จนกระทั่งได้วิ่งออกมาจากชั้นใต้ดินในที่สุด ถึงสถานที่โดยรอบที่ไม่มีแม้แต่ต้นไม้สักต้นเดียว โห้หลีเฉินถึงได้ระงับอารมณ์ตัวเองแล้วกล่าวกับเย้นหว่านว่า :
“แรบบิทถูกผมใช้วิธีพิเศษทำการแช่แข็งไว้แล้ว ต่อให้ฝู้ยวนจะทำการกดปุ่มสวิตช์ แรบบิทก็ไม่มีทางเสียชีวิต”
อะไรนะ
เย้นหว่านที่สิ้นหวังราวกับถูกคนดึงขึ้นมาจากความมืดอีกครั้ง ดวงตาเบิกกว้าง “คุณพูดจริงหรือเปล่า”
โห้หลีเฉินพยักหน้าแรงๆ “จริง จริงแท้ที่สุด”
นับตั้งแต่ที่รู้ว่าชีวิตของแรบบิทอยู่ในกำมือของเจมส์กับฝู้ยวน โห้หลีเฉินก็คิดวางแผนเรื่องนี้มาโดยตลอด
เรื่องที่เขาทำ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของลูกสาว เขาจะต้องเหลือทางสองทางไว้ให้ตัวเองได้เดินเสมอ
ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่กล้าทำบุ่มบ่ามกับพวกฝู้ยวน ก็เพราะพลังส่วนใหญ่ของตัวเองอยู่ในกำมือของพวกเขา โดยที่รอบๆ ล้วนคอยถูกเฝ้าสังเกต แค่เขาขยับตัว ก็จะถูกพวกฝู้ยวนคอยจับพิรุธ ความเร็วในการย้ายรังของพวกเขา จะต้องเร็วกว่าการมาถึงของเขาอย่างแน่นอน
มีจุดสำคัญอีกจุดหนึ่ง ถึงแม้ว่าเขาจะลงมือแล้วก็ตาม ก็ไม่เห็นว่าฝู้ยวนจะเปิดเผยว่าปุ่มสวิตช์อยู่ที่ไหน ต่อให้เขาสังหารพวกเขาทั้งหมด ชิปก็อาจจะตกไปอยู่ในมือของคนอื่นได้ และแรบบิทก็ยังตกอยู่ในภัยอันตรายเหมือนเดิม
สถานการณ์ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว
เจมส์เสียชีวิต ชิปถูกทำลาย ปุ่มควบคุมสวิตช์ที่อยู่ในมือของฝู้ยวน ก็ชัดเจนแล้วว่าอยู่ที่ใด ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังไม่สามารถจับตัวฝู้ยวนได้ แต่ว่าเป้าหมายได้ชัดเจน ขอเพียงสามารถจับตัวเขามาได้ แล้วสังหารซะ แรบบิทก็มีทางรอดแล้ว
เย้นหว่านได้ฟังคำเหล่านี้ ราวกับเกิดใหม่อีกครั้ง เธอทั้งหัวเราะและร้องไห้ กอดโห้หลีเฉินไว้แน่นไม่ยอมปล่อยมือ
“ขอบคุณนะ ขอบคุณ”
เสียงของเธอสะอึกสะอื้นสุดขีด สวรรค์รู้ว่าเธอในตอนนี้โชคดีมากแค่ไหน โชคดีที่มีโห้หลีเฉินเตรียมการไว้อย่างรอบคอบ คอยปกป้องแรบบิทอย่างดี
ไม่อย่างนั้นลูกสาวของเธอ ตอนนี้ก็คงถูกฝู้ยวนสังหารไปแล้ว
“แรบบิทอยู่ไหน คุณพาฉันไปหาเธอหน่อย ฉันต้องการอยากเจอเธอเดี๋ยวนี้”
ตอนนี้ทั้งสองคนได้พูดเปิดอกกันหมดแล้ว เบาะแสของลูกสาวจึงไม่ใช่ความลับที่ต้องห้ามอีกต่อไป
แต่ โห้หลีเฉินกลับยังคงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าค่อนข้างลำบากใจ
เขากล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า :”คุณก็รู้ว่าถูกฉีดสารพิษเข้าจิตประสาท ถ้าหากพวกเขาใช้วิธีพิเศษ เบาะแสของแรบบิทก็จะถูกบีบเค้นออกมา ดังนั้น ผมเองก็ไม่รู้ว่าแรบบิทอยู่ที่ไหน ผม……”
เย้นหว่านเย็นวาบไปทั้งตัวในบัดดล “คุณไม่รู้เหรอ เป็นไปไม่ได้ โห้หลีเฉิน ที่คุณบอกว่าแรบบิทถูกแช่แข็งไว้ยังไม่เสียชีวิต คุณโกหกฉันใช่ไหม!”
