เย่ซือซือแข็งทื่อ เธอไม่ได้ตอบอะไร ก่อนจะเดินจากไป
เสิ่นเคอหานมองไปยังแผ่นหลังบางของเธอ ดวงใจเย็นเฉียบเข้ากระดูก
เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ด้วยความเศร้าใจ และความเกลียดชังที่ควบคุมไว้ไม่ได้
ทั้งหมดเป็นเพราะโห้หลีเฉิน
เป็นเพราะมัน
ถ้าไม่ใช่เพราะความไร้ยางอายของมัน เย่ซือซือกับเขา คงไม่มาถึงขั้นนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะโห้หลีเฉิน มันต้องชดใช้!
หลังจากนั้นไม่นาน เสิ่นเคอหานก็หมุนตัวกลับเข้าไปในห้อง และแอบเปลี่ยนยาอย่างเงียบๆ
สองวันต่อมา
เดิมทีโห้หลีเฉินยังคงรู้สึกถึงเอวที่เป็นอัมพาตได้นิดหน่อย
แต่ครั้งนี้ไม่ว่าใครที่ตรวจสอบ คือเป็นอัมพาต อัมพาตตลอดชีวิต
เย่ซือซือประหลาดใจมาก ยืนข้างๆ อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรด้วยใบหน้าซีดขาว
แม้แต่เธอก็ยังคิดไม่ถึง เพียงแค่ชั่วเวลาหนึ่ง อาการของโห้หลีเฉินก็ถึงขั้นทรุดหนักมาถึงขั้นสุดท้าย
เป็นอัมพาตตลอดชีวิต หรือเธอเป็นคนสร้างมันเองกับมือ
มองไปยังชายหนุ่มที่นอนหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียง หัวใจของเย่ซือซือก็เจ็บราวกับโดนเข็มทิ่ม ความรู้สึกผิดไม่รู้จบได้ห่อหุ้มตัวเธอไว้รอบแล้วรอบเล่า
เว่ยชีที่ยืนอยู่ข้างเตียง ใบหน้าเขามืดหม่น เขาระงับความโกรธของตัวเองไว้ไม่ไหว
“เย่ซือซือ ทำไมถึงกลายมาเป็นแบบนี้? พูดมา!”
เขาหันหน้ามาทางเย่ซือซือ
เธอเป็นหมอที่รักษาโห้หลีเฉิน
เดิมทีเธอควรจะรักษาขาของโห้หลีเฉินให้หายดี แต่นี่กลับรักษาให้เขาเป็นอัมพาตเสียอย่างนั้น เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ไม่ใช่มาอธิบายว่าเป็นความผิดพลาดเล็กน้อย
ถึงแม้จะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ก็รู้สึกว่านี่มันเป็นการจงใจ
เย่ซือซือส่ายหน้า มองไปยังโห้หลีเฉินด้วยดวงตาเป็นประกาย มีความเศร้าและสงสารเล็กน้อย
“ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ คุณโห้ ฉันไม่รู้… …”
“คุณเป็นหมอรักษานะ จะไม่รู้ได้ยังไง? เย่ซือซือ คุณรีบอธิบายมาให้ชัดเจน ไม่อย่างนั้นผมจะฆ่าคุณ!”
เว่ยชีโกรธจัด ก้าวเท้าไปยืนข้างหน้าเย่ซือซือ ก่อนจะคว้าหมับเข้าให้ที่คอของเธอ
ด้วยพละกำลังนั้น เกือบทำให้เย่ซือซือหายใจไม่ออกเลยทันที
หน้าของเย่ซือซือเปลี่ยนเป็นสีแดง จับมือของเว่ยชีด้วยความตระหนก พยายามดิ้นรนออกมา
“ฉันไม่รู้จริงๆค่ะ ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
“พูดมา!”
