หนึ่งวันได้ผ่านไปแล้ว
เก่อหรูซวนอยู่ในห้องประชุมที่ค่อนข้างเป็นความลับ เธอตลอดจนโยนแก้วน้ำแตกกระจุยกระจายลงจากเก้าอี้
” เห็นพูดว่าหานจื่อเป็นมนุษย์พันธุ์แกร่งไม่ใช่เหรอ? ทำไมออกไปตั้งสองวันแล้ว ยังไม่เอาตัวโห้หลีเฉินกลับมาอีก! ”
ชายวัยกลางถึงกับเหงื่อแตก
เขาพูดในท่าทีประนีประนอม ” เพราะถูกเจ้าป่ายฉีงั้นหลังเอาไว้ ป่ายฉีก็เป็นนักสู้มือดีเช่นกัน….. ”
” เขาถูกทำให้เป็นแผลเจ็บหนัก จะยังเป็นยอดฝีมือได้ยังไง! ”
เก่อหรูซวนอดไม่ได้ที่จะสบถคำด่าออกมา เธอโมโหหัวร้อนจนไปแทบลุก
เธอคิดไม่ตกเลยจริงๆ
หานจื่อเป็นมนุษย์พันธุ์แกร่งที่สุด ถึงแม้ว่าป่ายฉีจะเป็นคนที่มีฝีมือยอดเยี่ยมแค่ไหน แต่ยังไงเขาก็เจ็บหนัก ตอนนี้ถ้าต้องสู้รบตบมือกับหานจื่อ มันก็ต้องถ่วงแรงเขาไปบ้าง แต่ทำไมยังรับมือกับหานจื่อได้นานขนาดนี้กันนะ?
มันเป็นเพราะเขามีความสามารถและแข็งแกร่ง หรือปัญหามันอยู่ที่หานจื่อกันแน่?
เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้ว เก่อหรูซวนก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงโห้หลีเฉิน
เธอที่อยู่ข้างผู้ชายคนนี้มาถึงสองปี เธอรู้ดีว่าผู้ชายคนนี้มันฉลาดหลักแหลมและมีวิสัยทัศน์ เขามีกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่คับฟ้า ภายในระยะเวลาสองปีสั้นๆ ได้สร้างบริษัทแห่งหนึ่งออกมา ทำให้บริษัท ตี้เหา จำกัดโบยบินขึ้นไปด้วยความเร็วและไปถึงจุดสูงสุดในการเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ และเป็นอะไรที่ไม่สามารถมีใครบนโลกนี้สามารถทำมันออกมาได้เหมือนเขา
ตอนแรกเบื้องบนเลือกเขาก็พอเห็นในจุดจุดนี้ เบื้องบนคิดไม่ผิดเลยจริงๆ
แต่เห็นได้ชัดว่าแผนการชั้นเยี่ยมนี้ ได้ถูกขัดขวางทั้งหมดก็เป็นเพราะเย้นหว่าน ซึ่งเป็นผู้หญิงที่ไม่มีความเข้าใจแม้แต่เรื่องการค้าหรือการลงทุน เธอทำให้เรื่องราวมันยุ่งเหยิงไปหมด
แม้แต่ธุรกิจในประเทศมหาอำนาจ ก็ถูกหมินเหม และอาจถูกทำลายได้ตลอดเวลา
นี่มันเป็นเพราะความเก่งกาจของเย้นหว่าน หรือเป็นเพราะโห้หลีเฉินพบเจอกับเย้นหว่านเลยทำให้เขาอ่อนแอลง?
ถ้าพูดตามเหตุผล ก็ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น
หากมีแรบบิทกับชีวิตของเขาเอง เขาก็คงไม่อ่อนข้อให้ ยิ่งเมื่อเทียบกับคนอื่นแล้วก็คงไม่กล้าทำให้บริษัท ตี้เหา จำกัดต้องถล่มลงมาจนกลายเป็นสิ่งของในมือเย้นหว่านหรอก
หานจื่อก็เป็นนักฆ่าคนหนึ่งที่มีจิตใจเยือกเย็น ชีวิตหนึ่งสามารถจัดการได้ด้วยมือของเธอ คงไม่ตรงใจอ่อนข้อให้หรอก เพราะหากทำภารกิจไม่เสร็จสิ้น หลังจากที่เรากลับมาแล้ว และภารกิจนั้นล้มเหลว สิ่งที่เธอจะต้องเผชิญก็คือความตาย
ตามหลักแล้ว สองคนนี้ก็ไม่น่าจะจงใจหรอก แต่ถ้าเป็นยังไงแล้วก็ ถ้าเย้นหว่านแข็งแรงเกินไป เธอก็อาจจะรู้สึกว่าเหตุผลนี้มันเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป
พอเก่อหรูซวนมาลองคิดถึงเรื่องนี้ครั้งแรกแล้ว ในใจก็สับสนปนเปไปหมด แล้วเริ่มเกิดความไม่สบายใจ อยากจะจับหัวโจกนั้นมาให้ได้จริงๆ
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ยังไม่ทันที่เธอจะได้เข้าใจ ขนาดนั้นเอง ประตูห้องประชุมก็ถูกใครบางคนพังเข้ามาจากข้างนอก
ประตูที่ล็อกก็ถูกกระแทกจนพัง
ใครกันที่กล้าบุกเข้ามาถึงขนาดนี้?
