โห้หลีเฉินยืนอย่างโดดเดี่ยวอยู่ตรงนั้น สายฝนที่หนาวเย็นกำลังกระแทกลงบนตัวเขา ลมหนาวก็พัดใส่อย่างไม่ยั้ง
จู่ๆ ก็รู้สึกหนาวขึ้นมา
เย้นหว่านกลับเข้าไปอย่างโมโหแล้ว
พอเห็นพวกกงจืออวีที่กำลังยิ้มอย่างแม่พระ เธอก็เข้าใจยิ่งกว่าเดิม ว่าพวกเขารู้เรื่องที่โห้หลีเฉินกลับมาตั้งนานแล้ว แต่กลับไม่ยอมบอกเธอ
แล้วยังไปช่วยโห้หลีเฉินเล่นละครอีก
เย้นหว่านทั้งโกรธทั้งอาย จึงตัดสินใจไม่สนใครทั้งนั้น เดินผ่านพวกเขาแล้วกลับไปที่ห้อง
เย้นหว่านกลับห้องด้วยร่างกายที่เปียกชุ่ม ตอนที่กำลังจะปิดประตูนั้นเอง ก็มีมือข้างหนึ่งมายันประตูเพื่อขวางเธอเอาไว้
โห้หลีเฉินนั่งอยู่บนรถเข็นที่อยู่ตรงหน้าประตู สีหน้าซีดเซียว แต่กลับแสดงรอยยิ้มที่น่าหลงใหลออกมา
“ที่รักครับ……”
เย้นหว่านถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง “คุณมาที่นี่ทำไม? นี่มันเป็นห้องของฉัน ไม่มีชุดอาบน้ำของคุณ เชิญไปอาบน้ำที่ห้องรับแขกเลย”
“ผมเอามาเองครับ”
โห้หลีเฉินพูดออกมา ด้านหลังของเขา เว่ยชีที่ยืนอยู่ไม่ไกลรีบเข็นกระเป๋าเดินทางสีดำใบหนึ่งเข้ามา เย้นหว่านหมดคำจะพูดทันที เธอยังคงดันประตู ไม่ยอมเปิด
“งั้นก็ไปที่ห้องรับแขกสิคะ”
“ที่คุณยังไม่ยอมให้ผมเข้าห้อง เป็นเพราะยังไม่ยอมยกโทษให้ผมใช่มั้ยครับ?” โห้หลีเฉินสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา เย็นชาเป็นอย่างมาก “ถ้าไม่ได้การอภัยจากคุณ ผมก็ไม่มีอารมณ์ที่จะอาบน้ำ ผมจะรอคุณอยู่ที่หน้าประตู……ฮัดชิ่ว!”
พูดๆ ไป เขาก็จามออกมาทีหนึ่ง บนเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มนั่น เหมือนจะปกคลุมไปด้วยความหนาวเย็น
หัวใจของเย้นหว่านได้อ่อนลงทันที
ถึงแม้อาการจะไม่ได้หนาวมาก แต่ถ้ายังปล่อยให้ตัวเปียกต่อไปแบบนี้ เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอาได้
ส่วนโห้หลีเฉินนั้นตัดสินใจแล้วว่าจะตื้อให้ถึงที่สุด จะไม่ยอมไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องรับแขกง่ายๆ แน่นอน
“โห้หลีเฉิน คุณนี่มันหน้าด้านขึ้นไปทุกทีแล้วนะคะ รีบไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลย”
เย้นหว่านเดินออกจากห้อง แล้วลากกระเป๋าของเขาเข้าห้องไป
เว่ยชีที่รู้งานเป็นอย่างดี จึงรีบเข็นรถเข็นของโห้หลีเฉินเข้าห้องไปทันที จากนั้นก็ออกจากห้องอย่างรวดเร็ว พร้อมกับปิดประตูลง
ภายในห้องเหลือแค่พวกเขาทั้งสองแล้ว
เย้นหว่านรับรู้ได้ถึงสายตาที่ร้อนแรงจากทางด้านหลัง หัวใจเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะ เธอหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยายามมองข้ามมันไป
เธอเปิดกระเป๋าออก แล้วรื้อผ้าขนหนูกับชุดอาบน้ำของเขาออกมา
เธอไม่ได้สนใจ จึงเดินเข้าห้องอาบน้ำไป แล้วแขวนไว้บนราว
พร้อมกับเปิดน้ำอุ่นลงไปในอ่างอาบน้ำ
เสร็จแล้วเธอก็เตรียมที่จะเดินออกไปข้างนอก แต่พอหันหลัง ก็เห็นโห้หลีเฉินที่นั่งอยู่บนรถเข็นมาขวางอยู่ตรงประตูอย่างไม่คาดคิด
เธอแสร้งทำหน้าเย็นชา “เติมน้ำให้แล้ว คุณอาบได้เลยค่ะ”
เธอตั้งใจจะออกไป
แต่โห้หลีเฉินกลับไม่ยอม เขาค่อยๆ บังคับรถเข็นเข้ามาตรงหน้าเธอ จับไปที่มือเล็กๆ อันเย็นเฉียบของเธอ
“มาอาบพร้อมกันนะครับ”
ใบหน้าของเย้นหว่านแดงก่ำขึ้นมาทันที แล้วถลึงตาใส่เขาด้วยความรู้สึกที่ทั้งโกรธทั้งเขิน “อย่าได้หวัง”
เธอผลักเขาออกแล้วจะเดินจากไป แต่โห้หลีเฉินกลับอุ้มเธอขึ้นมาทันที รถเข็นเลื่อนไปข้างหน้า เสียง “จุ๋ม” ดังขึ้น เขาโยนเธอลงไปในอ่างอาบน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำอุ่น
ความอุ่นได้แล่นเข้ามาจากทั่วสารทิศ จนทำให้ความหนาวในตัวเธอหายไปจนหมดสิ้น
เย้นหว่านกลับโกรธและอายมาก “นี่คุณทำอะไรคะเนี่ย?”