เว่ยชีเดือดจัด ออร่าเต็มไปด้วยจิตสังหาร
เขาบีบคอเธอจนตายได้จริงๆ นะ
ทำร้ายคุณผู้ชายจนเป็นอัมพาต น่ารังเกียจเสียยิ่งกว่าแคทเธอรีนในตอนแรก เป็นอัมพาตบนเตียงไปตลอดชีวิต คุณผู้ชายจะยังทำอะไรได้อีก
เธอกำลังทำลายอนาคตของคุณผู้ชายทั้งหมด
เธอรีบวิ่งเข้าไปในห้องของเสิ่นเคอหาน
เมื่อเข้าไปเสิ่นเคอหานก็รีบคว้าเธอเอาไว้ และมองออกไปนอกประตูอย่างระมัดระวัง ก่อนจะปิดประตูลง
เสิ่นเคอหานตกใจเล็กน้อย “ทำไมโห้หลีเฉินให้คุณมาได้? ตอนนี้เขาควรจะเป็นอัมพาตได้แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยคุณอีกครั้ง”
เมื่อได้ฟังความหมายนี้ ความสงสัยของเย่ซือซือ ก็ถูกตัดสินได้
ที่โห้หลีเฉินเป็นอัมพาตล่วงหน้า เป็นฝีมือของเสิ่นเคอหาน
เย่ซือซือมองไปทางเขาอย่างหงุดหงิด “นี่คุณอยากให้ฉันถูกโห้หลีเฉินฆ่าตายหรือไง?”
“ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไงกัน? ซือซือผมจริงใจกับคุณนะ ผมจะพาคุณออกไปแน่ ผมได้ปรึกษาหารือกับผู้นำตระกูลหยูเรียบร้อยแล้ว และจะจัดการให้เราออกไปในภายหลัง ถ้าคุณไม่มา เขาจะส่งคนไปหาโห้หลีเฉินเพื่อช่วยคุณ”
ช่วยเธอ? หรือว่าหยูฉู่สองฉวยโอกาสตอนอาการป่วยของโห้หลีเฉิน เข้ามาอย่างเที่ยงตรงเพื่อควบคุมเขา
ถ้าเย่ซือซือยังอยู่ในห้องของโห้หลีเฉินละก็ เธอก็จะกลายเป็นหมากของหยูฉู่สอง
“ผู้นำตระกูลหยูจัดการยังไง? เราจะออกไปยังไง? ข้างนอกก็เต็มไปด้วยคนของโห้หลีเฉิน”
“อีกสักพักผู้นำตระกูลหยูจะส่งคนมาขัดจังหวะข้างหน้า พวกเราจะฉวยโอกาสลงไปจากที่นี่ และหลบหนีไปทางสวนหลังบ้าน ก็จะปลอดภัยแล้วละ”
เมื่อเห็นเสิ่นเคอหานพูดอย่างดีใจ ในใจของเย่ซือซือก็หนักอึ้งราวกับโดนหินกดทับ
เธอพูดเสียงขรึมว่า “ผู้นำตระกูลหยูวางแผนจะฉวยโอกาสนี้ ควบคุมโห้หลีเฉินใช่ไหม?”
ขัดจังหวะ?
เกรงว่าเข้ามาฆ่าจะถูกต้องเสียมากกว่า
เสิ่นเคอหานหัวเราะเยาะ “แล้วมันจะยังไง? โห้หลีเฉินอยากจะให้ผมตาย เขาก็ต้องตายก่อน! แต่เขาเป็นทายาทที่ถูกควบคุมเท่านั้น ยังนึกว่าเขาคือคนควบคุมเสียได้”
เย่ซือซือขมวดคิ้วหนักขึ้น ความผิดในใจมันเอ่อล้น
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอกับเสิ่นเคอหาน อย่างน้อยโห้หลีเฉินคงไม่มาถึงขั้นนี้
และโห้หลีเฉินก็ปล่อยเธอไป
เสียงของเย่ซือซือต่ำมาก “เสิ่นเคอหาน คุณไม่กลัวเวลาฝันตอนกลางคืน มโนธรรมของคุณจะถูกรบกวนและจะฝันร้ายเหรอ?”