เธอขมวดคิ้วและมองไป ก็พบกับเย้นหว่านที่ยืนเต๊ะท่าอยู่ตรงหน้าประตู และด้านหลังก็มีพนักงานรักษาความปลอดภัยกลุ่มหนึ่งยืนอยู่
เก่อหรูซวนตะโกนด่าด้วยความโกรธ ” เย้นหว่าน ทำอะไรของเธอ? ฉันกำลังทำธุระอยู่ที่นี่ เธอให้คนมาพังประตูเพื่ออะไร? ”
ตอนนี้เธอคงคิดว่า เย้นหว่านอาจจะเข้าใจว่ามีใครบางคนกำลังทำเรื่องไม่ดีบางอย่างในห้องประชุมแห่งนี้ ดังนั้นก็เลยจงใจพาคนมาบุกห้องประชุม เป้าหมายก็เพื่อขัดขวางตัวเธอไม่ให้คุยธุระที่ว่าต่อ นี่เป็นการหาเรื่องเธออย่างมาก
แต่กลับไม่นึกเลยว่า เย้นหว่านจะพูด:
” เก่อหรูซวน ถ้าโดนไล่ออกแล้ว และแน่นอนว่าฉันไล่เธอถึงที่เลยล่ะ ”
” อะไรนะ? ”
เก่อหรูซวนตกใจเลยไม่อยากจะเชื่อ แต่เธอก็ยังยิ้มอย่างเย้ยหยัน” เย้นหว่าน เธออย่าพูดมั่วไปไหนเลย จะไล่ฉันออกงั้นเหรอ เธอไม่มีสิทธิ์นั้นหรอก มีแค่ประธานคนเดียวที่จะไล่ฉันออกได้ ”
เย้นหว่านยิ้ม ” ขอโทษทีนะ พอดีเมื่อกี้ฉันเป็นคนที่มีหุ้นสูงที่สุดน่ะ ตอนนี้ฉันเป็นประธานของบริษัท ตี้เหา จำกัดแล้ว ”
เก่อหรูซวนแข็งทื่อไปทั้งตัว เพิ่งสูญเสียเรี่ยวแรงจนต้องรวมตัวเราไปนั่งกับเก้าอี้
นี่พวกเขาเสียแรงขวางโดยเปล่า หรือยื้อยุดตัวเย้นหว่านเอาไว้ไม่ได้จนทำให้เธอกลายเป็นประธานของบริษัท ตี้เหา จำกัด! บริษัทนี้ มันคงไม่ตกถึงมือเธอทั้งหมดหรอก ”
เก่อหรูซวนกัดฟันด้วยความโกรธ
ถึงแม้จะเป็นหุ้นที่สูงที่สุด แต่ก็ยังมีหุ้นของคนอื่นผสมอยู่ แรงการจัดการก็ยังคงฝังอยู่ในตัวบริษัท อีกอย่างหนึ่งในนั้นก็คงมีส่วนที่ต่อต้านอยู่ด้วย
และพร้อมที่จะดึงเย้นหว่านลงมาได้ตลอดเวลา
เย้นหว่านยิ้มเย็น และพูดด้วยความสะใจถึงขีดสุด” ใครบอกว่าฉันจะยึดครองบริษัทแห่งนี้งั้นเหรอ? ”
” ฉันไม่ได้สนใจบริษัท ตี้เหา จำกัดเลยสักนิด ฉันรู้ว่าพวกเธอมีกำลังที่จะควบคุมบริษัทนี้ ภายในเวลาอันสั้นฉันคงสู้ไม่ไหวแน่ ดังนั้นฉันก็เลยตัดสินใจที่จะทำลายบริษัท ตี้เหา จำกัดยังไงล่ะ ”
คำพูดที่ดูเสียสตินี้ ถูกเย้นหว่านพูดโดยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน
การทำลายกิจการระหว่างประเทศที่ยิ่งใหญ่นี้ ก็พอที่จะทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกสั่นคลอนได้ สำหรับเธอแล้ว หนังตาไม่ได้กระตุกเลยแม้แต่น้อย
ใช่แล้ว ถึงไม่มีบริษัท ตี้เหา จำกัด เธอก็ยังเหลือตระกูลเย้น และก็เป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่และแข็งแรง เดิมทีก็ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกใบนี้อยู่แล้ว
ชีวิตอันโชติช่วงของเธอต่อจากนี้ แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องหมกมุ่นกับการจับบริษัท ตี้เหา จำกัดให้เสียเวลา
แต่สำหรับเก่อหรูซวนองค์กรของเธอ บริษัท ตี้เหา จำกัดคือความหวังของพวกเธอทุกคน มันคือเลือดเนื้อทั้งหมดที่ทุ่มเทไว้เพื่ออนาคต
หากบริษัท ตี้เหา จำกัดถูกทำลายล้างไป สิ่งที่พวกเขาทำมาตลอดสามปี ที่จะทำเพื่อพลิกเกมก็ไร้ความหมาย
