คิดไม่ถึงเลยว่า พอเธอบอกให้เขาออกไป เขาก็ออกไปจริงๆ
เขาไม่รู้หรือไงว่าตอนที่ผู้หญิงบอกให้ออกไป คืออยากให้เขาดึงเธอไปกอดไว้? แล้วอีกอย่าง เขาก็ไม่มีความอดทนเลย ไม่อยากจะอยู่กับเธอเลยด้วย
ยิ่งคิดแบบนั้น หัวใจของเย้นหว่านก็ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกหินก้อนใหญ่ทับไว้ จนเธอรู้สึกทรมาน
ในสมอง อดที่จะนึกถึงสิ่งที่ฉู่หยุนซีพูดไม่ได้
ทำไมคุณถึงเชื่อใจเขามากขนาดนั้น? เพราะเขาดีกับคุณมาโดยตลอดอย่างนั้นเหรอ แต่ดูเหมือนว่าพวกคุณจะไม่เคยทะเลาะกันเลย และคุณเองก็เป็นคนอ่อนโยนและเอาใจใส่
ในตอนที่ทั้งสองเข้ากันได้ดีมาตลอด อะไรก็จะดีทุกอย่าง
และปัญหาทั้งหมด จะถูกระเบิดออกมาตอนที่ทะเลาะกันเท่านั้น
เย้นหว่านสีหน้าซีดเซียว อารมณ์ของเธอก็ยิ่งหนักอึ้งขึ้น เธอยืนเงียบมองดูประตูที่ปิดอยู่นาน หรือว่าจะเป็นเหมือนที่ฉู่หยุนซีพูดไว้ ที่จริงแล้วเธอไม่เคยทำความเข้าใจในตัวของโห้หลีเฉินจริงๆ เลยอย่างนั้นเหรอ?
หรือว่า เขาจะเปลี่ยนไปแล้ว
หัวใจของเย้นหว่านสับสนวุ่นวาย และในตอนนี้ก็เจ็บปวดมาก อีกทั้งยังทำให้เย้นหว่านรู้สึกเสียใจที่ตนเองกลับมาก่อนกำหนด ถ้าเธออยู่กับฉู่หยุนซี อย่างน้อยตอนนี้เธอก็คงไม่ต้องมาทะเลาะกันอย่างไร้เหตุผลแบบนี้
ใช่ เธอเองก็รู้ว่าเธอไร้เหตุผล
เธอติดตามข่าวสารของโห้หลีเฉินมาตลอดสามปี เธอก็รู้ทุกอย่างดี ว่าเก่อหรูซวนมีความสำคัญต่อโห้หลีเฉินมากแค่ไหน ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ในบริษัทเธอจะมีส่วนร่วมในการจัดการทั้งหมด
จะพูดให้ถูกก็คือ ถ้าไม่มีเธอ บริษัทจะกลายเป็นอัมพาต และต้องวุ่นวายเป็นเวลาหนึ่งเดือนกว่าจะกลับคืนสู่สภาพเดิม
และในเดือนนี้ จะส่งผลให้บริษัทขาดทุนมหาศาล
โห้หลีเฉินมุ่งมั่นที่จะเป็นมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของโลก อีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้นเอง เพื่อเธอเขากลับยอมยกเลิกการร่วมมือกับฟีเจ๊กมอน แค่นี้ก็เห็นถึงความจริงใจของเขาแล้ว
แต่เธอยังอาละวาดให้เขาไล่เก่อหรูซวนออก ความเอาแต่ใจแบบนี้ คนส่วนใหญ่คงจะเลือกที่จะตามใจ และพูดเกลี้ยกล่อมต่อ จนกว่าเธอจะมีความสุข จนกว่าเธอจะยอมแพ้
แต่เดิมทีเย้นหว่านคิดว่า โห้หลีเฉินจะไม่เหมือนคนพวกนั้น ครั้งหนึ่งเขาเคยทิ้งทุกอย่างเพื่อเธอ แม้แต่ชื่อเสียงก็ไม่สนใจด้วยซ้ำ ครั้งนี้เขาจะยอมไล่เก่อหรูซวนออกเพื่อเธอโดยไม่ลังเล อย่างมากก็แค่จัดระเบียบบริษัทใหม่ และอาจจะเหนื่อยสักหน่อยก็เท่านั้นเอง
เธอเองก็จะช่วยเขาด้วย
แต่ความจริงกลับไม่เป็นแบบนั้น โห้หลีเฉินไม่เพียงแต่ไม่ทำแบบนั้น แต่เขากลับทำเหมือนไม่เหมือนคนส่วนใหญ่ เขาเลือกที่จะจากไป
การต้องแยกจากกันสามปี แล้วอุตส่าห์ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง แต่เขากลับทิ้งเธอไว้ที่นี่ตามลำพัง
ช่องว่างขนาดใหญ่ เหมือนเข็มแหลมคมทิ่มแทงเข้าใส่หัวใจของเย้นหว่าน
ความรู้สึกดีใจที่ได้กลับมาทั้งหมด ในตอนนี้ มันกลับกลายเป็นความผิดหวังและความเศร้าโศกอย่างไร้จุดสิ้นสุด
เธอไม่มีอารมณ์ใดๆ อยู่เลย แม้แต่กลิ่นของอาหารที่ลอยออกมาจากในครัว แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอหิวได้เลย
เธอเดินกลับไปที่ห้องนอนอย่างเฉยเมย
เธอรู้สึกเหนื่อยมาก อยากจะนอนพัก บางทีหลังจากตื่นมา เธออาจจะกล้าเผชิญหน้ากับทุกอย่าง
พอเข้าไปในห้องนอน แล้วเห็นเครื่องเรือนที่คุ้นเคยภายในห้อง เหมือนเพิ่งผ่านไปไม่นาน เหมือนเธอไม่เคยจากไป
ความรู้สึกคุ้นเคยนี้พุ่งเข้าใส่เธออย่างแรง ทำให้เธอยิ่งรู้สึกปวดใจมากขึ้น
ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แต่ที่นี่กลับทำให้เธอรู้สึกหดหู่ใจมากขึ้น หัวใจของเธอเจ็บปวดมาก
นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ?
