“เย้นหว่าน!”
โห้หลีเฉินขมวดคิ้วแน่น และเรียกเธอเสียงดัง
แต่เมื่อเธอได้ยินเช่นนั้น เธอก็เดินเร็วขึ้นราวกับพยายามหลบหลีกเขา
สีหน้าของโห้หลีเฉินดูแย่มากในทันที หัวใจของเขาก็เจ็บปวด และก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาในทันที
ถึงแม้ว่าสนามหญ้าจะไม่ใหญ่มาก แต่หลังจากเดินผ่านทางเดินไปแล้ว ก็ไม่มีเงาของเย้นหว่านอีกเลย
โห้หลีเฉินตามเธอไป ดังนั้นเขาจึงสามารถไปได้แค่ที่ห้องของแรบบิท
แรบบิทอยู่ในห้องกับฉินชิวหลานตลอดเวลา แต่เย้นหว่านก็ไม่เคยมาที่นี่
แรบบิทกะพริบตามองดูเขา เธอมองไปที่โห้หลีเฉินที่ดูร้อนรนด้วยความสงสัย “ปาปา เกิดอะไรขึ้น? ทะเลาะกับคุณแม่เหรอ?”
โห้หลีเฉินชะงักไป
ทะเลาะ?
เขาและเย้นหว่านก็ดีกันมาโดยตลอด แต่ท่าทีเมื่อครู่นี้ของเย้นหว่าน…
โห้หลีเฉินรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น หลังจากที่ได้ปลอบโยนแรบบิทไป เขาก็ออกไปหาป่ายฉี
ในเวลานี้ เย้นหว่านไม่ได้ไปแรบบิทจริงๆ แต่เธอกลับไปหาป่ายฉี
ป่ายฉีอยู่ข้างนอกสนามหญ้า เขานั่งยองๆ อยู่ริมสระน้ำเพื่อตกปลา
เมื่อเห็นเย้นหว่านมา เขายกถังที่ใส่ปลาไว้ข้างๆ ขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “ดูสิ ปลาที่ผมตกได้ คืนนี้จะให้คุณลิ้มรสของปลาสดดู”
เย้นหวานเม้มปาก นี่คือบ่อเลี้ยงปลาที่คนสร้างขึ้น ข้างในเต็มไปด้วยปลาอ้วน ถ้าเขาตกปลาไม่ได้ถึงจะเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ เขาดูได้ใจมากๆ เลย
ถ้าเป็นเวลาปกติ เย้นหว่านก็คงต่อปากต่อคำกับเขาไปแล้ว แต่ว่าในเวลานี้ตอนนี้ เธอไม่มีอารมณ์มาทำอะไรทั้งนั้น
เธอนั่งลงไม่ไกลจากป่ายฉีมากนัก เธอมองดูน้ำด้วยสายตาที่หนักอึ้ง
“ป่ายฉี ต้องใช้เวลาอีกกี่วันถึงจะหายจากการสะกดจิตของคุณ”
“จะใช้เวลาประมาณสี่หรือห้าวัน อาการของน้าเมย์ไม่ค่อยดี และการฟื้นตัวก็ช้ามาก”
ในขณะที่พูด ป่ายฉีจึงมองไปที่เย้นหว่าน “ขาของโห้หลีเฉินดีขึ้นแล้วใช่ไหม? ตอนนี้ถึงเวลาที่จะให้เขากลับไปรักษาตัวต่อในบ้านแห่งตระกูลเย้นแล้ว แต่นั่นเป็นเพราะฉัน…”
“มันก็เหมือนกันหมด ยังไงก็แค่การพักฟื้น ตราบใดที่คุณดูแลเขาอยู่แบบนี้ เขาจะไม่มีปัญหาอะไร”
ในขณะที่เย้นหว่านพูด น้ำเสียงเธอก็ฟังดูหดหู่มากขึ้นเรื่อยๆ
เธอมองดูน้ำอย่างเหม่อลอย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “คุณต้องดูแลเขาให้ดี แล้วถ้าแม่เขากลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม”
“มันแน่นอนอยู่แล้ว…”
ป่ายฉีพูดโดยไม่ลังเล เขายังไม่ทันได้พูดจบ เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เขาหันไปมองเย้นหว่าน “ทำไมจู่ๆ ถึงพูดแบบนี้ล่ะ? รู้สึกเหมือนคุณกำลังจะปล่อยมือเลย”
เย้นหว่านชะงักไป เหมือนกับหัวใจของเธอเจ็บปวด
เธอเม้มปากและส่ายหัว “คุณตกปลาต่อไปเถอะ ฉันจะกลับไปหาแรบบิท”
เย้นหว่านลุกขึ้นและจากไป
แผ่นหลังของเธอดูเศร้าสลดและตึงเครียด
ป่ายฉีขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาของเขาดูลึกซึ้ง บางทีอาจจะเป็นเพราะเธออาจจะได้รับผลกระทบจากการสะกดจิต ท่าทีของเขาที่มีต่อเย้นหว่านจึงดูอ่อนไหวมาก และเขาก็สัมผัสได้ถึงอารมณ์หดหู่ของเธอ
เธอต้องมีเรื่องอะไรในใจแน่ๆ
แต่ทุกอย่างกำลังดีขึ้น แล้วจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้เย้นหว่านรู้สึกอารมณ์ไม่ดีเหรอ?
