ไม่รู้ว่าเป็นสถานที่ใด
ในห้องที่มืดสนิท อับชื้น และเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
เสียงเปิดสวิตช์ไฟดัง”แก๊ก”ขึ้น
หลอดไฟกลมที่อยู่เหนือศีรษะสว่างขึ้น เจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์ ส่องแสงแยงเข้ามาในดวงตา
ทันใดนั้นจากความมืดสู่ความสว่างจ้าในฉับพลัน ทำให้คนปรับสภาพไม่ทันจนรู้สึกอึดอัด มือข้างหนึ่งที่เหี่ยวย่นเต็มไปด้วยคราบเลือดสดบนบาดแผล ได้ยกขึ้นอย่างสั่นเทามาบดบังดวงตาของเขาไว้
“โอ๊ย ขนาดนี้แล้ว ยังทนกับแสงแยงตาแค่นี้ไม่ได้อีกเหรอ”
เสียงถากถางอย่างเย็นชาของชายหนุ่มดังขึ้น จากนั้นเขาก็เดินเข้ามา แล้วดึงมือเหี่ยวย่นนั้นออกอย่างหยาบโลน
“หยูฉู่สอง คุณคิดว่าตัวเองนั้นยังเป็นผู้นำสูงส่งของตระกูลหยูอีกเหรอ ตอนนี้คุณมันก็แค่เศษสวะ ขยะเน่า สุนัขข้างถนนเท่านั้น!”
เจ้าของมือที่เหี่ยวย่นก็คือหยูฉู่สองนั่นเอง
เขาไม่หลงเหลือสง่าราศีของชายชราผู้ดูดีมีอำนาจอีกแล้ว เวลานี้ผมเผ้ายุ่งเหยิง คราบเลือดและขี้โคลนเกาะติดกันเป็นก้อน ทั้งสกปรกและดูน่าเกลียด
ร่างกายและใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยบาดแผลและคราบเลือด บางที่กลายเป็นแผลเป็น บางที่ก็ติดเชื้อ ส่งกลิ่นเหม็นและสยดสยอง
เสื้อผ้าของเขาก็ยิ่งเต็มไปด้วยคราบเลือดและขี้โคลน เป็นรูพรุนไปทั่ว
สังเกตดูดี ๆ เขาเหลือเพียงแขนข้างเดียว แข้งขาทั้งสองข้างก็ผิดรูปผิดร่าง นั่งพาดอยู่บนเก้าอี้อย่างบิดเบี้ยว
เห็นลักษณะแล้ว ช่างสมเพชเวทนาเหลือเกิน
แต่ถึงกระนั้นหยูฉู่สองกลับยังมีความเย่อหยิ่งทะนงตัว สายตาที่บาดลึกจ้องมองคนที่อยู่ตรงหน้า
“ฝู้ยวน มึงช่างกล้าดีนักที่ลักพาตัวกู คนตระกูลหยูไม่ช้าก็จะต้องตามมาเจอ ถึงเวลานั้นทั้งมึงและโคตรตระกูลของมึง จะต้องตายอย่างไร้ที่ฝัง”
“กูตายงั้นเรอะ ฮ่า ๆ ๆ!”
ฝู้ยวนหัวเราะอย่างแดกดัน และปล่อยหมัดแรง ๆ ซัดเข้าที่ใบหน้าของหยูฉู่สอง ชกจนใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวและกระอักเลือด
ฝู้ยวนสนุกกับความรู้สึกแบบนี้มาก “อย่าแม้แต่จะคิดเลย คนตระกูลหยูไม่มีทางที่จะมาช่วยมึงได้อีกแล้ว เพราะว่าตอนนี้คนตระกูลหยูทั้งหมด ถูกเย้นโม่หลินฆ่าล้างโคตรแล้ว ไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!”
หยูฉู่สองช็อกไปทั้งตัว ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
เสียงของเขาสั่นเครือ “ไม่ เป็นไปไม่ได้ มึงหลอกกู มึงกำลังหลอกกู!”
