คำพูดนี้ช่างโหดร้ายเหลือเกิน
ขนาดสีหน้าของฟีเจ๊กมอนยังเปลี่ยนไปเลย เขาทำหน้าหวาดกลัวและสลัดท่าทีโอหังของตัวเองทิ้งไป
“เย้นหว่าน เธอบ้าไปแล้วหรือไง? ฉันไม่ใช่บริษัทเล็กๆที่เธอจะทำลายได้ง่ายๆนะ บริษัทฉันมีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก เธอกลับคิดที่จะทำลายมันทิ้ง เธออยากทำให้ทั้งสองฝ่ายเสียหายหรือไง?”
“เหอะ นายยังกล้าใช้คำว่าเสียหายทั้งสองฝ่ายด้วยเหรอ? บริษัท ตี้เหา จำกัดตอนนี้ยิ่งใหญ่แค่ไหน นายไม่รู้เลยหรือไง? บีบนายให้ตาย มันง่ายเหมือนบีบมดให้ตายคามือเลยล่ะ” เย้นหว่านแสยะยิ้มดูถูก
“เธอ!”
คำพูดโอหังและทำให้เสียชื่อเช่นนี้ ทำให้ฟีเจ๊กมอนโกรธมาก แต่เขากลับตอบโต้ไม่ได้เลยสักคำ
เขาไม่คิดเลยว่าเย้นหว่านจะยโสโอหังและกล้าได้ถึงเพียงนี้
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป บริษัทเขาได้จบจริงๆแน่
ฟีเจ๊กมอนรีบมองไปที่โห้หลีเฉิน “คุณโห้ ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆครับ เรื่องนี้ผมผิดเอง ผมจะชดใช้ให้พวกคุณเอง ครั้งนี้ขอร้องช่วยยกโทษให้ผมด้วยครับ”
“เพราะถ้าโจมตีบริษัทของผม บริษัท ตี้เหา จำกัดก็จะเสียหายเหมือนกัน คุณเพิ่งขยายอิทธิพลไปยืนอยู่บนตำแหน่งระดับต้นๆของโลก ถ้าเสียหายด้วยเหตุนี้ แล้วตกลงมาอีกครั้ง เป็นธุรกิจที่มีแต่เสียหายนะครับ”
เขาพยายามโน้มน้าวโห้หลีเฉิน
เย้นหว่านเป็นผู้หญิง พูดอะไรไม่คิด ไร้เหตุผล งี่เง่า แต่ยังไงโห้หลีเฉินก็เป็นนักธุรกิจ เป็นนับลงทุน รู้ถึงความหนักเบาของเรื่องนี้ดี
โห้หลีเฉินแววตาเย็นชา แล้วพูดอย่างเรียบเฉยว่า: “แล้วยังไง?”
แล้วยังไงงั้นเหรอ?
แล้วมันยังไงงั้นเหรอ?
ฟีเจ๊กมอนโกรธจนตะคอกด่าออกมา “บ้าไปแล้ว บ้ากันไปหมดแล้ว! พวกนายมันบ้ากันไปหมดแล้วจริงๆ!”
