“ตระกูลเย้นตั้งใจทำแบบนี้กับพวกเรา พวกเขาใช้โอกาสตอนที่พวกเรากำลังแย่ จากนั้นก็เริ่มปล้นทุกอย่างไป ตอนนี้หุ้นของบริษัทตี้เหามูลค่าลดลงมาก พวกเขากำลังซื้อหุ้นในตลาด ในตอนแรกตระกูลเย้นก็เป็นผู้ถือหุ้นอันดับใหญ่อยู่แล้ว และตอนนี้พวกเขาก็ยังจะซื้อหุ้นเพิ่มมากขึ้น ตอนนี้หุ้นในมือของตระกูลเย้นจะมีเกือบจะเท่ากับคุณอยู่แล้ว”
“การที่พวกเขาทำแบบนี้ เพราะอยากฮุบบริษัทตี้เหา!”
บรรยากาศรอบตัวของโห้หลีเฉิน เปลี่ยนเป็นความเยือกเย็นในทันที ก่อนที่เขาจะถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“เก่อหรูซวน คำพูดที่เธอพูดเป็นความจริงไหม? ถ้าเธอกล้าใส่ร้ายแม้แต่คำเดียว ฉันจะเอาชีวิตเธอแน่”
“ฉันของสาบาน คำพูดทุกคำที่ฉันพูดต่างก็เป็นความจริง ทุกคนในที่นี้เป็นพยานให้ฉันได้”
เก่อหรูซวนยกมือขึ้นและสาบาน “คุณชาย ก่อนหน้านี้ที่เย้นหว่านให้ทางบริษัทตี้เหาไปร่วมธุรกิจกับตระกูลเย้น นี่เป็นกับดักที่เธอสร้างขึ้นมา เย้นหว่านไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้บริษัทยิ่งใหญ่ขึ้น แต่เธอต้องการจะทำลายบริษัทตี้เหา และทำลายคุณ”
เย้นหว่านต้องการจะทำลายเขา?
เมื่อได้ยินคำพูดพรุ่งนี้ โห้หลีเฉินก็ขมวดคิ้ว บรรยากาศรอบข้างก็ดูเยือกเย็นมากยิ่งขึ้น
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “เรื่องนี้เข้าไปคุยกันในบริษัท”
หลังจากพูดจบ เขาก็เดินตรงไปในบริษัท
เก่อหรูซวนและคนอื่นๆเดินตามเขาไป
ในตอนนั้น ก็มีเสียงดังขึ้น “ตึก” ประตูที่อยู่ด้านข้างคนขับก็ถูกเปิดออก
เสียงนี้ดึงดูดความสนใจของทุกคน ทุกคนต่างก็หันไปมองยังที่นั่งข้างคนขับ แล้วทุกคนก็พบว่า ที่นั่งข้างคนขับมีคนนั่งอยู่
และเธอก็คือคนร้ายในครั้งนี้ เย้นหว่าน
เย้นหว่านลงมาจากรถอย่างเปิดเผย เธอเดินอ้อมรถไป ก่อนจะมองไปทางโห้หลีเฉินด้วยท่าทีไม่พอใจ “คุณสามี ทำไมคุณไม่รอฉันเลย?”
โห้หลีเฉินขมวดคิ้วมากกว่าเดิม
เขาตอบอย่างราบเรียบ “ผมมีธุระด่วนต้องจัดการ ให้เว่ยชีส่งคุณกลับแล้วกันนะ”
ในขณะที่พูด เขาก็โทรไปหาเว่ยชี แต่เมื่อหยิบโทรศัพท์ออกมา กลุ่มคนที่ยืนอยู่ตรงประตู ก็เดินไปล้อมเย้นหว่านไว้
มีหุ้นส่วนหลายคน ตั้งคำถามกับเธอด้วยความกังวลใจ
“เย้นหว่าน ทำไมคุณต้องทำลายบริษัทตี้เหาด้วย? คุณโห้เป็นสามีของคุณนะ ถ้าคุณทำลายเขา ทำลายบริษัทตี้เหา มันจะมีผลดีกับคุณอย่างไรกัน?”
“พวกคุณเป็นสามีภรรยากัน คุณโห้ก็ตามใจคุณขนาดนั้น มีอะไรที่เขาให้คุณไม่ได้ บริษัทของเขา ก็คือบริษัทของคุณ? ทำไมคุณต้องไปช่วยตระกูลเย้น แล้วใช้วิธีชั้นต่ำแบบนี้เพื่อมาแย่งบริษัทตี้เหาไป”
“ถึงแม้ว่าคุณจะชนะแต่ก็ต้องสูญเสียไปมากมาย เรื่องที่ขาดทุนแบบนี้คุณก็ยังทำได้ลงคอเหรอ คุณเป็นภรรยาของคุณโห้จริงไหมเนี่ย การที่คุณทำแบบนี้ มันเหมือนกัว่าคุณเป็นศัตรูของคุณโห้!”