“ทำไมกูต้องหลอกมึงด้วย สภาพมึงตอนนี้ มีอะไรให้น่าหลอกอีกรึ” แววตาประชดประชันของฝู้ยวนมองเขาราวกับกำลังมองเศษขยะ
หยูฉู่สองส่ายหัวสุดฤทธิ์ เขาไม่เชื่อ เรื่องนี้ทำให้เขาสิ้นหวังกระทบกระเทือนยิ่งกว่าตอนที่ถูกระเบิดแล้วฝัง
อยู่ใต้ซากปรักหักพังเสียอีก
ตระกูลหยูของเขา ตระกูลอันดับหนึ่งของโลก แข็งแกร่งทรงพลังและไม่มีใครเทียบ จะถูกฆ่าล้างโคตรได้อย่างไร จะถูกทำลายได้อย่างไร
เขาไม่เชื่อ
“หากว่าตระกูลหยูถูกฆ่าล้างโคตรจริง หากว่ากูนั้นไม่มีค่าแล้ว ทำไมมึงยังอุตส่าห์พยายามขุดกูขึ้นมาจากซากปรักหักพัง ทำไมยังต้องลักพากูมัดกูไว้ที่นี่ ทำไมถึงยังไม่ฆ่ากูอีก”
หยูฉู่สองหยิบยกข้อเท็จจริงตอบโต้กลับไป
และเบื้องหลังเหตุผลของแต่ละคำถามที่ว่าทำไมนี้ ได้พิสูจน์ว่าสิ่งที่ฝู้ยวนพูดล้วนเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ
ฝู้ยวนหัวเราะเยาะเย้ย “มึงอยากรู้ไหมว่าทำไม ง่ายนิดเดียว เพราะว่ากูอยากเห็นมึงอยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น มีชีวิตที่ไม่ต่างไปจากอะไรกับสุนัข”
“หยูฉู่สอง มึงมีชีวิตที่สูงส่งมาตลอดทั้งชีวิต คงไม่เคยถูกลบหลู่เหยียดหยามสินะ มึงเห็นลูกน้องทุกคนไม่ต่างไปจากสุนัข มึงไม่เคยเห็นกูเป็นคนด้วยซ้ำ”
“กูก็เลยเฝ้ารอมาโดยตลอด เฝ้ารอดูวันที่มึงโดนเหยียบย่ำให้จมดิน จนไม่ต่างอะไรกับสุนัขนั้นมีลักษณะอย่างไร”
“กูรอวันนี้มานาน ดังนั้นกูถึงได้แอบส่งคนไปขุดมึงขึ้นมาไงล่ะ”
แต่ละประโยคยิ่งฟังยิ่งเชือดเฉือนให้เจ็บปวด
แววตาที่ดุร้ายของฝู้ยวน การแสดงออกที่น่ากลัว ดูไม่เหมือนกับเป็นการโกหกเลย
มาถึงขั้นนี้แล้ว หยูฉู่สองก็กลายเป็นนักโทษแล้ว ก็ยิ่งไม่มีความจำเป็นใดที่จะโกหกเขาอีก
ทั้งหมดนนี้ได้ยืนยันแล้วว่าสิ่งที่ฝู้ยวนพูดนั้นเป็นความจริง
ตระกูลหยู ไม่เหลือแล้ว
ใบหน้าของหยูฉู่สองขาวซีด ราวกับว่าถูกมีดเป็นหมื่นเล่มปักทะลวงเข้าที่อก จนกระอักเลือดออกมา
“ตระกูลหยู ตระกูลหยูของกู”
นั่นคือทุกอย่างของการมีชีวิตอยู่ของเขา นั่นคือศรัทธาที่เขาปกป้อง
ได้สิ้นสุดจบลงเช่นนี้
หยูฉู่สองรู้สึกเพียงว่าฟ้าได้พังทลายลงแล้ว สิ่งที่อยู่ตรงหน้าค่อยๆมืดสนิทลง
เสียงซาตานของฝู้ยวนกลับยังคงดังก้องอยู่ในหู “เรียกคุณหมอ อย่าให้เขาโมโหจนอกแตกตาย กูยังอยากให้มันมีชีวิตอยู่เหมือนหมูเหมือนหมา”
ภายใต้อาการสะลึมสะลือ หยูฉู่สองแทบอยากจะกัดลิ้นฆ่าตัวตาย
หมดหนทางสิ้นแล้วทุกอย่าง
ฝู้ยวนถึงได้เดินออกมาจากห้องด้วยอารมณ์ที่เบิกบาน
เจมส์กำลังยืนพิงอยู่ที่ข้างประตูมองดูเขาอย่างเบื่อหน่าย “ใช้มีดฆ่าตาเฒ่าคนนี้ให้ตายซะเรื่องจะได้จบ ๆ แต่นี่คุณกลับอยากจะเก็บมันไว้เพื่อทรมาน ไม่กลัวว่าวันข้างหน้าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดเหรอ เสือที่ถูกถอดเขี้ยว ยังคงมีพลังในการต่อสู้อยู่นะ”
