล้วนิ้วของเย้นโม่หลิน ก็แทบจะบดขยี้มุมของรูปถ่ายใบนั้น
ก่อนหน้านี้เธอนึกว่าเป็นความโกรธ ตอนนี้ถึงได้รู้ ว่าเป็นเพราะเขาปวดใจ
กู้จื่อเฟยประหลาดใจ ทั้งซาบซึ้งทั้งเศร้าหมอง
เธอกะพริบตา มองไปที่เขาตาปริบๆ “นายไม่โกรธที่ฉันโกหกนายเหรอ? ฉันเป็นโรคเบื่ออาหาร นายก็ไม่แปลกใจเหรอ?”
ใช่แล้ว ยังมีข้อสงสัยใหญ่โตประการหนึ่ง
เธอเพียงแค่ไม่ค่อยอยากอาหารกินข้าวน้อย เย้นโม่หลินก็เข้าครัวทำของอร่อยให้เธอกินด้วยตัวเองอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เพียงแค่ให้เธอมีความอยากอาหาร กินมากขึ้นหน่อย
ผู้ชายที่ใส่ใจสุขภาพของเธอขนาดนี้ ทำไมหลังจากได้ฟังว่าเธอเป็นโรคเบื่ออาหารแล้ว กลับไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบเลยล่ะ?
“เพราะว่าเขารู้ตั้งแต่แรกแล้วน่ะสิว่าเธอมีอาการเบื่ออาหาร ฉันก็เป็นคนที่เขาดำเนินการให้มารักษาเธอ”
เจิ้งเหลียงในชุดคลุมสีขาว เดินก้าวใหญ่ออกมาจากห้องโถง
เสียงของเขาดังก้อง ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นได้ยินอย่างชัดเจน
“เธอไม่อยากให้เขาเป็นห่วง คุณเย้นก็ไม่ต้องการให้เธอกังวล ความคืบหน้าในการรักษาแต่ละวันของเธอ คุณเย้นล้วนแต่อ่านจบหมดโดยไม่พูดอะไร”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้
ฝูงคนต่างรู้แจ้งในทันที ในที่สุดก็เข้าใจความลับที่ถูกเปิดเผยว่าเป็นยังไงกันแน่
ที่แท้คือคู่รักที่ต่างฝ่ายต่างเป็นห่วงกัน แล้วเจิ้งเหลียง ก็เป็นคนที่คุณเย้นจัดหามาเอง
การรักษาทั้งหมดถูกคุณเย้นคอยเฝ้าดู เจิ้งเหลียงกับกู้จื่อเฟยจะมีความสัมพันธ์ส่วนตัวได้ยังไง?
พวกเขาบริสุทธิ์ใจ
ข่าวลือกับภาพถ่ายเหล่านั้น ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระที่ไม่จำเป็น
เมื่อผู้คนรับรู้ถึงความจริง ขณะเดียวกันก็เริ่มอิจฉากู้จื่อเฟยแล้ว พูดได้ว่า ได้รับความเอาใจใส่จากแฟนหนุ่มอย่างล้นหลาม
แล้วกู้จื่อเฟยเองก็ยินยอมแบกรับความเจ็บปวดไว้คนเดียว เพื่อให้เย้นโม่หลินเป็นกังวลน้อยลง
พวกเขาคิดเผื่ออีกฝ่ายแบบนี้ อย่างสมบูรณ์ วางอีกฝ่ายไว้ในใจ มันคือรักแท้
กู้จื่อเฟยยืนตัวแข็งอยู่ที่เดิม มองไปที่เย้นโม่หลินด้วยความประหลาดใจและเหลือเชื่อ
ทำไมเธอคิดไม่ถึงเลย ว่าเจิ้งเหลียงจะเป็นเย้นโม่หลินจัดหามา
มิน่าจู่ๆ เธอบอกว่าอยากนวด เย้นโม่หลินก็เห็นด้วยอย่างง่ายดายขนาดนั้น อีกอย่างทุกครั้งแม้แต่ห้องโถงก็ไม่เข้าไป
นี่ไม่ใช่การให้พื้นที่อิสระกับเธอ แต่เป็นการปกปิดคำโกหกของเธอโดยสมบูรณ์
ตอนที่เธอไม่รู้ ลับหลังเธอ เขาแอบทำเรื่องมากมายขนาดนี้
กู้จื่อเฟยคัดจมูก น้ำตาไหลริน
พูดสะอึกสะอื้น “งั้นกระบวนการบำบัดทางจิตใจของฉันนายก็รู้แล้วเหรอ?”
เย้นโม่หลินส่ายหน้า
“เธอไม่อยากให้ฉันดู ฉันก็จะไม่ดู”
เขาพูดอย่างแน่นอนเป็นพิเศษ ราวกับว่านี่เป็นเรื่องที่ควรขึ้นอยู่กับเธอมากที่สุด
เขารักเธอ ให้เกียรติเธอ
น้ำตาของกู้จื่อเฟย ก็ไหลรินลงมาอย่างทนไม่ไหว
เธอกอดเขาทันที ร้องไห้โฮสะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมแขนเขา “พี่เย้น ทำไมนายถึงได้ดีขนาดนี้? ฉันไม่รู้ว่าควรจะตอบแทนนายยังไงดีแล้ว”