ข้างหน้ามีคำด่าทอต่างๆมากมาย เย้นหว่านก็เหมือนกับนักโทษประหารที่ก่ออาชญากรรมร้ายแรง มันสมควรแล้วที่เธอควรจะถูกลงโทษ
จากนั้น เธอก็มีสีหน้าที่ดูปกติ มันเหมือนกับว่าเธอไม่ได้ยินคำด่าทอของคนพวกนี้เลย แววตาของเธอก็ยังดูโอ้อวดมาก
เธอยิ้มอย่างดูถูก “เรื่องแค่นี้ ก็ทำให้พวกคุณเกือบจะคลั่งแล้ว ตะโกนเหมือนกับพวกหมาจรจัดเลย? การที่บริษัทตี้เหาเลี้ยงคนไร้ประโยชน์แบบพวกคุณไว้ ก็เลยทำให้ภายนอกของบริษัทดูแข็งแกร่งแต่ภายในเละเทะ บริษัทถึงได้ล่มจมเร็วขนาดนี้”
คำพูดที่ดูเย่อหยิ่งเหล่านี้ มันคอยเหยียบย่ำพวกเขา
พนักงานที่อยู่ในบริษัทจนดึกดื่น ส่วนมากก็เป็นหุ้นส่วน การอยู่รอดของบริษัทตี้เหามีความเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของพวกเขา
เมื่อเจอกับสถานการณ์แบบนี้ พวกเขาจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“เย้นหว่าน! ตระกูลเย้นทำลายบริษัทตี้เหา ที่แท้คุณก็รู้เห็นเป็นใจนี่เอง ตั้งแต่ที่คุณกลับมา คุณก็ห้ามให้ทางบริษัทตี้เหาไปเซ็นสัญญากับทางฟีเจ๊กมอน คุณให้เหตุผลว่าเป็นการช่วยเหลือ ก็เลยให้ทางบริษัทตี้เหาไปทำงานร่วมกับตระกูลเย้น แต่ในความจริงคือการทำให้คนของพวกคุณแทรกซึมเข้ามาในบริษัทตี้เหา และวางกับดักการร่วมมือกันทุกอย่าง จากนั้นก็จะทำลายบริษัทของฟีเจ๊กมอนอย่างเอาแต่ใจ เพื่อที่จะทำให้บริษัทตี้เหาได้รับความเสียหายมากที่สุด แล้วคุณก็ใช้โอกาสนี้ ซ้ำเติมความเสียหาย เพื่อที่จะให้บริษัทตี้เหาอยู่ในจุดที่ต่ำที่สุด! คุณคำนวณทุกอย่างมาเป็นอย่างดี เย้นหว่าน ตั้งแต่ที่คุณกลับมา คุณก็เอาแต่คิดว่าจะทำลายบริษัทตี้เหายังไง ทำไมคุณถึงได้เลือดเย็นแบบนี้!”
เมื่อทุกอย่างถูกเปิดโปง เย้นหว่านก็ไม่ได้คิดที่จะอธิบายอะไร
เธอมองไปยังผู้คนที่อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะยิ้มด้วยความเยือกเย็น
น้ำเสียงของเธอฟังดูเย่อหยิ่งมากกว่าเดิม “เมื่อเทียบกับการที่พวกคุณมาคิดหาวิธีหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นแล้ว ในตอนนี้คุณควรไปคิดว่าจะทำให้ความเสียหายลดลงได้อย่างไรไม่ดีกว่าเหรอ ถอนหุ้นส่วนออกจากบริษัทตี้เหา ไม่อย่างนั้น ก็ล่มสลายไปพร้อมที่นี่แล้วกัน ถ้าถึงตอนนั้นพวกคุณก็จะไม่ได้อะไรเลย”
“คุณ คุณ คุณ!”
คนกลุ่มนั้นรู้สึกโกรธมาก แล้วก็โมโหมากด้วย พวกเขาต่างก็ม้วนแขนเสื้อขึ้น “ฉันจะฆ่ายัยอสรพิษคนนี้ให้ตาย!”