สีหน้าของเสิ่นเคอหานเปลี่ยนไปเป็นดุร้ายรุนแรง
เย่ซือซือกลัวมาก สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของเธอทำให้เธอมองไปยังโห้หลีเฉินอย่างน่าสงสารเพื่อขอความช่วยเหลือ
“คุณโห้ เชื่อฉันนะ ช่วงเวลานั้น ฉันดูแลคุณอย่างไร คุณยังไม่มั่นใจอีกหรอ น้ำใจที่ฉันมีให้คุณ ไปที่ https://th.readeraz.com เพื่ออ่านเนื้อหาใหม่ล่าสุดทุกคน!
เหมือนแฟนสาวที่กำลังออดอ้อนชายหนุ่ม ร้องขอความเมตตา
ดวงตาที่ล้ำลึกของโห้หลีเฉินจ้องมองไปที่เย่ซือซืออย่างเย็นชาและทนไม่ได้
ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ความสัมพันธ์ของพวกเขาจากความคลุมเครือเพิ่มขึ้น สนิทสนมกันมากทั้งวัน
เขามีความอดทนเป็นพิเศษต่อผู้หญิงของเขาเอง
แม้ว่าเธอจะทำผิดพลาด
“ปล่อยไปเถอะ”
โห้หลีเฉินพูดเบาๆ
“คุณผู้ชาย! แต่เธอทำร้ายคุณนะครับ!” เว่ยชีขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไม่ปล่อยไป
เย่ซือซือก็เหมือนนางจิ้งจอก ฉวยประโยชน์จากความอึมครึมไม่ชัดเจนจากคุณผู้ชาย
โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปาก น้ำเสียงที่ไม่แยแสของโห้หลีเฉินมีเจตนาฆ่าที่เยือกเย็นชัดเจน
“คนที่ทำร้ายฉัน คือเสิ่นเคอหาน”
“อะไรนะครับ?” เว่ยชีประหลาดใจ “แต่ว่าเขาถูกขังอยู่ในห้อง และไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการรักษา”
“เขาเป็นคนจัดยา”
นี่เป็นคำถาม แต่เขามองตรงไปที่ความสงบเยือกเย็นของเย่ซือซือ
เย่ซือซือยังคงถูกเว่ยชีบีบคอ มีเพียงลมหายใจออก แต่ไร้ลมหายใจเข้า ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย อาจะจะหยุดหายใจไปพบยมบาลได้ทุกเมื่อ
เธอแทบไม่กล้าลังเลอีกต่อไป ก่อนจะพูดว่า “ใช่ ใช่แล้ว เขาเป็นคนจัดยา ความชำนาญในการรักษาของฉันไม่เพียงพอ ไม่รู้ว่ายามีปัญหาหรือเปล่า ทุกคนก็ดูออกนี่… …”
“สมควรตาย”
เว่ยชีตะโกนเสียงดัง ก่อนจะโยนเย่ซือซือลงพื้นด้วยความรังเกียจ
สายตาที่เย็นเยียบของเขาแทงทะลุหมอทั้งสิบคนที่ยืนอยู่ด้วย ใบหน้าของพวกเขาก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันใด
อธิบายว่า “พวกเราก็ไม่รู้ครับว่ายามีปัญหา ยาเหล่านั้นดูปกติและถูกต้องครับ”
“เสิ่นเคอหานคือผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ ความสามารถเขาเป็นเลิศ จงใจเปลี่ยนยาเพื่อทำร้ายคน เรามองไม่ออกจริงๆครับ”
“พวกเราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้น พวกเราไม่เข้าใจจริงๆ”
…
หลายคนพูดพล่ามพยายามที่จะกำจัดความสัมพันธ์ของพวกเขา
แต่เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว เว่ยชีชัดเจนแจ่มแจ้ง
ยามีปัญหา แม้ว่าจะไม่ใช่มืออาชีพ แม้ว่าจะคลุมเครือมาก แต่ก็มีหมอเฉพาะทางที่เก่งกาจสองสามคนที่จะตระหนักถึงปัญหาเล็กน้อยนี่
แต่ พวกเขากลับไม่ปริปากพูดออกมา
พูดอีกอย่างก็คือ แม้จะเห็นปัญหา แต่ก็ตามน้ำไป
คนที่นี่ ไม่มีใครที่จริงใจต่อโห้หลีเฉิน
เว่ยชีอยากจะฆ่าพวกมันให้หมด
ตอนแรกไม่น่าให้พวกมันเข้ามาเลย
โห้หลีเฉินเหน็ดเหนื่อย ดวงตาเขาว่างเปล่า เขากวักมือก่อนพูด
“เว่ยชี จัดการเสิ่นเคอหานเถอะ”
เว่ยชีขมวดคิ้ว “คุณผู้ชาย แล้วคนอื่น… …”
ไม่ควรจะปล่อยไป
“ไปเถอะ” สีหน้าโห้หลีเฉินอ่อนแรง
เว่ยชีทำได้เพียงน้อมรับคำสั่ง
เมื่อเย่ซือซือคลายออกมาจากความหวาดกลัวที่หายใจไม่ออก เธอก็ตกใจขึ้นมาทันที
โห้หลีเฉินจะฆ่าเสิ่นเคอหาน?