“วางใจได้ ผมไม่มีทางให้เขามีโอกาสนี้หรอก”
แววตาฝู้ยวนดุร้าย “อีกอย่าง การทดลองของผมนั้นยังขาดหนูเผือกที่มีลักษณะพิเศษอยู่ และหยูฉู่สองกำลังพอเหมาะเจาะพอดี”
เจมส์ก็ขี้เกียจจะสนใจเขาอีก
ฝู้ยวนกล่าวขึ้นต่อ:”คุณมารอผมที่นี่ คือมีข่าวคราวจากด้านนอกเหรอ”
“เย้นโม่หลินได้ขุดรอบ ๆ ขุมทรัพย์ที่พังถล่มลงมา แต่ยังหาศพเย้นหว่านไม่เจอ ตามสถานการณ์ในตอนนั้น ระยะห่างระหว่างเย้นหว่านกับหยูฉู่สองห่างกันประมาณห้าเมตร พวกเราขุดตัวหยูฉู่สองออกมาแล้ว แต่กลับไม่เจอตัวเย้นหว่าน รู้สึกเรื่องแปลกมากจริง ๆ”
นิ่งไปสักพัก เจมส์ก็พูดเสริมขึ้นอีกหนึ่งประโยค “น่าจะตัดความเป็นไปได้ที่เย้นหว่านถูกฝั่งทับจนเนื้อเละกลายเป็นขี้โคลน เพราะเย้นโม่หลินพวกเขาเองก็ไม่พบชิ้นส่วนเนื้อติดขี้โคลนที่มีดีเอ็นเอตรงกันกับของเย้นหว่าน
ฝู้หยวนยกริมฝีปากยิ้มขึ้นด้วยความสนใจ
“อย่างนั้นคุณคิดว่า เย้นหว่านนั้นไปไหนเหรอ คนทั้งคนที่ถูกระเบิดแบบนั้น จะหายไปแบบไร้ร่องรอยได้อย่างไร”
เจมส์คาดเดา “บางทีอาจจะถูกคนอื่นช่วยไปแล้ว หรือบางทีเธออาจซ่อนตัวในตอนนั้น แต่นี่แน่ ๆ เธอยังไม่น่าจะเสียชีวิต”
“ยังไม่เสียชีวิตเกมนี้ถึงจะยังเล่นต่อไปได้”
รอยยิ้มของฝู้ยวนยิ่งดูลุ่มลึกน่ากลัว
“เฝ้าจับตาดูสถานการณ์ข้างนอกและหาเบาะแสของเย้นหว่านต่อไป” เขาพลางพูดพลางเดิน และเพ่งมองไปยังประตูเหล็กที่อยู่ตรงหน้าอย่างเศร้าใจ “ผมเองก็ควรที่จะพบคุณโห้สักที”
เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ เจมส์ก็ได้กัดฟันขึ้น
“หากไม่ใช่เพราะคนที่สมควรตายอย่างโห้หลีเฉินเปิดใช้งานอุปกรณ์ทำลายตัวเอง องค์กรของกูก็คงไม่ต้องพังทลายลงเพียงชั่วข้ามคืน ความแข็งแกร่งทั้งหมดที่พวกเราสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากมาหลายปี แต่กลับถูกทรายกลบฝัง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะโห้หลีเฉินไอ้สารเลวนั่น
“กูอยากจะฆ่ามันจริง ๆ อยากจะใช้มีดกรีดเป็นพัน ๆ ครั้ง”
ฝู้ยวนยืนอยู่ตรงหน้าประตูเหล็ก เหลือบหางตามองเจมส์
ยิ้มอย่างดุร้ายแล้วกล่าวว่า :”ขอเพียงเขายังอยู่ในกำมือของพวกเรา การมีชีวิตอยู่มีประโยชน์ยิ่งกว่าองค์กรเสียอีก”
“มีโห้หลีเฉินอยู่ในกำมือ แผนการของพวกเรา ถึงแม้จะมีการเลี้ยวโค้ง แต่มีแนวโน้มที่อาจจะเป็นจริงได้มากกว่า”
“เมื่อถึงเวลานั้น ถึงจะได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกอย่างแท้จริง และเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด!”