ชายหลายคนที่มีอายุ 50 กว่าๆ ต่างก็เอื้อมมือไปทางเย้นหว่านเพื่อจะทำร้ายเธอ
เย้นหว่านยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่หลบอะไร เธอใช้สายตาที่เยือกเย็นมองไปที่พวกเขา จะทำร้ายเธอ? รนหาที่ตายชัดๆ
เธอกำหมัดแน่นอย่างเงียบๆ ในตอนที่เธอกำลังจะลงมือ
ในตอนนั้น ก็มีร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มคนหนึ่งมายืนบังอยู่ตรงหน้าเธอ เขาเป็นเหมือนกับภูเขาสูงตระหง่าน
โห้หลีเฉินเต็มไปด้วยความรู้สึกเกลียดชัง น้ำเสียงของเขาก็ฟังดูเยือกเย็น “ถ้าใครกล้าแตะต้องเธอแม้แต่นิดเดียว ก็ลองดู!”
ชายที่อยากจะลงมือ ต่างก็ตกใจกลัวจนตัวสั่น พวกเขารีบถอยหลังไปทันที
เมื่อเห็นว่าโห้หลีเฉินกำลังปกป้องเย้นหว่าน พวกเขาก็รู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเดิม
“ท่านประธาน เย้นหว่านกำลังวางแผนจัดการคุณ และทำให้คุณกลายเป็นแบบนี้ ทำไมคุณถึงยังปกป้องเธออยู่?”
“ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ภรรยาเมื่อสามปีก่อนของคุณแล้ว เธอตั้งใจที่จะทำลายคุณ ท่านประธานคุณตั้งสติหน่อย ตอนนี้อย่าเห็นแก่ความสัมพันธ์ของสามีและภรรยาเลย”
“จับตัวเย้นหว่านไว้ และบังคับให้ตระกูลเย้นวางมือ นี่คือวิธีจัดการปัญหาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด…อ่า…”
คนสุดท้ายคนนี้ยังไม่ทันได้พูดจบ เขาก็โดนโห้หลีเฉินเตะ จนเลือดออก และทำให้เขาลุกขึ้นยืนไม่ไหว
โห้หลีเฉินยืนอยู่ข้างๆ เขา ก่อนจะใช้แววตาของเขาที่ดูเลือดเย็น มองไปรอบๆ
“บริษัทก็ส่วนบริษัท เรื่องส่วนตัวก็ส่วนเรื่องส่วนตัว ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ยังไงเย้นหว่านก็เป็นภรรยาของผม ถ้าใครกล้าแตะต้องเธออีก หรือคิดที่จะแตะต้องเธอ ก็จะมีสภาพเหมือนกับเขา”
เมื่อเห็นคนที่นอนเลือดอาบเกือบตายอยู่บนพื้น พวกหุ้นส่วนทั้งหลายก็รู้สึกกลัว พวกเขารู้สึกโกรธมาก
“หญิงสาวที่สวยงามต่างก็เป็นต้นตอของปัญหาทั้งหมด!”
ในสมัยโบราณมีนางสนมที่ทำลายประเทศ และในปัจจุบันก็มีเย้นหว่านที่สามีของตัวเอง
เขาเป็นถึงประธานบริษัทตี้เหา ตั้งแต่เกิดเรื่องถึงตอนนี้โห้หลีเฉินก็ยังคงปกป้องเย้นหว่าน บริษัทตี้เหานี้จะยังมีความหวังอะไรกันอีก แล้วยังจะหวังให้เขามาช่วยบริษัทตี้เหาได้อย่างไร?
ล่มจม ทุกอย่างล่มจม
“ผมขอถอนตัวออกจากบริษัทตี้เหา ยังไงทุกอย่างก็ต้องล่มสลายอยู่แล้ว ไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด อย่างน้อยก็ทำให้ความเสียหายลดน้อยลง”
“คนในครอบครัวของผมทั้งคนแก่ทั้งเด็กก็ยังหวังพึ่งผมให้ไปเลี้ยงดู ในเมื่อคุณโห้ไม่ให้ความสำคัญกับบริษัทตี้เหาแล้ว ผมก็คงไม่ขออยู่ที่นี่ต่อไป ผมจะขายหุ้นทั้งหมดทิ้ง”
แต่ละคนต่างก็ประกาศว่าจะขายหุ้นส่วนทิ้งและถอนตัวจากบริษัท จากนั้นทุกคนก็ถอนหายใจออกและเดินจากไปด้วยความผิดหวัง
ไม่นาน คนก็หายไปกว่าครึ่ง
ส่วนคนที่ยังเหลืออยู่ก็รู้สึกไม่พอใจ ทุกคนต่างก็มองไปข้างหน้าแล้วก็ตั้งตารอคอย ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็จะไม่ถอนตัวไปเด็ดขาด
เย้นหว่านใช้สายตาที่ดูถูกมองไปยังคนพวกนั้น ก่อนจะพูดอย่างเยาะเย้ยว่า