“ในเมื่อคุณไม่อยากอาบพร้อมกับผม ผมก็จะดูแลการอาบน้ำให้คุณเอง”
โห้หลีเฉินพูดออกมาอย่างมีเหตุมีผล แล้วยื่นมือไปอย่างเป็นจริงเป็นจัง หวังที่จะถอดเสื้อผ้าให้เธอ
เย้นหว่านสะดุ้งไปทั้งตัว จากนั้นก็รีบถอยหลังออกไป
เธอที่เป็นคนมีแขนมีขาอย่างสมบูรณ์ ยังต้องให้คนที่นั่งอยู่บนรถเข็นมาอาบน้ำให้อีกเหรอ? นี่มันใช่เรื่องมั้ยเนี่ย!
ถึงแม้เรื่องเข้าใจผิดจะถูกคลี่คลายแล้ว แต่เรื่องที่เขาปิดบังเธอมันยังไม่จบ ระหว่างเขากับเธอยังไม่ใกล้ชิดกันจนถึงขั้นเปิดใจได้ทุกอย่างเลยนะ
เย้นหว่านปฏิเสธไปอย่างจริงจัง “ฉันไม่ต้องให้คุณมาดูแล”
มือของโห้หลีเฉินแข็งแกร่งอยู่กลางอากาศ ผ่านไปพักใหญ่ ถึงยอมเก็บมันกลับไปอย่างผิดหวัง
เขาพูดออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า “ครับ งั้นคุณก็ค่อยๆ อาบ ผมจะไปรอคุณอยู่ด้านนอกนะครับ……ฮัดชิ่ว!”
พูดไป เขาก็จามออกมาอย่างแรงอีกครั้ง ราวกับเป็นหวัดไปแล้ว
สีหน้าของเขาก็ซีดจนน่ากลัว
แต่เขากลับยังพยายามรักษารอยยิ้มเอาไว้ ไม่ได้แสดงความอ่อนแอใดๆ ออกมา กำลังบังคับรถเข็นออกไป
ภายในห้องน้ำได้เปิดไฟวอร์มไลท์เอาไว้ ในนี้จึงค่อนข้างอุ่น ข้างนอกต่างหากที่หนาวจริงๆ
การที่โห้หลีเฉินออกไปทั้งอย่างนี้ เสื้อผ้าบนตัวก็ยังเปียกอยู่ ถ้ารอจนเธออาบน้ำเสร็จ เขาต้องเป็นหวัดอย่างหนักแน่นอน
พอคิดได้แบบนั้น ร่างกายของเย้นหว่านก็เคลื่อนไหวไปเร็วกว่าความคิด แล้วดึงที่จับรถเข็นของโห้หลีเฉินเอาไว้
โห้หลีเฉินมองเธอด้วยความสงสัย “มีอะไรเหรอครับ?”