เจมส์ถึงได้ค่อยๆผ่อนจิตอาฆาตที่เดือดพล่านลง
ฝู้ยวนตบที่ไหล่ของเขา “ไปเถอะ ที่นี่ปล่อยเป็นหน้าที่ผม”
เจมส์พยักหน้า มองประตูเหล็กอย่างเย็นชาครู่หนึ่ง ถึงได้หันหลังแล้วจากไป
ก่อนที่จะไป เขาได้ทิ้งไว้หนึ่งประโยค “หากว่าเขาไม่สามารถทำตามการพัฒนาตามแผนการของคุณ ผมก็จะฆ่าเขาทิ้งทันที”
ฝู้ยวนยิ้มแต่ไม่พูดอะไร
จากนั้น ก็ผลักเปิดประตูเหล็กออก…..
ไม่รู้ว่าเป็นสถานที่ใด
ในห้องที่มืดสนิท อับชื้น และเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
เสียงเปิดสวิตช์ไฟดัง”แก๊ก”ขึ้น
หลอดไฟกลมที่อยู่เหนือศีรษะสว่างขึ้น เจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์ ส่องแสงแยงเข้ามาในดวงตา
ทันใดนั้นจากความมืดสู่ความสว่างจ้าในฉับพลัน ทำให้คนปรับสภาพไม่ทันจนรู้สึกอึดอัด มือข้างหนึ่งที่เหี่ยวย่นเต็มไปด้วยคราบเลือดสดบนบาดแผล ได้ยกขึ้นอย่างสั่นเทามาบดบังดวงตาของเขาไว้
“โอ๊ย ขนาดนี้แล้ว ยังทนกับแสงแยงตาแค่นี้ไม่ได้อีกเหรอ”
เสียงถากถางอย่างเย็นชาของชายหนุ่มดังขึ้น จากนั้นเขาก็เดินเข้ามา แล้วดึงมือเหี่ยวย่นนั้นออกอย่างหยาบโลน
“หยูฉู่สอง คุณคิดว่าตัวเองนั้นยังเป็นผู้นำสูงส่งของตระกูลหยูอีกเหรอ ตอนนี้คุณมันก็แค่เศษสวะ ขยะเน่า สุนัขข้างถนนเท่านั้น!”
