คำพูดแต่ละคำ เป็นเหมือนเข็มที่ทึ่มเข้าไปในหัวใจของเย้นหว่าน จากนั้นก็มีเลือดไหลออกมา
เธอไม่เคยคิดเลยว่า ระหว่างโห้หลีเฉินกับลูก จะต้องมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะต้องรอด
และการตัดสินใจที่โหดร้ายนี้ ก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
มันเร็วจนเธอไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อดี
เย้นหว่านสั่นสะท้านไปทั้งตัว ความกลัวกำลังเข้าครอบงำเธอ
เธอไม่มีทางให้โห้หลีเฉินตาย แม้ว่าเธอจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม แต่ว่า เธอก็ไม่อยากให้ลูกตาย พวกเขายังเล็กขนาดนี้ และพวกเขาเพิ่งจะมาถึงบนโลกใบนี้
พวกเขา เป็นสิ่งสำคัญของเธอและโห้หลีเฉิน
“ไม่ มันต้องไม่ใช่แบบนี้ ยังมีวิธี มันต้องมีวิธีอื่น”
เย้นหว่านส่ายหัว และบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์
มันจะต้องมีวิธีอื่น
แคทเธอรีนช่วยไม่ได้ ก็ยังมีป่ายฉี ป่ายฉีเป็นหมออัจฉริยะ ตราบใดที่เขายังหายใจอยู่ เขาก็มีโอกาสฟื้นคืนชีพได้
เรื่องมันมาถึงจุดนี้แล้ว ทั้งความเป็นความตาย
การที่ได้ตัวป่ายฉีมาไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร เธอก็ยอมทั้งนั้น
เธอเชื่อว่าป่ายฉีจะสามารถช่วยพวกเขาได้ เขาจะต้องช่วยพวกเขาได้อย่างแน่นอน
“คุณเชื่อจริงๆ เหรอว่ามีวิธีอื่น หรือคุณแค่โลภในการใช้ชีวิตและกลัวความตาย ก็เลยหาเหตุผลให้ตัวเอง?”
แคทเธอรีนยิ้มประชดประชัน คำพูดแต่ละคำของเธอก็ดูโหดร้าย
“ฉันบอกไปแล้ว ว่าต่อให้ป่ายฉีมาที่นี่ ก็ไม่มีทางเปลี่ยนสถานการณ์ปัจจุบันได้ แม้แต่เขาก็ยังช่วยโห้หลีเฉินไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าคุณจะใช้อำนาจทั้งหมดของโห้หลีเฉิน คุณก็ไม่มีทางป่ายฉีมาที่นี่ได้ เพราะว่า ผู้นำตระกูลหยูกำลังจะลงมือแล้ว”
เย้นหว่านตกใจ “หมายความว่าไง?”
นี่คือสิ่งที่เธอและโห้หลีเฉินกังวลมาโดยตลอด ถ้าหยูฉู่สองรู้อาการป่วยของโห้หลีเฉิน
ความสัมพันธ์ของเขานั้นเปราะบาง และเขาก็จะไม่รอช้าที่จะลงมือแน่นอน
“อย่างที่คุณคิด ผู้นำหยูรู้เกี่ยวกับอาการป่วยของโห้หลีเฉินแล้ว เขารอให้โห้หลีเฉินป่วยจนตาย ไม่นาน เขาก็จะโจมตี ทั้งคุณและโห้หลีเฉินจะกลายเป็นลูกไก่ในกำมือของเขา”
“คือคุณนั่นเอง คุณเป็นคนบอกความลับใช่ไหม?” เสียงของเย้นหว่านสั่นเครือ
แคทเธอรีนหัวเราะเยาะ “ไม่ใช่ฉัน พวกคุณคิดไปเองว่าเก็บเป็นความลับได้ทั้งหมดแล้ว แต่คุณกลับไม่รู้เลยว่า ผู้นำตระกูลหยูรู้ว่าโห้หลีเฉินป่าวยตั้งนานแล้ว ก็แค่รอให้เขามีอาการหนักมากกว่าเดิม”
“ฉันจะบอกคุณก็ได้ ผู้นำหยูส่งคนมาหาฉัน เป้าหมายของเขาก็คือเอาชีวิตของโห้หลีเฉิน แต่ฉันก็ใจอ่อน ก็เลยให้โอกาสให้พวกคุณได้ตัดสินใจ ให้คุณเป็นคนช่วยชีวิตโห้หลีเฉิน และปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ต่อ”
“เย้นหว่าน ฉันไม่ได้บังคับเธอ แต่ลูกและโห้หลีเฉิน มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะมีชีวิตอยู่ได้”
ถึงเวลานี้ แคทเธอรีนไม่จำเป็นต้องโกหกเธอด้วยการพูดไร้สาระแล้ว เย้นหว่านรู้ ว่าสิ่งที่แคทเธอรีนพูดเป็นความจริง
เธอไม่คิดว่า หยูฉู่สองจะรู้เรื่องอาการป่วยของโห้หลีเฉินนานแล้ว
ภายใต้การเก็บความลับที่แน่นแฟ้นเช่นนี้ หยูฉู่สองรู้ได้อย่างไร?