เย้นหว่านนั้นรู้สึกหงุดหงิดมาก แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะความใจอ่อนได้ แล้วเปล่งเสียงออกจากซอกฟันเบาๆ
“อาบ……พร้อมกัน……เถอะ”
เสียงพูดของเธอเบามาก เบาจนแม้แต่เธอก็ยังได้ยินไม่ชัด แต่โห้หลีเฉินกลับตอบกลับมาอย่างรวดเร็วทันใจว่า
“ครับ”
เขาเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว ใช้มือยันรถเข็นเพียงข้างเดียวก็สามารถลุกขึ้นได้แล้ว จากนั้นก็นั่งลงที่ขอบอ่าง แล้วใช้มือยกขาเข้าไป จากนั้นก็นั่งเข้าไปในอ่างอาบน้ำ
การกระทำทุกอย่างนั้นดูไหลลื่นมาก ทำเสร็จได้อย่างรวดเร็ว ทำสำเร็จได้อย่างสวยงาม
แบบไม่ต้องให้ใครช่วยเลยก็ยังได้
เย้นหว่านมองเขาด้วยความอึ้ง บนหัวมีคำว่าเชี่ยลอยอยู่เป็นหมื่นตัว
โห้หลีเฉินยื่นมือออกไป จากนั้นก็ดึงเย้นหว่านเข้ามาในอ้อมกอด แถมยังพูดออกมาอย่างพึงพอใจว่า
“น้ำมันก็ยังเย็นเกินไปหน่อย ร่างกายของคุณมันอุ่นกว่าครับ”
เย้นหว่าน “……”
ถ้ามือของเขาไม่เลื่อนสูงขึ้นมาละก็ เธอก็คงเชื่อไปแล้วว่าน้ำมันอุ่นไม่พอจริงๆ
—-
หลังจากการอาบน้ำที่ชุลมุนวุ่นวายสิ้นสุดลง
ยังดีที่ถึงแม้ร่างกายของโห้หลีเฉินจะยังไม่หายดีทั้งหมด แต่สมรรถภาพทางร่างกายยังถือว่าดีอยู่ เขาจึงไม่ได้เป็นหวัด
หลังจากผ่านการเล้าโลมซุกไซร้กันไปมาสักพักแล้ว ไฟโทสะที่อยู่ในใจของเย้นหว่านก็ได้มอดจนแทบจะไม่เหลือแล้ว
เธอขลุกอยู่ในอ้อมอกของโห้หลีเฉิน ดื่มด่ำกับความอุ่นจากอ้อมกอดของเขา สภาพจิตใจก็สงบที่สุดในช่วงที่ผ่านมาเลย
เธอไม่คิดมาก่อนว่าพอเรื่องกลับตาลปัตร เธอยังสามารถมีความสุขได้ขนาดนี้
โห้หลีเฉินกอดเธอไว้แน่นๆ ใช้คางวางไว้บนผมของเธอ พร้อมกับใช้ริมฝีปากจูบไปที่ผมของเธออีกหลายครั้ง
เขาพูดออกมาอย่างลึกซึ้งว่า “ทำไมคุณถึงคิดว่าหัวใจของผมเปลี่ยนไปเหรอครับ?”
พวกเขาทั้งคู่ได้ผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะมาก ผ่านความเป็นความตาย และได้สลักอีกฝ่ายไว้ในกระดูกไปนานแล้ว ความรักครั้งนี้มันสำคัญยิ่งกว่าชีวิตไปแล้ว
ถึงแม้จะมีบุคคลที่สามปรากฏตัวขึ้นจริง แต่เขาก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเย้นหว่านจะเชื่อได้ง่ายขนาดนั้น
แถมยังเจ็บขนาดนั้น จนวิ่งหนีไป
พอพูดถึงเรื่องนี้ ความรู้สึกในใจของเย้นหว่านก็แย่ไปอีกครั้ง
เธอจับมือของโห้หลีเฉินไว้แน่นอย่างไม่รู้ตัว เหนือนกับทำแบบนี้ถึงสามารถมั่นใจว่าเขาอยู่ตรงนี้จริงๆ
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นความจริง
“สองปีที่ไม่ได้เจอกัน ฉัน……ไม่มีความมั่นใจถึงขนาดนั้นแล้ว”
หรือจะบอกว่า เธอไม่เคยเชื่อใจโห้หลีเฉินมากขนาดนั้นมาตั้งแต่แรกแล้ว
ในสายตาของเธอ ยังไงเขาก็ยังเป็นผู้ชายที่หล่อเหลา เป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ เป็นผู้ชายที่อยู่เพียบพร้อม เป็นเทพบุตรที่ห้ามไขว่คว้า
แต่เขาที่เป็นแบบนั้นกลับมาชอบเธอซะได้
ถึงแม้จนถึงตอนนี้ เธอก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นผลบุญที่เธอทำไว้ตั้งแต่ชาติที่แล้ว ที่ผู้หญิงที่แสนธรรมดาอย่างเธอจะได้รับความรักจากเขา
และยิ่งเป็นแบบนั้น เธอก็ยิ่งไม่มีความมั่นใจเข้าไปใหญ่
พอมาเผชิญหน้ากับความผิดพลาดเล็กน้อยที่ไม่ได้ตั้งใจของโห้หลีเฉิน มันยิ่งทำให้ความรู้สึกดูแคลนตัวเองที่มีอยู่ปะทุออกมา แม้แต่จะซักถามเขาเธอยังไม่กล้าเลย
เหมือนกับพายุที่หล่นมาจากบนฟ้า ถึงได้มาครอบครอง แต่จู่ๆ วันหนึ่งก็มีเจ้าของมาเอามันกลับไปจนได้
เดิมทีก็ไม่ได้กำแน่นอยู่ในมือแล้ว การที่จะโดนเอาไปมันก็เป็นเรื่องธรรมดา