เจ้าของมือที่เหี่ยวย่นก็คือหยูฉู่สองนั่นเอง
เขาไม่หลงเหลือสง่าราศีของชายชราผู้ดูดีมีอำนาจอีกแล้ว เวลานี้ผมเผ้ายุ่งเหยิง คราบเลือดและขี้โคลนเกาะติดกันเป็นก้อน ทั้งสกปรกและดูน่าเกลียด
ร่างกายและใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยบาดแผลและคราบเลือด บางที่กลายเป็นแผลเป็น บางที่ก็ติดเชื้อ ส่งกลิ่นเหม็นและสยดสยอง
เสื้อผ้าของเขาก็ยิ่งเต็มไปด้วยคราบเลือดและขี้โคลน เป็นรูพรุนไปทั่ว
สังเกตดูดี ๆ เขาเหลือเพียงแขนข้างเดียว แข้งขาทั้งสองข้างก็ผิดรูปผิดร่าง นั่งพาดอยู่บนเก้าอี้อย่างบิดเบี้ยว
เห็นลักษณะแล้ว ช่างสมเพชเวทนาเหลือเกิน
แต่ถึงกระนั้นหยูฉู่สองกลับยังมีความเย่อหยิ่งทะนงตัว สายตาที่บาดลึกจ้องมองคนที่อยู่ตรงหน้า
“ฝู้ยวน มึงช่างกล้าดีนักที่ลักพาตัวกู คนตระกูลหยูไม่ช้าก็จะต้องตามมาเจอ ถึงเวลานั้นทั้งมึงและโคตรตระกูลของมึง จะต้องตายอย่างไร้ที่ฝัง”
“กูตายงั้นเรอะ ฮ่า ๆ ๆ!”
ฝู้ยวนหัวเราะอย่างแดกดัน และปล่อยหมัดแรง ๆ ซัดเข้าที่ใบหน้าของหยูฉู่สอง ชกจนใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวและกระอักเลือด
ฝู้ยวนสนุกกับความรู้สึกแบบนี้มาก “อย่าแม้แต่จะคิดเลย คนตระกูลหยูไม่มีทางที่จะมาช่วยมึงได้อีกแล้ว เพราะว่าตอนนี้คนตระกูลหยูทั้งหมด ถูกเย้นโม่หลินฆ่าล้างโคตรแล้ว ไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!”
หยูฉู่สองช็อกไปทั้งตัว ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
เสียงของเขาสั่นเครือ “ไม่ เป็นไปไม่ได้ มึงหลอกกู มึงกำลังหลอกกู!”
“ทำไมกูต้องหลอกมึงด้วย สภาพมึงตอนนี้ มีอะไรให้น่าหลอกอีกรึ” แววตาประชดประชันของฝู้ยวนมองเขาราวกับกำลังมองเศษขยะ
หยูฉู่สองส่ายหัวสุดฤทธิ์ เขาไม่เชื่อ เรื่องนี้ทำให้เขาสิ้นหวังกระทบกระเทือนยิ่งกว่าตอนที่ถูกระเบิดแล้วฝัง
อยู่ใต้ซากปรักหักพังเสียอีก
ตระกูลหยูของเขา ตระกูลอันดับหนึ่งของโลก แข็งแกร่งทรงพลังและไม่มีใครเทียบ จะถูกฆ่าล้างโคตรได้อย่างไร จะถูกทำลายได้อย่างไร
เขาไม่เชื่อ
“หากว่าตระกูลหยูถูกฆ่าล้างโคตรจริง หากว่ากูนั้นไม่มีค่าแล้ว ทำไมมึงยังอุตส่าห์พยายามขุดกูขึ้นมาจากซากปรักหักพัง ทำไมยังต้องลักพากูมัดกูไว้ที่นี่ ทำไมถึงยังไม่ฆ่ากูอีก”
หยูฉู่สองหยิบยกข้อเท็จจริงตอบโต้กลับไป
และเบื้องหลังเหตุผลของแต่ละคำถามที่ว่าทำไมนี้ ได้พิสูจน์ว่าสิ่งที่ฝู้ยวนพูดล้วนเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ
ฝู้ยวนหัวเราะเยาะเย้ย “มึงอยากรู้ไหมว่าทำไม ง่ายนิดเดียว เพราะว่ากูอยากเห็นมึงอยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น มีชีวิตที่ไม่ต่างไปจากอะไรกับสุนัข”
“หยูฉู่สอง มึงมีชีวิตที่สูงส่งมาตลอดทั้งชีวิต คงไม่เคยถูกลบหลู่เหยียดหยามสินะ มึงเห็นลูกน้องทุกคนไม่ต่างไปจากสุนัข มึงไม่เคยเห็นกูเป็นคนด้วยซ้ำ”
“กูก็เลยเฝ้ารอมาโดยตลอด เฝ้ารอดูวันที่มึงโดนเหยียบย่ำให้จมดิน จนไม่ต่างอะไรกับสุนัขนั้นมีลักษณะอย่างไร”
“กูรอวันนี้มานาน ดังนั้นกูถึงได้แอบส่งคนไปขุดมึงขึ้นมาไงล่ะ”
แต่ละประโยคยิ่งฟังยิ่งเชือดเฉือนให้เจ็บปวด
แววตาที่ดุร้ายของฝู้ยวน การแสดงออกที่น่ากลัว ดูไม่เหมือนกับเป็นการโกหกเลย
มาถึงขั้นนี้แล้ว หยูฉู่สองก็กลายเป็นนักโทษแล้ว ก็ยิ่งไม่มีความจำเป็นใดที่จะโกหกเขาอีก
ทั้งหมดนนี้ได้ยืนยันแล้วว่าสิ่งที่ฝู้ยวนพูดนั้นเป็นความจริง
ตระกูลหยู ไม่เหลือแล้ว
ใบหน้าของหยูฉู่สองขาวซีด ราวกับว่าถูกมีดเป็นหมื่นเล่มปักทะลวงเข้าที่อก จนกระอักเลือดออกมา
“ตระกูลหยู ตระกูลหยูของกู”
นั่นคือทุกอย่างของการมีชีวิตอยู่ของเขา นั่นคือศรัทธาที่เขาปกป้อง
ได้สิ้นสุดจบลงเช่นนี้
หยูฉู่สองรู้สึกเพียงว่าฟ้าได้พังทลายลงแล้ว สิ่งที่อยู่ตรงหน้าค่อยๆมืดสนิทลง
เสียงซาตานของฝู้ยวนกลับยังคงดังก้องอยู่ในหู “เรียกคุณหมอ อย่าให้เขาโมโหจนอกแตกตาย กูยังอยากให้มันมีชีวิตอยู่เหมือนหมูเหมือนหมา”
ภายใต้อาการสะลึมสะลือ หยูฉู่สองแทบอยากจะกัดลิ้นฆ่าตัวตาย
หมดหนทางสิ้นแล้วทุกอย่าง
ฝู้ยวนถึงได้เดินออกมาจากห้องด้วยอารมณ์ที่เบิกบาน
เจมส์กำลังยืนพิงอยู่ที่ข้างประตูมองดูเขาอย่างเบื่อหน่าย “ใช้มีดฆ่าตาเฒ่าคนนี้ให้ตายซะเรื่องจะได้จบ ๆ แต่นี่คุณกลับอยากจะเก็บมันไว้เพื่อทรมาน ไม่กลัวว่าวันข้างหน้าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดเหรอ เสือที่ถูกถอดเขี้ยว ยังคงมีพลังในการต่อสู้อยู่นะ”
“วางใจได้ ผมไม่มีทางให้เขามีโอกาสนี้หรอก”
แววตาฝู้ยวนดุร้าย “อีกอย่าง การทดลองของผมนั้นยังขาดหนูเผือกที่มีลักษณะพิเศษอยู่ และหยูฉู่สองกำลังพอเหมาะเจาะพอดี”
เจมส์ก็ขี้เกียจจะสนใจเขาอีก
ฝู้ยวนกล่าวขึ้นต่อ:”คุณมารอผมที่นี่ คือมีข่าวคราวจากด้านนอกเหรอ”
“เย้นโม่หลินได้ขุดรอบ ๆ ขุมทรัพย์ที่พังถล่มลงมา แต่ยังหาศพเย้นหว่านไม่เจอ ตามสถานการณ์ในตอนนั้น ระยะห่างระหว่างเย้นหว่านกับหยูฉู่สองห่างกันประมาณห้าเมตร พวกเราขุดตัวหยูฉู่สองออกมาแล้ว แต่กลับไม่เจอตัวเย้นหว่าน รู้สึกเรื่องแปลกมากจริง ๆ”