มีสายลับ หรือมีอย่างอื่น…
ไม่ว่ามันจะเป็นอันไหน เธอกับโห้หลีเฉินก็ถูกต้อนจนถึงทางตันแล้ว
หยูฉู่สองไม่มีทางทำดีกับพวกเขาอย่างแน่นอน เขามีเจตนาฆ่าโห้หลีเฉินด้วยซ้ำ สิ่งที่เขาต้องการคือการควบคุมเด็กๆ
เมื่อเขามีโอกาสในการโจมตี พวกเขาจะไม่มีทางเลือกใดๆอีกต่อไป และโห้หลีเฉินจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
เย้นหว่านรู้สึกชาไปทั้งตัว และเธอผลักแคทเธอรีนออกทันที ก่อนจะรีบวิ่งออกไปข้างนอก
เธอกำลังจะไปหาโห้หลีเฉิน
เธอไม่สามารถรอได้แม้แต่วินาทีเดียว
ครั้งนี้แคทเธอรีนไม่ได้ห้ามเธอ เธอยิ้มเยาะเย้ยและตะโกนใส่แผ่นหลังของเย้นหว่าน
“เย้นหว่าน เวลาของคุณมีไม่เยอะแล้ว คิดให้ดีๆ จะเป็นคุณที่ตายแล้วหรือว่าโห้หลีเฉินที่ตาย”
เย้นหวานไม่รู้ว่าเธอไปที่ปราสาทได้อย่างไร
เธอเดินโซเซไปทางห้องผู้ป่วย แต่ก็หยุดลงที่หน้าเตียงทันที
เธอก้มศีรษะลง มองไปยังชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย หัวใจของเธอก็แหลกสลายไปในทันที
ไม่เจอกันครึ่งเดือน เขาผอมลงเยอะมาก
ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาและเคร่งขรึม ตอนนี้เหลือเพียงความซีดเซียวและทรุดโทรม เขาก็เหมือนกับรูปปั้นที่สูญเสียพลังไปนานแล้ว
เธอเพิ่งจะรู้ ช่วงเวลาที่ผ่านมาที่เธอเห็นเขาในวิดีโอคอล มันเป็นร่างปลอม
เขาน่าจะแต่งหน้าและใช้ฟิลเตอร์ในโทรศัพท์ ก็เลยทำให้เขาดูเหมือนปกติ
น้ำตาของเย้นหว่านทำให้ดวงตาของเธอพร่ามัวในทันที ตรงหน้าอกเธอเหมือนมีอะไรมากันอยู่ ทำให้หายใจไม่ออก สิ่งพวกนี้ทำให้เธอแทบจะบ้า
“คุณสามี…”
ริมฝีปากของเธอสั่น เธอพยายามที่จะเข้าใกล้เขา แต่เธอก็ไม่สามารถยืนได้อีกต่อไป เธอล้มลงไปด้วยความตกตะลึง
“คุณนายครับ ระวังครับ”
เว่ยชีตามเข้ามา เมื่อเขาเห็นภาพนี้เขาก็รีบวิ่งไปพยุงเย้นหว่าน
เขาพาเย้นหว่านนั่งลงที่ข้างเตียง
ดวงตาของเย้นหว่านไม่เคยละสายตาจากโห้หลีเฉินเลย มือเล็กๆ ที่เย็นของเธอ จับฝ่ามือของโห้หลีเฉินไว้
เห็นกระดูกได้อย่างชัดเจน ชัดเจนมาก เธอรู้สึกเสียใจมาก
น้ำตาของเย้นหว่านไหลลงทีละหยดบนหลังมือของเขา และมืออีกข้างก็แตะไปที่แก้มของเขาเบาๆ
น้ำเสียงเธอสะอึกสะอื้น “คุณสามี คุณบอกว่าคุณจะไม่โกหกฉันไง ทำไมคุณถึงโกหกฉัน…บอกฉันว่าคุณสบายดี”