นี่หรือจะเป็นเหมือนที่เขาพูดกันว่าสรรพสิ่งยังเหมือนเดิม แต่คนนั้นเปลี่ยนไป
ของทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แต่คนกลับเปลี่ยนไปแล้ว
ในห้องนี้ ไม่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในหัวใจของเย้นหว่านกลับมาอีกครั้ง เย้นหว่านปิดหน้า แล้วร้องไห้ออกมาอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป
ที่แท้เบื้องหลังของความรักที่หอมหวน ก็ยังสามารถทำให้คนรู้สึกเศร้าเสียใจได้
เหนื่อย เธอเหนื่อยมากจริงๆ
แสงไฟข้างถนนนอกหน้าต่างยิ่งทำให้เธอรู้สึกแสบตามาก
เธอไม่อยากเห็นทุกอย่างในห้อง แม้แต่รูปถ่ายงานแต่งงานขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่ข้างเตียง เธอเดินไปที่หน้าต่างอย่างหงุดหงิด แล้วดึงผ้าม่านปิด
แต่ว่า ตอนที่เธอจับผ้าม่าน เธอจึงเห็นเข้าพอดี ตรงลานบ้านชั้นล่าง มีร่างของคนยืนอยู่
คนนั้นไม่ใช่ใครอื่น เขาคือโห้หลีเฉินนั่นเอง
เขากำลังยืนอยู่ที่ประตูบ้านพัก ยืนตัวตรง เหมือนเด็กนักเรียนที่ถูกลงโทษ ดวงตาของเขายังคงจ้องมองไปที่ประตูนิ่ง ไม่ขยับไปไหน
เย้นหว่านรู้สึกตกใจมาก เขาไม่ได้จากไปเหรอ?
เมื่อตะกี้หลังจากที่เขาออกไปแล้วปิดประตูลง เขาก็ยืนอยู่ที่หน้าประตูไม่ไปไหนเลยเหรอ?
เขาบอกว่าจะไม่มาให้เธอเห็น ที่เขาบอกว่าจะออกไป คือออกไปจากบ้าน แล้วไปยืนเฝ้าอยู่ที่ประตู?
หัวใจที่เยือกเย็นของเย้นหว่าน กลับมาอบอุ่นอีกครั้ง ขอบตาของเธอร้อนผ่าว ก่อนที่น้ำตาแห่งความดีใจ
เธอปิดปากของเธอ มุมปากของเธอยกขึ้นยิ้ม แต่กลับอดที่จะร้องไห้ออกมาไม่ได้
คุณโห้ของเธอ ช่างไม่ทำให้เธอผิดหวังเลยจริงๆ
ในใจของเย้นหว่านรู้สึกหวานมาก แต่ก็ยังบ่นอุบอิบว่าเขาโง่จริงๆ เลย ทำไมเขาถึงไปยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูแบบนั้น ไม่หนาวบ้างหรือไง?