เก่อหรูซวนเย็นไปหมดทั้งตัว ไม่เห็นท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวของเย้นหว่าน ก็ทำให้รู้สึกได้ว่า คนเรามันช่างต่างกันเหลือเกิน
ถึงแม้ว่าเธอจะมีความสามารถที่แข็งแกร่ง และถึงแม้ว่าในองค์กรเธอจะได้รับความสำคัญ และแม่เธอจะขยันแค่ไหน แต่สิ่งที่เธอพยายามทั้งหมดมันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่เย้นหว่านมีอยู่แล้ว
เธอมีตระกูลเย้น ก็เหมือนกับมีโลกทั้งใบ มีอำนาจทั้งหมดเป็นทุนเดิมโดยไม่ต้องยำเกรงใคร
ผู้หญิงคนนี้อาจจะทำตัวกำเริบเสิบสาน ทำร้ายเธอและองค์กรจนรับมือไม่ทันอย่างแน่นอน
เก่อหรูซวนใจสั่นสะท้าน สะท้านจนถึงขีดสุด
เย้นหว่านยังคงยืนพิงประตู บนใบหน้านั้นปรากฏรอยยิ้มที่แสดงถึงชัยชนะ ” เก่อหรูซวน ของของเธอนะฉันช่วยเก็บใส่กล่องให้เรียบร้อยและก็โยนมันไว้ตรงทางเข้าบริษัทแพนเธอแล้วนะ ตอนนี้ก็เหลือแค่เธอ เธอจะไสหัวออกไปเองหรือว่าต้องให้ฉันเรียกคนมาโยนเธอออกไปข้างนอกล่ะ? ”
เก่อหรูซวนโกรธจนตัวสั่น ” เย้นหว่านแม้เธอจะอยากไล่ฉันออก ยังไงก็ต้องทำตามขั้นตอนสิ! ”
จู่ๆ จะมาไล่เธอออกแบบนี้ งานต่างๆ ที่อยู่ในการควบคุมของเธอทั้งหมดตอนนี้ก็ต้องขาดตอนไปดื้อๆ
แบบนี้มันยิ่งทำให้สถานการณ์ยุ่งยากไปมากกว่าเดิมอีก
” ฉันเป็นประธานของที่นี่ จะทำหรือไม่ทำตามขั้นตอนฉันเป็นคนสั่งเอง ”
เย้นหว่านบอกไม้โบกมือ ” ดูเหมือนว่าเธอคงไม่อยากจะออกไปเองสินะ ถ้างั้นก็ดี ฉันจะได้ให้คนพาเธอโยนออกไป ”
ว่าได้ยินเธอพูด พนักงานรักษาความปลอดภัยสี่ห้าคนก็กรูกันเข้ามาจากข้างนอก และจับตัวของเก่อหรูซวนเอาไว้อย่างรวดเร็ว
” ไอ้พวกบ้า พวกแกมาโดนตัวฉันนะ ไสหัวไป! ”
เก่อหรูซวนโกรธจนจิกตีไปที่พวกเขา แต่ถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยล็อกมือทั้งสองข้างเอาไว้ อย่างนั้นก็โดนกดแล้วลากออกไป
หญิงสาวที่โดนกดจนต้องงอตัวนั้น ได้เงยหน้ามองเย้นหว่านจากข้างล่าง
เธอโกรธและรู้สึกอับอาย
” เย้นหว่าน เธอบอกให้คนปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ปล่อยฉันนะ เธอไม่มีทางรู้หรอกว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับอะไร ”
เธอร้องตะโกนโวยวายเสียงดัง
เย้นหว่านไม่ได้มีท่าทีสนใจเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเดินสาวเท้านำไปยังลิฟต์
กลุ่มคนมากมายได้มุงกันเต็มประตูทางเข้าบริษัท ตี้เหา จำกัด
มีใครคนหนึ่งโดนกดเอาไว้ แล้วคนนั้นก็ยังเป็นเก่อหรูซวนอีกด้วย ภายในชั่วพริบตาก็ถูกได้รับความสนใจจากผู้คนรอบข้าง สายตาของพนักงานทุกคนทั่วบริเวณ และซุบซิบกันเป็นระยะ
เย้นหว่านก็ไม่ไว้หน้า ไม่มีเคล้าที่จะแสดงถึงการปิดบังได้อย่างใด แต่ยังคงทำต่อเรื่องความอวดดีจนถึงที่สุด
เธอสั่งให้คนพาเก่อหรูซวนไปทิ้งไว้นอกบริษัท แล้วเธอก็ยืนอยู่ตรงประตูนั้น ด้วยท่าทีที่เหมือนราชินีเอาแต่ใจ
” เก่อหรูซวน เธอไสหัวไปได้แล้วล่ะ ”