เขาซวยจริงๆถึงได้ไปเชื่อคำพูดของผู้หญิงคนนั้น มาหาเรื่องแก้แค้นเย้นหว่าน แต่ตัวเองกลับโดนเสียเอง
คำพูดที่เย้นหว่านพูดไว้ จะเกิดขึ้นจริงในไม่ช้านี้
บริษัทของฟีเจ๊กมอน ธุรกิจร้อยปีของตระกูล ก็เหมือนตึกสูงที่ถูกระเบิดทิ้ง และล่มสลายในระยะเวลาสั้นๆ
การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นที่น่าจับตามองของทั่วโลก และได้เป็นสักขีพยานของการล่มสลายในครั้งนี้
ผู้คนต่างได้เห็นความยิ่งใหญ่ของบริษัท ตี้เหา จำกัด และยังได้เห็นความรักและการปกป้องที่โห้หลีเฉินมีให้กับเย้นหว่าน
ด้วยเหตุนี้ ผู้คนต่างก็เล่าลือกันไปว่า:
ขัดใจโห้หลีเฉินยังดีกว่าหาเรื่องเย้นหว่าน
โห้หลีเฉินปกป้องเธอเหมือนไข่ในหิน แถมยังอารมณ์รุนแรง และเป็นนางมารร้ายที่ล่มบริษัทคนอื่นได้ในพริบตา
พวกผู้หญิงต่างก็อิจฉาเธอและกลัวเธอกันหมด
พวกผู้ชายก็เคารพและเกรงกลัวเธอมาก
เย้นหว่านกลายเป็นผู้หญิงที่มีชีวิตแต่งงานที่มีความสุขที่สุดในโลกนี้ และยังกลายเป็นผู้หญิงที่โหดที่สุดด้วยเหมือนกัน
เย้นหว่านโด่งดังในชั่วข้ามคืน
เธอมีอิทธิพลในบริษัทมาก และเลยข้ามเก่อหรูซวนไปมาก ทั้งบริษัทรวมไปถึงหุ้นส่วนที่ชอบหาเรื่อง ก็ไม่หาเรื่องเธอโดยตรงแล้ว
เพราะยังไง มีหุ้นส่วนคนหนึ่งที่ไม่พอใจเถียงเย้นหว่านไปสองคำ อีกวันก็หายไปจากบริษัทอย่างไร้ร่องรอยทันที
ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้เลยว่าเขาถูกส่งตัวไปที่ไหน
แม้คนอื่นๆจะไม่กล้าหาเรื่องเย้นหว่าน แต่ภายในบริษัท ตี้เหา จำกัดก็มีเสียงก่นด่าไม่น้อย เพราะยังไงการที่ทำให้บริษัทของฟีเจ๊กมอนล้มละลาย แถมยังล่มสลายในระยะเวลาสั้นๆด้วย ทำลายด้วยวิธีที่รุนแรงแบบนี้ ทำให้บริษัท ตี้เหา จำกัดเสียหายไปมากเช่นกัน
ทั้งบริษัทวุ่นกันไปหมด ทำงานยี่สิบห้าชั่วโมงก็ยังไม่พอเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนแรกบริษัทอยู่ในอันดับหนึ่งของโลก แต่พอมาเจอเหตุการณ์นี้ ทำให้ทุกอย่างต้องหยุดชะงักและช้าลงไป
หุ้นส่วนที่หวังอยากได้เงินก้อนโต ต่างก็ไม่พอใจกันมาก
สำหรับการเปลี่ยนแปลงและความโกรธของทุกคนนั้น เย้นหว่านกลับไม่สะทกสะท้านอะไรเลยและก็ทำเหมือนไม่เห็นด้วย
เธอทำหน้าที่เลขาของตัวเอง ชงชาให้โห้หลีเฉิน มองดูเขาทำงานหน้าคอมอย่างหนัก แล้วก็ยังป้อนเค้กกับผลไม้ให้เขาเป็นครั้งคราว
เธอนั่งอยู่บนที่พักแขนเก้าอี้ทำงานของเขา แขนวางไว้บนไหล่เขาข้างหนึ่ง แล้วเอนตัวไปอิงเขา
เธอถามเขาเสียงเบาว่า “โห้หลีเฉิน ครั้งนี้บริษัท ตี้เหา จำกัดเสียหายหนักมากเลยนะ นายเสียใจไหม?”
โห้หลีเฉินนิ้วมือเคาะแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว แต่กลับตอบเธออย่างไม่ลังเลใดๆ
“ไม่หรอก”
เย้นหว่านยิ้ม แล้วถามต่อว่า “งั้นคนอื่นๆเสียใจไหม?”
โห้หลีเฉิน: “คนอื่นจะเสียใจไหม ไม่เกี่ยวกับพวกเราเลย”
“ไม่เกี่ยวเลยจริงๆเหรอ?”