ป่ายฉีรู้สึกงงงวย และเขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะตกปลาต่อแล้ว
เย้นหว่านกลับไปที่สนามหญ้า และเธอก็เห็นโห้หลีเฉินอยู่บนรถเข็นในสนาม ดูเหมือนเขากำลังรีบร้อนที่จะออกมา
เมื่อเห็นเธอ เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขารีบเลื่อนตัวเองไปอยู่ตรงหน้าเธอด้วยความรีบร้อน เขากำลังจะจับมือเล็กๆ ของเธอ
“คุณไปไหนมา? ผมตามหาคุณจนทั่วเลย”
เย้นหว่านดึงมือของเธอกลับในทันที ก่อนที่เธอจะหลบตัวออก
มือของโห้หลีเฉินค้างอยู่ในกลางอากาศ เขาตกใจเล็กน้อย
สายตาของเย้นหว่านจ้องมาที่เขา ซึ่งทำให้รู้สึกว่าหัวใจนั้นถูกเข็มทิ่มแทง และเลือดก็ไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด
เธอยกยิ้มมุมปาก ก่อนที่เธอจะพูดคำพูดที่เจ็บปวดที่สุดออกมา
“โห้หลีเฉิน ฉันก็เป็นคนรักความสะอาดเหมือนกัน”
“อะไร?”
โห้หลีเฉินมองไปที่เธอด้วยความประหลาดใจ “เย้นหว่าน คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร? เกิดอะไรขึ้นกับคุณ? ทำไมวันนี้คุณอารมณ์ไม่ค่อยจะดี”
เมื่อเห็นความประหม่า และการจ้องมองจากเขา เย้นหว่านก็รู้สึกว่าหัวใจของเธอกำลังจะแตกสลาย
เธอก็ยังคงอาลัยอาวรณ์เขาอยู่เหมือนเดิม
แต่เธอก็เป็นคนรักความสะอาดเหมือนกัน ถ้าในใจของเขาไม่ได้มีเธออยู่เพียงคนเดียว ไม่ว่าจะมากน้อยแค่ไหน แต่ใจของเขาก็เปลี่ยนไปแล้ว แล้วเธอจะอยู่ที่นี่ต่อเพื่ออะไรกัน?
เมื่อความรู้สึกมันเปลี่ยนไปแล้ว ก็หยุดมันอยู่แค่ตรงนี้จะดีเสียกว่า อย่างน้อยก็ยังเคยมีความทรงจำที่ดีๆ ต่อกัน
น้ำตาเธอคลอเบ้า เย้นหว่านพยายามไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา
มันเป็นเรื่องยากมากสำหรับเธอมาก เธอได้พูดคำพูดที่เธอรู้สึกเจ็บปวดมากที่สุดในชีวิตออกมา
“โห้หลีเฉิน เรา…เลิกกันเถอะ”
โห้หลีเฉินตัวแข็งทื่อในทันที มันเหมือนกับว่ามีฟ้าผ่าใส่เขา เขามองไปที่เย้นหว่านด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร เขาก็คิดไม่ออกว่าทำไมเธอถึงพูดคำพูดนี้กับเขา
“เย้นหว่าน”
ร่างกายของเขาตึงเครียด สายตาของเขาจับจ้องไปที่เธอ “คุณกำลังล้อเล่นใช่ไหม?”