แล้วเธอก็นึกถึงความเป็นไปได้นี้ทันที รู้สึกว่าท้องฟ้ากำลังจะถล่มทลายลงมาแล้ว
เธอไม่ต้องการคำโกหกเพื่อให้รู้สึกดี เธอเพียงต้องการให้แรบบิทยังมีชีวิตอยู่ ให้ลูกสาวของเธอปลอดภัย
“คุณอย่าเพิ่งใจร้อน คุณฟังผมพูดให้จบก่อน”
โห้หลีเฉินรีบจับไหล่เย้นหว่านไว้ กลัวว่าเธอจะยิ่งทำให้ตัวเองตกใจ “ผมไม่รู้ว่าแรบบิทอยู่ที่ไหน แต่ว่ามีคนคนหนึ่งที่รู้”
“ใคร” เย้นหว่านรีบถามขึ้น
โห้หลีเฉินมองเธอด้วยแววตาเคร่งขรึม “ฉู่หยุนซี”
ใบหน้าเย้นหว่านตะลึงงัน “เขาจะรู้ได้อย่างไร”
“ตอนนั้นหลังจากที่ผมสืบหาตัวคุณเจอ ก็ได้ทำการตรวจสอบเบื้องหลังของฉู่หยุนซี รู้ว่าเขามีเครือข่าวกรองและระบบการเฝ้าสังเกตที่แข็งแกร่ง ในเมื่อเขาได้เฝ้าสังเกตผมอยู่นานแล้ว ต่อให้จะซ่อนแรบบิทไว้บนดวงจันทร์ เขาก็จะต้องรู้อย่างแน่นอน ดังนั้นหลังจากที่ผมได้ส่งคนออกไปแล้ว ก็ได้มอบภารกิจแก่พวกเขา คือห้ามติดต่อกับผมอีก ผมไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน แต่ว่าฉู่หยุนซีจะต้องรู้อย่างแน่นอน”
เย้นหว่านมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ก็ไม่รู้ว่าจะสรรหาอะไรมาพูดอีก
นี่ต้องมีความมั่นใจเพียงใด หรือว่าสิ้นหวังเพียงใด ถึงได้กล้าปล่อยให้แรบบิทกับหยูเซิงออกไปในสถานที่ที่ตัวเองก็ไม่สามารถหาเจอได้
ตอนนี้ต้องการจะหาตัวลูกทั้งสองคนกลับมา ยังต้องให้คนแปลกหน้าช่วยตามหา
โชคดีที่ความสัมพันธ์ของเธอกับฉู่หยุนซีค่อนข้างดี
“แต่ว่าคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าฉู่หยุนซีคนนี้เป็นคนดีหรือคนไม่ดี เขาจะลงมือทำอะไรแรบบิทลับหลังคุณหรือเปล่า หรือถ้าหากเขาไม่ช่วยคุณตามหาลูก แล้วคุณจะทำอย่างไรต่อไป”
ยังมีอีกหนึ่งอย่าง ที่เย้นหว่านไม่ได้พูดออกมา คือเธอรู้สึกใจคอไม่ดี โห้หลีเฉินจะร่วมมือกับฉู่หยุนซีโกหกเธอไหม ว่าความจริงแล้วลูกๆ นั้น……
“ฉู่หยุนซีได้จับตัวคุณ บนโลกใบนี้ไม่มีใครที่เป็นตัวประกันหรือหมากที่ดีไปกว่าคุณอีกแล้ว เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลงมือแรบบิทกับหยูเซิง อีกอย่างเขาไม่ช่วยผมง่ายๆ แน่ แต่ว่าข้อเสนอที่เขายื่น บางทีผมอาจจะช่วยทำสำเร็จได้”
โห้หลีเฉินกล่าวอย่างให้คำมั่นสัญญา
ที่แท้เขานั้นได้วางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้ว
เย้นหว่านจึงได้ถามขึ้นอีก “คุณมั่นใจขนาดนี้ คงน่ารู้ว่าเขาต้องการยื่นข้อเสนออะไร”
เธอสังเกตเห็นโห้หลีเฉินดูเหมือนจะเข้าใจฉู่หยุนซีดีกว่าเธอ