เย้นหว่านมองดูใบหน้าครึ่งซีกของโห้หลีเฉิน “พวกเขา……คงจะโทษนายอยู่บ้างนะ”
โห้หลีเฉินชะงักนิ้วมือที่เคาะแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว แล้วพิมพ์ผิดไปหนึ่งตัว
แต่เขากลับเข้าสู่โหมดการทำงานอย่างรวดเร็ว เขาลบและพิมพ์ใหม่ รวดเร็วและใจเย็น
เขายิ้มอ่อนๆแล้วพูดว่า “ฉันเป็นประธาน ทั้งบริษัทนี้เป็นของฉัน ใครจะกล้าโทษฉันกัน? แม้บริษัทนี้จะถูกเธอทำลาย แล้วยังไง ฉันยอม”
คำพูดหวานแหววที่ดูใจป้ำมาก เธอได้ยินแล้วก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจ
รอยยิ้มของเย้นหว่านกว้างมากขึ้น เธอพูดเสียงเบามาก เบามากจริงๆ “ฉันทำธุรกิจไม่ค่อยเป็น อาจจะทำให้นายล้มละลายได้จริงนะ”
“ถึงตอนนั้นจริง นายจะยอม แล้วไม่โทษฉันจริงเหรอ?”
โห้หลีเฉินหยุดพิมพ์
เขาหยุดชะงักอยู่แบบนั้นสามวินาที จากนั้นก็หันหน้ามา จ้องมองเย้นหว่านด้วยแววตาที่อ่อนโยน
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอ่อนโยน และพูดเหมือนคำสาบาน “ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ฉันก็จะไม่โทษเธอเลย”
แม้เธอจะฆ่าเขา เขาก็จะยื่นมีดให้เธอ
ทันใดนั้นเย้นหว่านก็รู้สึกแสบจมูก แต่เธอก็ข่มอารมณ์เอาไว้ได้
เธอทำท่าซาบซึ้งใจอย่างมาก เธอจับหน้าโห้หลีเฉินไว้แล้วจุ๊บลงไปหนึ่งที
“คุณโห้คะแนนปากหวานเต็มร้อย นี่เป็นรางวัลของคุณ”
โห้หลีเฉินยิ้มกว้าง “คุณนายโห้ ให้รางวัลเยอะกว่านี้อีกหน่อยได้ไหม? กลางคืนอนุญาตให้ผมขึ้นไปนอนด้วยเป็นยังไง?”
เย้นหว่านเป็นคนรักษาคำพูด กลับมานานขนาดนี้แล้ว ก็ไม่ได้ให้เขาขึ้นไปนอนด้วยเลยสักครั้ง
ยิ่งไม่ยอมให้เขาร่วมหลับนอนกับตัวเองเลยสักครั้ง
เขาทนมานานถึงสามปี ตอนนี้ภรรยากลับมาแล้ว ไม่คิดว่ายังอดทนได้นานขนาดนี้ เขาคงลำบากจนน้ำตาไหลเลยสิท่า
เย้นหว่านยิ้มอ่อนๆ “ได้สิ นายไล่เก่อหรูซวนออกก่อน อย่าว่าแต่ขึ้นไปนอนด้วยเลย ฉันลงมานอนกับนายยังได้เลย”
โห้หลีเฉินยิ้มอย่างลำบากใจ เขาลูบจมูกเย้นหว่านเบาๆอย่างเอ็นดู
“ทรมานคนเก่งจริงๆเลยนะ”
คำพูดและท่าทีหวานแหววขนาดนี้ เพียงพอต่อการทำให้คนคนหนึ่งหวั่นไหวและหลงใหลได้แล้ว
แต่รอยยิ้มของเย้นหว่านกลับชะงัก หินก้อนนั้นยังคงทับหัวใจของเขาและเธออยู่ไม่หายไปไหน
เธอทรมานเขางั้นเหรอ?
หรือไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมไล่เก่อหรูซวนออก และไม่ยอมบอกอะไรเธอเลย
เขาไม่ยอมพูดอะไรออกมาเลย ครั้งนี้ที่บริษัท ตี้เหา จำกัดเสียหายหนัก จะนำพาผลเสียให้กับเขายังไงบ้าง
เรื่องทุกอย่างเขาเงียบไม่ยอมพูดอะไรเลยออกมาเลย และแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียว เขาทำตัวสบายๆต่อหน้าเธอ และไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
แต่โห้หลีเฉินไม่เคยรู้เลยว่า เย้นหว่านทั้งกลัวและไม่สบายใจแค่ไหน
การเดิมพันครั้งนี้ของเธอใหญ่มาก ใหญ่มากจริงๆ มันเกี่ยวโยงไปถึงชีวิต อนาคตและชีวิตของพวกเขาทั้งหมด