สายตาที่เร่งรัดของเขามันทำให้เธอไม่สามารถมองเขาได้ เพราะเธอจะคิดจริงๆ ว่าเขานั้นอาลัยอาวรณ์เธอมากแค่ไหน
แต่ทุกอย่างก็ไร้ความหมายแล้ว
เย้นหว่านกัดฟันแน่นด้วยความยากลำบากและความทรมาน ก่อนที่เธอจะค่อยๆ พูดออกมา
“เลิกกันเถอะ”
เธอพูดออกมาทีละคำ น้ำเสียงของเธอนั้นชัดเจนเป็นอย่างดี
เธอมีความมุ่งมั่นมาก
เธอไม่แม้แต่จะมองเขาเลย เธอเดินตรงผ่านเขาไป
ในตอนนั้น เหมือนกับว่าโลกทั้งโลกมืดมนไปเสียหมด
ในนาทีสุดท้าย โห้หลีเฉินได้ยื่นมือที่หนักอึ้งของเขาออกไป และคว้าข้อมือของเธอไว้
เย้นหว่านถูกบังคับให้หยุดลง
เธอยืนตัวตรงโดยไม่หันกลับไป
โห้หลีเฉินจับข้อมือของเธอแน่นมาก
น้ำเสียงของเขาก็ดูทุ้มลึกมาก ราวกับว่าเขาพยายามจะยับยั้งอะไรบางอย่างอยู่ “เย้นหว่าน คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? เราอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ อย่างน้อยคุณก็ควรให้โอกาสผมในการอธิบาย”
ร่างกายของเย้นหว่านแข็งทื่อไปหมด
โอกาสในการอธิบาย?
ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยคิดที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งนี้ แต่เธอเองก็รู้ดีว่า เรื่องที่เห็นเองกับตา คนที่รักความสะอาดอย่างโห้หลีเฉินให้แองเจล่าจับมือ และพบกันในช่วงเวลากลางดึก สิ่งนี้ไม่ว่าจะใช้เหตุผลอะไรก็ไม่สามารถอธิบายให้ชัดเจนได้
เธอไม่ต้องการเผชิญหน้ากับสิ่งนี้ แล้วเธอก็ไม่ต้องการให้ความรู้สึกของทั้งสองคน แตกหักจนไม่เหลือชิ้นดี
เธอยังคงอยากจะไว้หน้าตัวเธอเองและเขาอยู่
“โห้หลีเฉิน เรื่องพวกนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะออกมาพูด มันน่าอายเกินไป เอาแบบนี้แล้วกัน จบกันด้วยดีเถอะ ฉันเคยคบกับคุณมาก่อน ซึ่งช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ดีงามที่สุดของฉัน ฉันจะจดจำมันไปตลอดชีวิต”
มือของโห้หลีเฉินกระชับขึ้น
เขารับรู้ได้เป็นอย่างดี ว่าเย้นหว่านมีความมุ่งมั่นและแน่ใจแล้วที่จะเลิกกับเขา
มันก็เหมือนกับทรายดูด ยิ่งกำไว้แน่นแค่ไหนก็ยิ่งจับไว้ไม่ได้
ความรู้สึกแบบนี้เกือบจะทำให้เขาแทบคลั่ง หัวใจของโห้หลีเฉินเป็นเหมือนฟองน้ำ ซึ่งไม่เคยได้รับความเจ็บปวดมาก่อน สิ่งนี้มันทำให้เขาหายใจได้ลำบากมาก
เขากัดฟัน ” ระหว่างพวกเราไม่มีทางจบกันได้ด้วยดีแน่นอน ผมจะไม่มีทางเลิกกับคุณไปตลอดชีวิต”
ความเอาแต่ใจที่แข็งแกร่ง
หัวใจของเย้นหว่านว่างเปล่า เธออยากจะยิ้มออกมาด้วยความสิ้นหวัง “โห้หลีเฉิน ถ้าคุณไม่เลิกกับฉัน แล้วแองเจล่าคืออะไร?”
โห้หลีเฉินแข็งทื่อไปทั้งตัวในทันที
น้ำเสียงของเย้นหว่านทุ้มต่ำมาก แต่ก็มีความสงบมากเช่นกัน
“ในความรักของฉัน ฉันจะไม่อนุญาตให้มีคนอื่นอยู่ด้วย ถ้าเกิดว่ามี ฉันก็จะไม่เอาความรักนั้นแล้ว”
“มันไม่ได้เป็นแบบที่คุณคิด!”
โห้หลีเฉินจ้องไปที่เธอด้วยความหงุดหงิด “แองเจล่ากับผมแค่…”
เมื่อพูดได้ครึ่งหนึ่ง โห้หลีเฉินก็เห็นแองเจล่ายืนอยู่ตรงทางเดินไม่ไกล เธอจ้องมองพวกเขาด้วยดวงตาที่แผดเผา
สนามหญ้ามีขนาดเล็ก สิ่งที่พวกเขาพูดคุยกัน เธอสามารถได้ยินทั้งหมด