“ในช่วงเวลานี้ คุณต้องเจอกับอะไรบ้าง ฉันขอโทษ ฉันขอโทษที่ไม่ได้อยู่กับคุณ”
“ฉันไม่ดี ฉันไม่ดี…”
เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของเธอ เธอร้องไห้เหมือนใจจะขาด
หัวใจของเย้นหว่าน เจ็บปวดไปหมด เธอหายใจลำบากจนเหมือนจะหายใจไม่ออก
เว่ยชีที่เห็นภาพนี้ ก็รู้สึกทุกข์ทรมานใจ
เมื่อเห็นท่าทางเศร้าโศกของเย้นหว่าน เขาก็เข้าใจเลยว่าทำไมคุณชายถึงพูดว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับเย้นหว่าน
เขาไม่อยากทำให้เธอร้องไห้ และไม่อยากทำให้เธอเจ็บปวด
ฝ่ามือของเว่ยชีวางลงบนไหล่ของเย้นหว่านอย่างนุ่มนวล ก่อนจะดึงเธอเล็กน้อย
“คุณนาย อย่าร้องไห้เลย ลูกคือสำคัญที่สุด คุณจะเสียงใจมากเกินไปไม่ได้ เพื่อลูก คุณจะต้องเข้มแข็ง”
เย้นหว่านจะแข็งแกร่งได้อย่างไรอีก โลกของเธอมืดมนไปหมด จนแทบพังทลายหมดแล้ว
เธอจับมือโห้หลีเฉินแน่น น้ำตาเธอก็ไหลไม่หยุด
เว่ยชีถอนหายใจ
เขาไม่ใช่คุณชาย และเขาไม่รู้ว่าจะปลอบใจเธอได้อย่างไร
เขาทำได้แค่โทรเตือนอย่างเงียบๆ และบอกให้หมอไป๋รีบมาที่นี่ พร้อมกับเตรียมอุปกรณ์ทั้งหมดมาด้วย เผื่อว่าจะมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น
ร่างกายของเย้นหว่าน คงรับสิ่งนี้ไม่ไหว
ไม่รู้ว่าเธอร้องไห้ไปนานแค่ไหน อารมณ์ของเย้นหว่านก็สงบลงเล็กน้อย เธอยังคงมีลมหายใจ เพราะเธอยังมีความหวัง
ดวงตาของเธอแดงก่ำ เธอมองขึ้นไปที่ป่ายฉี
“เขาหมดสติไปตอนไหน เขาจะตื่นเมื่อไหร่”
เธอต้องการคุยกับเขา
“หมดสติไปประมาณสองสามชั่วโมงแล้ว” เว่ยชีรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย “ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าคุณชายจะฟื้นขึ้นมาตอนไหน ทำได้แค่รอครับ”
เขาไม่ได้พูดอย่างที่แคทเธอรีนพูด ว่าถ้าโห้หลีเฉินหลับไปในครั้งนี้ บางทีมันอาจจะเป็นการนอนหลับที่ยาวนาน
ร่างกายของเขาทรุดโทรมถึงขีดสุด
ตอนนี้เป็นเพียงลมหายใจสุดท้ายของเขา
เย้นหว่านกัดฟัน และน้ำตาก็ไหลลงมาอีกครั้ง
รอ รอนานแค่ไหน
เธอไม่มีเวลามากขนาดนั้น
เว่ยชียังคงกลัวว่าเธอจะรับไม่ไหวจนควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เลยรีบพูดว่า
“คุณนาย ทำไมจู่ๆ ถึงมาอยู่ที่นี่”
เขาออกคำสั่งว่าให้เก็บเป็นความลับ แล้วเย้นหว่านรู้ถึงอาการป่วยของโห้หลีเฉินได้อย่างไร