สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน – ตอนที่ 1167 ผมจำไว้แล้วนะครับ คำสาบานของคุณ

โห้หลีเฉินสายตาลึกซึ้ง แล้วจับมือของเธอแน่นขึ้นไปอีก

“ในตอนนี้ ผมไม่มีสิทธิ์หรืออำนาจอะไรเลย แถมยังต้องนั่งอยู่บนรถเข็น ผมต่างหากล่ะที่ควรกังวลว่าคุณจะรังเกียจผม”

รังเกียจเขาอย่างนั้นเหรอ?

ผู้ชายที่ขนาดนั่งอยู่บนรถเข็น ยังสามารถหลอกลวงความรู้สึกของคนอื่นได้

เย้นหว่านส่งสายตาดูถูกให้เขา แต่ความรู้สึกที่ไม่เชื่อใจกลับกลายเป็นเรื่องตลกไปทันที

ผู้ชายคนนี้ เพื่อเธอแล้วเขาถึงกับสามารถทำลายมนต์สะกดได้ ถึงแม้เธอจะไม่ค่อยเชื่อใจเขา แต่เขากลับสามารถมอบความมั่นใจให้กับเธอได้อย่างมากพอ

เขา คือสามีของเธออย่างสมเหตุสมผล

“โห้หลีเฉิน”

เย้นหว่านจับมือเขาไว้ สายตาจ้องตรงไปที่เขา “จะไม่มีครั้งต่อไปแล้วล่ะ”

เธอจะไม่วิ่งหนีง่ายๆ อีกแล้ว จะไม่ยอมยกเขาให้ใครอีก และยิ่งไม่ยอมเชื่อง่ายๆ ว่าหัวใจของเขาได้เปลี่ยนไป

แววตาของโห้หลีเฉินนั้นแสนอ่อนโยน

“ผมจำไว้แล้วนะครับ คำสาบานของคุณ”

……

ทั้งสองหวานแหววกันอยู่นาน ถึงยอมแยกออกจากความรู้สึกที่ลึกซึ้งขึ้นมาได้

ตอนได้เวลากินข้าว โห้หลีเฉินก็อยากเห็นหน้าลูกชายของเขา โห้หยูเซิง

ตั้งแต่ที่เขาเกิดมา เขายังไม่เคยมีโอกาสได้ทำหน้าที่ของพ่อให้กับลูกชายเลย

และไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าเด็กคนนี้มีหน้าตาเป็นยังไง

แต่ตอนที่ทั้งคู่ไปที่ห้องอาหาร พวกกงจืออวีต่างก็มาถึงแล้ว แต่กลับไม่มีร่องรอยของโห้หยูเซิงเลย แม้แต่แรบบิทก็ไม่อยู่

กงจืออวีนั้นสายตาเป็นประกายและเข้าใจที่สุด จึงรีบอธิบายไปว่า

“หยูซิงนั้นไม่เคยออกมากินข้าวข้างนอกเลย พี่เลี้ยงจะเป็นคนส่งอาหารของเขาไปให้ที่ห้อง แรบบิทก็เล่นกับเขาอย่างสนุก จึงกินข้าวกับเขาที่ห้องด้วย”

พอได้ยินอย่างนั้น โห้หลีเฉินก็ขมวดคิ้วเบาๆ

เขาเคยได้ยินเย้นหว่านพูดถึงอาการเก็บตัวของโห้หยูเซิงมานานแล้ว ไม่นึกเลยว่า เขาจะเก็บตัวจนถึงขั้นกินข้าวยังไม่ยอมออกจากห้อง

แบบนี้มันไม่ส่งผลดีกับการเจริญเติบโตและสภาพจิตใจของเขาเลย

โห้หลีเฉินไม่มีกะจิตกะใจที่จะใช้ตะเกียบ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “ผมขอไปหาพวกเขาหน่อยนะครับ”

กงจืออวีก็ไม่ได้แปลกใจอะไร และได้พยักหน้าไปอย่าอ่อนโยน “ไปเถอะ ให้เย้นหว่านพาเธอไป เดี๋ยวฉันจะให้พี่เลี้ยงเตรียมอาหารแล้วเอาขึ้นไปให้ พวกเธอจะได้กินข้าวไปพร้อมกับเด็กสองคนนั้นเลย”

โห้หลีเฉินเม้มปาก ไม่พูดอะไร จากนั้นก็บังคับรถเข็นออกจากห้องอาหารไป

เย้นหว่านก็รีบตามไปข้างๆ

หลังอยู่ด้วยกันมานาน เธอก็ถือว่ารู้จักโห้หลีเฉินได้ระดับหนึ่งแล้ว จากการแสดงออกของเขาก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้เขานั้นกำลังเก็บกดแค่ไหน