ไม่ใช่สิ เธอนั้นไม่เข้าใจฉู่หยุนซี เลย เพียงแต่แค่ใช้ชีวิตร่วมกันสามปีเท่านั้นเอง คอยบริการเขาเหมือนกับสาวรับใช้ สิ่งที่รู้ก็แค่ชีวิตประจำวันของเขา และความสง่ากับรอยยิ้มเท่านั้น
แต่ว่าทุกคนไม่ได้มีปากกับใจที่ตรงกัน โดยเฉพาะฉู่หยุนซี
แท้จริงเขาเป็นคนแบบไหน เย้นหว่านก็ไม่เคยรู้ เขาก็ไม่เคยปล่อยให้เธอมีโอกาสไปสัมผัสคลุกคลีกับเขา
โห้หลีเฉินพยักหน้า
“ก็น่าจะพอรู้”
“ข้อเสนออะไร” เย้นหว่านรีบถามขึ้น
โห้หลีเฉินกลับยิ้มแล้วโอบกอดเย้นหว่านไว้ แล้วพาเธอไปที่ด้านข้างรถ “ไปแล้วคุณก็จะรู้เอง ไปกันเถอะ พาผมไปหาเขา”
เย้นหว่านอยากจะถามให้รู้เรื่อง แต่เห็นโห้หลีเฉินไม่มีทีท่าอยากจะอธิบายให้ชัดเจน จึงครุ่นคิดและก็อดกลั้นไว้
เรื่องที่สำคัญที่สุดเธอก็รู้แล้ว อีกสักครู่เมื่อเจอกับฉู่หยุนซีแล้ว เธอก็จะรู้เอง
หลังจากที่เย้นหว่านอธิบายให้เย้นโม่หลินกับถังจุ้ยแล้ว ก็ให้พวกเขาจัดการเรื่องราวที่เหลือ ตามสังหารฝู้ยวน แล้วถึงได้จากไปพร้อมกับโห้หลีเฉิน
ณ ปราสาทหรูหราบนหินปะการังริมทะเล
เมื่อมองไป ก็ประหนึ่งกับบ้านมหาเศรษฐีที่ดูเรียบง่าย ไม่มีแม้แต่คนเฝ้ารักษาการณ์ มีเพียงความหรูหราและความงดงาม
ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่พักชั่วคราวของฉู่หยุนซี
ต่อมาก็ได้ย้ายมาพักอาศัยอยู่ที่นี่ น่าจะเพื่อความสะดวกในการจัดการกับเมืองหนาน และเพื่อที่เธอสะดวกกลับมาหาเขาเมื่อมีปัญหา
ถึงแม้ว่าที่นี่ดูจากภายนอกแล้วเหมือนจะไม่มีคนเฝ้ารักษาการณ์ เงียบสงบตลอดทั้งปี แต่เย้นหว่านนั้นรู้ว่า มีคนที่ฝีมือเยี่ยมยอดไม่น้อย ซ่อนอยู่ในที่ลับ
หากว่ามีคนนอกพยายามจะบุกรุก ถ้าไม่โดนไล่ตะเพิดออกไป ก็จะต้องเสียชีวิตอยู่ที่นี่ แล้วทิ้งศพไว้ในที่รกร้าง
แต่แล้ว สิ่งที่ทำให้เย้นหว่านประหลาดใจก็คือ เธอพาโห้หลีเฉิน‘คนแปลกหน้า’เดินเข้าไป กลับไม่มีคนขวางเธอทั้งตลอดเส้นทาง
คนเหล่านั้นย่อมไม่ขวางเธอ แต่ทำไมแม้แต่โห้หลีเฉินก็ไม่มีการขวาง
น่าแปลก
เกิดความสงสัยในใจ และเย้นหว่านก็เกิดความระมัดระวังยิ่งขึ้น ถึงแม้จะรู้ว่าฉู่หยุนซีไม่มีทางทำร้ายเธอ แต่ก็ไม่สามารถการันตีว่าเขาจะไม่ทำร้ายโห้หลีเฉิน
เพราะว่าเขารู้ทุกอย่าง และก็ยิ่งรู้ว่าพวกฝู้ยวนกบดานอยู่ที่ไหน แต่กลับไม่เคยให้ความช่วยเหลือ
เย้นหว่านไม่เคยรู้ว่าในสมองของฉู่หยุนซีนั้นคิดอะไรอยู่
ขณะที่ครุ่นคิด เย้นหว่านได้เดินผ่านห้องโถงของปราสาท และเดินมาถึงหน้าประตูกระจกบานใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง แล้วก็เห็นถึงแผ่นหลังของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ริมชายหาด