เสิ่นเคอหานจะตายไม่ได้ เธอรับปากไว้แล้ว ว่าจะพาเขาออกไปจากที่นี่
เรื่องนี้มันกะทันหันเกินไป เธอเตรียมตั้งรับไม่ทัน
เย่ซือซือร้อนรนใจมาก เธอรีบไปที่เตียง ก่อนจะกุมมือของโห้หลีเฉินเอาไว้
“คุณโห้คะ เรื่องนี้มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่แน่อาจจะไม่ใช่ของอุบายของเสิ่นเคอหาน คุณให้ฉันไปตรวจสอบเรื่องนี้ก่อนแล้วค่อยพูดอีกทีได้ไหมคะ?”
โห้หลีเฉินมองไปที่เธอ ด้วยสายตาเย็นเฉียบ ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน
เขาดึงมือกลับ ก่อนพูดอย่างประชด
“ตรวจสอบ? ตรวจสอบว่าเธอมีส่วนร่วมมากแค่ไหน และจัดการเรื่องทั้งหมดใช่ไหม?”
เย่ซือซือตัวแข็งทื่อไปทั่วร่าง
ปรากฏว่าโห้หลีเฉินสงสัยเธอจริงๆ แม้จะมั่นใจมาก แต่เขาไม่ได้ทำอะไรกับเธอ
บางทีเพราะมิตรภาพในครั้งนี้ เลยปล่อยเธอไป… …
คำพูดของเขาเป็นคำเตือน หากเธออ่านสถานการณ์ออก และต้องการมีชีวิตต่อไป ก็ควรให้เสิ่นเคอหานแบกรับความผิดทั้งหมดนี้
“คุณโห้ ขอโทษค่ะ ฉันไม่ควรขอร้องคุณอย่างนี้”
เย่ซือซือร้องไห้ “แต่ได้โปรดดูความรู้สึกของฉันที่จะดูแลคุณในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ให้เวลาฉันสักวันได้ไหมคะ? อย่างไรฉันก็อยู่ด้วยกันกับเสิ่นเคอหานมาตลอดห้าปี ฉันอยากจะบอกลาเขา”
สีหน้าของโห้หลีเฉินเย็นชา “ไม่จำเป็น”
“ฉันขอร้องค่ะ”
เย่ซือซือสะอื้น วิงวอนขอร้อง “”ถ้าฉันเห็นเสิ่นเคอหานตายแบบนี้ ฉันคงไม่มีมโนธรรมในจิตใจ และไม่รู้จะอยู่ต่อไปอย่างไรตลอดชีวิตนี้”
ใบหน้าของโห้หลีเฉินเย็นชากว่าเดิม และอันตรายมากกว่าที่รู้ว่าเขาจะเป็นอัมพาตเสียอีก
เขาจ้องไปที่เย่ซือซือด้วยสายตาที่ลึกล้ำ มีความรู้สึกหนึ่งคืออยากจะเชือดเธอให้ตายเป็นชิ้นๆ