อาจเป็นเพราะเป็นห่วงโห้หยูเซิงอยู่

“อาการเก็บตัวของลูกมันสามารถรักษาให้หายได้ มันต้องค่อยๆ ใช้เวลา ตอนนี้เราต่างกลับมาแล้ว เราก็สามารถใช้เวลาอยู่กับหยูซิงมากขึ้น เดี๋ยวเขาก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเอง”

เย้นหว่านพูดออกมาเบาๆ มันเป็นการให้กำลังใจ และเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักของความเป็นแม่

ถึงเธอจะอยู่กับโห้หยูเซิงมาโดยตลอด แต่เธอก็ไม่ต่างอะไรกับโห้หลีเฉินเลย เธอเองก็ติดค้างเด็กคนนี้ไว้มากเหมือนกัน

โห้หลีเฉินไม่ได้พูดอะไร รถเข็นได้เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้าๆ

แววตาของเขาเคร่งขรึมอย่างถึงที่สุด มองตรงไปข้างหน้า ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

หลังผ่านไปพักใหญ่ หลังอ้อมโถงทางเดินมาหลายครั้ง ทั้งสองถึงมาถึงหน้าห้องของโห้หยูเซิง

พอเปิดประตูออกนิดหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงของแรบบิทที่เหมือนนกกระจอกดังมาจากด้านใน

“พี่คะ ทำไมพี่ถึงไม่กินแครอทหล่ะคะ?”

คำตอบที่ได้มาคือ ความเงียบที่ไม่มีการตอบสนองใดๆ

จากนั้นไม่นาน เสียงของแรบบิทก็ดังขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

“ปาปาเรียกหนูว่าแรบบิท มันก็หมายถึงกระต่ายน้อยที่น่ารัก ดังนั้นหนูจึงชอบกินแครอท พี่ลองชิมดูสิคะ หนูแบ่งของที่ชอบกินที่สุดให้พี่เลยนะ”

ระหว่างที่ประตูเปิดออก เย้นหว่านก็เห็นตรงโต๊ะอาหารเล็กได้มีแรบบิทกับโห้หยูเซิงนั่งอยู่ตรงข้ามกัน

แรบบิทกำลังใช้ส้อมจิ้มแครอทชิ้นใหญ่ไปไว้ในถ้วยของโห้หยูเซิง

พอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เส้นเลือดตรงขมับของเย้นหว่านก็เต้นขึ้นมาทันที

โห้หยูเซิงนั้นไม่ใช่แค่เก็บตัว แต่ยังได้รับกรรมพันธุ์การกลัวความสกปรกจากพ่อเขาอีก แถมยังร้ายแรงยิ่งกว่าโห้หลีเฉินด้วย

ไม่ว่าอะไรที่คนอื่นเคยแตะต้อง ไม่ว่าจะสกปรกหรือไม่ เขาก็ไม่มีทางกินต่อ และการกระทำของแรบบิทอย่างการเอาของในถ้วยของตัวเองไปใส่ในถ้วยของเขา แม้แต่อาหารในถ้วยของตัวเองเขาก็ยังเลือกที่จะไม่กินเลย

ตอนที่โห้หยูเซิงอายุหนึ่งขวบนั้นเขาก็เป็นแบบนี้แล้ว ต่อให้เย้นหว่านที่เป็นแม่ของเขาก็ยังไม่ไว้หน้า

จนอาหารมื้อนั้นก็เลิกกินไปเลย

ตอนนี้……

เย้นหว่านรู้สึกปวดหัว อาหารมื้อนี้เด็กคนนี้คงไม่กินอีกแล้ว!

เขายังเด็กขนาดนั้น ร่างกายก็ไม่แข็งแรง ต้องกินเยอะๆ ถึงจะโตได้

ในตอนที่เย้นหว่านกำลังรู้สึกอึดอัดไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี เธอกลับได้เห็นสิ่งที่ไม่คาดคิดอย่างมาก นั่นก็คือโห้หยูเซิงได้ใช้ส้อมจิ้มแครอทชิ้นนั้นขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาสีดำๆ ของเขาจ้องมองไปยังแครอทชิ้นนั้นด้วยความซับซ้อน

หลังผ่านไปพักใหญ่ เขาก็ได้ถามออกมาว่า “ปาปาเหรอ?”

“ใช่ค่ะ ก็ปาปานะสิ” แรบบิทพูดขึ้น แล้วดวงตาก็เปล่งประกายระยิบระยับ “และเป็นปาปาของพี่ด้วยนะคะ เขาทั้งสูงทั้งหล่อ แถมยังอบอุ่นมากด้วย”

สายตาที่โห้หยูเซิงจ้องไปยังแครอทดูซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม

เป็นปาปาของเขาด้วย?