ถ้าจะทะเลาะกันก็ควรจะปิดประตูก่อนแล้วค่อยทะเลาะกัน
เธอตั้งใจจะลงไปเรียกเขาเข้ามา
ในขณะที่กำลังจะเคลื่อนตัว เวลานี้เอง มีเสียงรถหยุดจอดด้านนอกลานบ้าน ก่อนที่จะมีรองเท้าส้นสูงคู่หนึ่งเดินลงมาจากรถ
เย้นหว่านที่กำลังจะลงไปชั้นล่าง หยุดชะงักไปทันที เธอยืนอยู่ข้างหลังผ้าม่าน
มองดูผู้หญิงที่เดินออกจากรถ ดวงตาของเธอเย็นชาและคมกริบ นิ้วของเธอจับผ้าม่านไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว เหมือนอยากจะหยิกเธอให้ยับยู่ยี่เหมือนผ้าม่านผืนนี้
คนที่มาคือเก่อหรูซวน
พอเธอเห็นโห้หลีเฉินยืนอยู่ที่หน้าประตู จึงรีบเดินเข้าไปหาเขา
“ท่านประธานคะ ทำไมถึงมายืนอยู่ที่ประตูไม่เข้าไปในบ้านล่ะคะ”
เย้นหว่านไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขากำลังคุยกัน แค่เห็นเก่อหรูซวนยืนห่างจากโห้หลีเฉินแค่ครึ่งเมตร ก็ทำให้เย้นหว่านรู้สึกไม่ชอบใจแล้ว
ความคิดที่จะต้องไล่เธอออกไปยิ่งรุนแรงมากขึ้น
ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ เธอก็ไม่ชอบให้มีผู้หญิงคนไหนมาอยู่ข้างๆ โห้หลีเฉิน ที่คอยติดตามเธอตลอดเวลา คอยวิ่งวุ่นอยู่หน้าหลังโห้หลีเฉิน
ความรักของเธอมันเห็นแก่ตัวมาก เธอแทบอยากจะซ่อนตัวโห้หลีเฉินไว้
ดวงตาของโห้หลีเฉินไม่ขยับ เขายังคงมองไปที่ประตูด้วยสายตาไม่กะพริบ ไม่ตอบกลับเธอเลยแม้แต่คำเดียว
เก่อหรูซวนเป็นคนอ่านสีหน้าของคนเก่ง ถึงแม้โห้หลีเฉินจะมีสีหน้าเย็นชามาโดยตลอด แต่เธอทำงานกับโห้หลีเฉินมาสองปีครึ่งแล้ว แค่ความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยทางสีหน้า ก็ทำให้เธอสามารถเดาอะไรได้มากแล้ว
เธอถามอย่างระมัดระวัง “ท่านประธานคะ คุณทะเลาะกับคุณเย้นเหรอคะ?”
เพราะว่า ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะทำให้โห้หลีเฉินยอมออกมาจากบ้านโดยสมัครใจได้ แล้วยังไม่ยอมไปไหน
โห้หลีเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ กลับไปซะ”
อุตส่าห์ได้มาเห็นโห้หลีเฉินกับเย้นหว่านทะเลาะกัน ดูท่าคงจะเป็นเพราะการเซ็นสัญญาก่อนหน้านี้
ถึงแม้โห้หลีเฉินจะยกเลิกสัญญาแล้วรีบกลับมาเพื่อเย้นหว่าน แต่ในใจของเขาก็คงจะรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย คิดว่าเธอไม่มีเหตุผลดังนั้นทั้งสองจึงทะเลาะกันทันทีที่กลับมาถึงบ้าน
แน่นอนว่าในสถานการณ์แบบนี้ เก่อหรูซวนจะไปไหนไม่ได้
แววตาของเธออ่อนโยน แล้วมองไปทางโห้หลีเฉินด้วยสายตาเป็นห่วง “คุณโห้คะ ตอนกลางคืนอากาศข้างนอกมันหนาว คุณจะเป็นหวัดเอาได้นะคะ หรือว่าจะไปพักที่อพาร์ตเมนต์สักคืน แล้วพรุ่งนี้ค่อยกลับมาได้ไหมคะ”
โห้หลีเฉินไม่สนใจเธอ เขายังคงยืนนิ่ง
ด้วยท่าทางที่แน่วแน่ ไม่มีความคิดนั้น และไม่มีทีท่าว่าจะจากไป
เก่อหรูซวนรู้นิสัยของเขาดี และรู้ด้วยว่าเธอเกลี้ยกล่อมไม่ไหว เธอนิ่งคิด ก่อนจะยอมถอยหลังหนึ่งก้าว
“ลมพัดแรงแล้วค่ะ ฉันไปเอาเสื้อคลุมมาให้นะคะ”
พอพูดจบ เธอก็กลับไปที่รถทันที แล้วหยิบเสื้อคลุมของโห้หลีเฉินที่มีสำรองไว้ในรถออกมา
เธอเดินไปหยุดอยู่ด้านข้างของโห้หลีเฉินอีกครั้ง เหมือนปกติทุกครั้ง เธอตั้งใจจะเอาเสื้อคลุมมาคลุมให้เขา
บนห้องชั้นสอง นิ้วของเย้นหว่านเกือบจะบิดผ้าม่านจนขาด ใบหน้าของเธอโมโหมาก เธออยากจะรีบลงไปฆ่าเก่อหรูซวนเดี๋ยวนี้เลย
ผู้หญิงน่าตายคนนั้น กล้าคิดที่จะแตะต้องผู้ชายของเธอ!