นิ่งไปสักพัก เจมส์ก็พูดเสริมขึ้นอีกหนึ่งประโยค “น่าจะตัดความเป็นไปได้ที่เย้นหว่านถูกฝั่งทับจนเนื้อเละกลายเป็นขี้โคลน เพราะเย้นโม่หลินพวกเขาเองก็ไม่พบชิ้นส่วนเนื้อติดขี้โคลนที่มีดีเอ็นเอตรงกันกับของเย้นหว่าน
ฝู้หยวนยกริมฝีปากยิ้มขึ้นด้วยความสนใจ
“อย่างนั้นคุณคิดว่า เย้นหว่านนั้นไปไหนเหรอ คนทั้งคนที่ถูกระเบิดแบบนั้น จะหายไปแบบไร้ร่องรอยได้อย่างไร”
เจมส์คาดเดา “บางทีอาจจะถูกคนอื่นช่วยไปแล้ว หรือบางทีเธออาจซ่อนตัวในตอนนั้น แต่นี่แน่ ๆ เธอยังไม่น่าจะเสียชีวิต”
“ยังไม่เสียชีวิตเกมนี้ถึงจะยังเล่นต่อไปได้”
รอยยิ้มของฝู้ยวนยิ่งดูลุ่มลึกน่ากลัว
“เฝ้าจับตาดูสถานการณ์ข้างนอกและหาเบาะแสของเย้นหว่านต่อไป” เขาพลางพูดพลางเดิน และเพ่งมองไปยังประตูเหล็กที่อยู่ตรงหน้าอย่างเศร้าใจ “ผมเองก็ควรที่จะพบคุณโห้สักที”
เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ เจมส์ก็ได้กัดฟันขึ้น
“หากไม่ใช่เพราะคนที่สมควรตายอย่างโห้หลีเฉินเปิดใช้งานอุปกรณ์ทำลายตัวเอง องค์กรของกูก็คงไม่ต้องพังทลายลงเพียงชั่วข้ามคืน ความแข็งแกร่งทั้งหมดที่พวกเราสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากมาหลายปี แต่กลับถูกทรายกลบฝัง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะโห้หลีเฉินไอ้สารเลวนั่น
“กูอยากจะฆ่ามันจริง ๆ อยากจะใช้มีดกรีดเป็นพัน ๆ ครั้ง”
ฝู้ยวนยืนอยู่ตรงหน้าประตูเหล็ก เหลือบหางตามองเจมส์
ยิ้มอย่างดุร้ายแล้วกล่าวว่า :”ขอเพียงเขายังอยู่ในกำมือของพวกเรา การมีชีวิตอยู่มีประโยชน์ยิ่งกว่าองค์กรเสียอีก”
“มีโห้หลีเฉินอยู่ในกำมือ แผนการของพวกเรา ถึงแม้จะมีการเลี้ยวโค้ง แต่มีแนวโน้มที่อาจจะเป็นจริงได้มากกว่า”
“เมื่อถึงเวลานั้น ถึงจะได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกอย่างแท้จริง และเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด!”
เจมส์ถึงได้ค่อยๆผ่อนจิตอาฆาตที่เดือดพล่านลง
ฝู้ยวนตบที่ไหล่ของเขา “ไปเถอะ ที่นี่ปล่อยเป็นหน้าที่ผม”
เจมส์พยักหน้า มองประตูเหล็กอย่างเย็นชาครู่หนึ่ง ถึงได้หันหลังแล้วจากไป
ก่อนที่จะไป เขาได้ทิ้งไว้หนึ่งประโยค “หากว่าเขาไม่สามารถทำตามการพัฒนาตามแผนการของคุณ ผมก็จะฆ่าเขาทิ้งทันที”
ฝู้ยวนยิ้มแต่ไม่พูดอะไร
จากนั้น ก็ผลักเปิดประตูเหล็กออก…..