เขารู้ว่ามีคนคนนี้อยู่ แต่ก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน……

“เอ๋ ปาปา แม่คะ? ในที่สุดก็มาแล้ว”

แรบบิทเพิ่งสังเกตเห็นเย้นหว่านกับโห้หลีเฉินที่ยืนอยู่ที่ประตู จึงได้ยิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว

เธอยังดันๆ โห้หยูเซิง เพื่อส่งสัญญาณให้เขา “ปาปามาแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่พี่ได้เจอปาปาใช่มั้ย? เขาหล่อมากเลยใช่มั้ย พี่ดีใจรึเปล่าคะ?”

โห้หยูเซิงเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาไข่มุกสีดำจ้องมองโห้หลีเฉินด้วยความอึ้ง

โห้หลีเฉินก็มองเขาเหมือนกัน

สายตาทั้งคู่ประสานกัน

ความตื่นเต้นบนหน้าของโห้หลีเฉินนั้นยากที่จะปิดบังได้ นี่คือลูกชายของเขา จนผ่านมานานขนาดนี้ ถึงได้เจอกันครั้งแรก

โตถึงขนาดนี้แล้ว

หน้าตาแบบนี้ เทียบกับรูปถ่ายตอนเด็กของเขาก็เหมือนอยู่ประมาณหกสิบเปอร์เซ็นต์

ความรู้สึกคุ้นเคยได้หลั่งไหลเข้ามา โห้หลีเฉินยากที่จะเจอใครครั้งแรกแล้วอยากเข้าไปอุ้ม เข้าไปใกล้

เด็กน้องจ้องมองมาที่โห้หลีเฉินเป็นเวลาสามวิเต็มๆ จากนั้น สีหน้าก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แล้วดึงสายตากลับด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย

ทำเหมือนกับว่าคนที่เพิ่งเจอเมื่อกี้ ไม่ได้ต่างกับคนที่ได้เจอทุกวันเลย

แต่เขากลับจ้องมองไปยังแครอทที่อยู่บนส้อม จากนั้นก็โยนมันลงไปในถ้วยพร้อมกับส้อมที่อยู่ในมือ

เขาลุกขึ้นแล้วเข้าตรงเข้าไปในห้อง

แผ่นหลังเล็กๆ ดูแล้วช่างเย็นชาเหลือเกิน ถ้าจะพูดให้ถูกกว่านั้นก็คือ ไม่ได้สนใจเลยสักนิด

พี่เลี้ยงที่คอยดูแลเด็กสองคนนี้กินข้าวนั้นได้ชินไปนานแล้ว และรีบพูดขึ้นมาว่า

“คุณโห้คะ คุณไม่ต้องคิดมากนะคะ คุณชายน้อยมีอาการเกลียดความสกปรกนิดหน่อย อะไรที่คนอื่นเคยแตะต้องเขาก็จะไม่กินค่ะ นี่เขาคงกลับไปประกอบตัวต่อในห้องแล้วค่ะ”

เย้นหว่านที่เห็นแผ่นหลังเล็กๆ ของโห้หยูเซิงเข้าห้องไป ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

เมื่อกี้ตอนที่เห็นโห้หยูเซิงเสียบแครอทขึ้นมา เธอก็คิดว่าเป็นเพราะความใกล้ชิดกับแรบบิท จึงไม่รังเกียจที่จะกินมัน แต่มันกลับไม่ใช่อย่างนั้นเลย

นิสัยของเด็กคนนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเพราะการมาถึงของแรบบิทกับพ่อหรอกและตอนที่ได้เจอโห้หลีเฉินก็ทำตัวไม่ได้แตกต่างจากคนอื่นๆ เลย

ไม่สิ เหมือนจะเย็นชามากกว่าเดิมนิดหน่อย

เย้นหว่านรู้สึกหนักใจ จึงดึงแขนของโห้หลีเฉินแล้วให้กำลังใจเขาไปว่า

“เขาค่อนข้างเก็บตัว คุ้นเคยกับเขาให้มากๆ เดี๋ยวก็ใกล้ชิดขึ้นเองค่ะ”

โห้หลีเฉินพยักหน้า

ความจริงนิสัยของเด็กคนนี้ มันเหมือนกับเขาในตอน….

สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน

สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน

“คุณผู้หญิง ผมจะไม่แต่งงานกับคุณ” นี้คือประโยคแรกที่เขาพูดกับเธอ เธอรู้ชัดเจนว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นยังไง แกล้งทำเป็นคู่หมั้นของเขาอย่างเชื่อฟัง แต่ในหนึ่งวัน เธอโดนเขาจับขึ้นเตียงและลูบไล้ เธอตกใจ “คุณโห้ คุณเคยบอกแล้วว่า เราเป็นแค่ความสัมพันธ์ทางสัญญา” “ผมยกเลิกแล้ว” เขาได้รู้แล้วว่า เธอเป็นผู้หญิงที่เขาตามหามานาน เขาจะปล่อยมือไปได้ยังไง? “เพื่อเป็นการชดเชย ผมเป็นของคุณแล้ว”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset