เจอตัวฉู่หยุนซีแล้ว
เย้นหว่านจิตใจตั้งมั่นแล้วหันไปมองโห้หลีเฉิน จากนั้นกล่าว “เขาก็คือฉู่หยุนซี ไป พวกเราเดินเข้าไปหาเขากัน”
เย้นหว่านพาโห้หลีเฉินเดินไปที่ริมชายหาด แล้วได้มายืนอยู่ที่ด้านหน้าของฉู่หยุนซี
เมื่อเห็นโห้หลีเฉิน ฉู่หยุนซีก็ไม่รู้สึกประหลาดใจ กลับยื่นมือออกมาอย่างสุภาพสง่างาม “สวัสดีครับ คุณโห้”
ทันทีที่ยื่นมือออกไป เขากก็รีบชักกลับทันที ราวกับคิดอะไรได้บางอย่าง จากนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ลืมไปเลยว่าคุณโห้ไม่ชอบการสัมผัสกับคน ขออภัยที่เสียมารยาท”
“ไม่เป็นไรครับ” โห้หลีเฉินพยักหน้าอย่างสุภาพ “ผมต้องขอบคุณคุณฉู่ต่างหาก ที่สามปีมานี้คอยดูแลภรรยาผม”
“คุณไม่ตำหนิที่ผมกักขังภรรยาของคุณไว้ไม่ปล่อย ผมก็ต้องขอบคุณฟ้าขอบคุณดินแล้ว”
มุมปากของฉู่หยุนซียกรอยยิ้มขึ้น น้ำเสียงผ่อนคลายซ่อนด้วยการหยอกล้อ
เห็นบรรยากาศผ่อนคลายและเข้ากันได้ดิบได้ดีของชายหนุ่มทั้งสองคน เหมือนกับเพื่อนที่ไม่เจอกันมาหลายปี ทำให้เย้นหว่านอึ้งตะลึงไปครู่หนึ่ง นี่พวกเขาเพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรกนะ
ราวกับมองออกถึงความสงสัยของเย้นหว่าน ฉู่หยุนซีจึงยิ้มแล้วกล่าวกับเย้นหว่าน
“ผมกับคุณโห้เจอกันครั้งแรกกันก็จริง แต่ว่าพวกเรานั้นสื่อสารกันทางจิตมานานแล้ว”
โห้หลีเฉินไม่ได้แสดงการเห็นด้วยหรือปฏิเสธกับประโยคนี้
ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเห็นหน้ากัน และก็ไม่เคยปะทะกองกำลังกัน แต่ว่าเครือข่ายข่าวกรองของทั้งสองนั้นเข้มแข็งที่สุดในโลก ในอาณาเขตเหมือนกัน เป็นธรรมดาที่จะต้องสื่อสารการทางจิตมานาน
โห้หลีเฉินสืบรู้มานานแล้วว่าฉู่หยุนซีกักขังเย้นหว่าน ฉู่หยุนซีก็รู้เรื่องราวทั้งหมดของโห้หลีเฉิน
เย้นหว่านค่อนข้างหงุดหงิด มองทั้งสองคนที่เหมือนเสียดายที่รู้จักกันช้าไปและยังกล่าวทักทายถามไถ่สารทุกข์กันอีกยาวอีก เธอจึงรอต่อไปไม่ไหว และรีบถามขึ้น :
“ฉู่หยุนซีคุณรู้ไหมว่าลูกของฉันอยู่ที่ไหน”
ฉู่หยุนซีพยักหน้า
เย้นหว่านดีใจ เป็นอย่างที่โห้หลีเฉินคิดไว้ไม่มีผิด
เธอดีใจและรีบถามขึ้นต่อ “รีบบอกฉันมาสิว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน”
เย้นหว่านแทบรอไม่ไหวที่จะไปตามหาลูก
“แรบบิทถูกแช่แข็งผนึกไว้แล้ว เว้นแต่น้ำแข็งละลาย ไม่อย่างนั้นทุกสิ่งทุกอย่างจากโลกภายนอกไม่สามารถทำร้ายเธอได้ คุณวางใจได้เลย ลูกสาวคุณปลอดภัยดี”
ก่อนหน้านี้ฉู่หยุนซีไม่เคยติดต่อกับโห้หลีเฉิน ตอนนี้เขาพูดเรื่องแช่แข็ง ก็เพียงพอที่จะยืนยันได้แล้วว่าโห้หลีเฉินไม่ได้โกหก และเขาก็รู้ว่าลูกๆ อยู่ที่ไหน อีกทั้งยังรู้สภาพการณ์เป็นอย่างดี
และเขาก็ได้กล่าวต่อ “แต่ จะให้บอกว่าลูกๆ ของพวกคุณอยู่ที่ไหนนั้น พวกคุณจะต้องช่วยผมทำเรื่องสักเรื่องก่อน ผมถึงจะบอก”
เป็นไปตามที่โห้หลีเฉินคาดการณ์ไว้
ฉู่หยุนซีน่าจะรู้แล้วว่าโห้หลีเฉินจะต้องมาหาเขา ดังนั้นถึงได้รออยู่ที่นี่ เตรียมการเพื่อดำเนินการแลกเปลี่ยนครั้งนี้
เย้นหว่านใจรุ่มร้อนต้องการที่จะเจอลูกๆ ให้โดยเร็วที่สุด จึงได้แย่งพูดขึ้น:”คุณพูดมา”
โห้หลีเฉินได้เตรียมพร้อมตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่ว่าเขาจะเป็นข้อเสนออะไรมา ก็จะรับปากและยินดีที่ไปทำ ไม่จำเป็นต้องปรึกษาเย้นหว่านหรือถามความคิดเห็นเธออีก
รอยยิ้มบนมุมปากของฉู่หยุนซีเย็นชาเล็กน้อย เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม:
“ผมต้องการให้พวกคุณจับท่านอาวุโสเจ็ดของตระกูลหยูมาให้ผม”
“ท่านอาวุโสเจ็ด?”
เย้นหว่านตกใจ ผู้ชายสมถะที่ไม่สนเรื่องโลกภายนอกคนนั้น หลังจากที่ตระกูลหยูถูกทำลายล้างทั้งตระกูล หลายปีมานี้ก็ไม่เคยได้ยินหรือได้เห็นเขาอีก
และถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในตระกูลหยูที่มีอำนาจล้นฟ้า แต่ว่าเขาก็อ่อนน้อมถ่อมตนมาโดยตลอด ไม่ไปมีเรื่องบาดหมางกับใคร ทำไมถึงไปมีความแค้นกับฉู่หยุนซีได้
เห็นความเกลียดเคียดแค้นในแววตาของฉู่หยุนซีแล้ว ยังดูเหมือนเป็นความแค้นที่ฝังลึกเสียด้วย
เย้นหว่านจึงถามเขา “ท่านอาวุโสเจ็ดไปทำอะไรให้คุณ”
แววตาของฉู่หยุนซีเย็นชายะเยือก มือกำเป็นหมัดแน่น เผยให้เห็นถึงแรงอาฆาตที่น่ากลัว
สักพัก เขาถึงข่มอารมณ์ลงไปแล้วกล่าวขึ้นอย่างราบเรียบ:
“อันนี้ผมบอกกับพวกคุณไม่ได้ แต่ผมสามารถบอกกับคุณได้ว่า ที่ผมขังคุณแล้วก็ปล่อยคุณออกไป ชักนำคุณให้สังหารเจมส์กับฝู้ยวนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เป้าหมายก็เพื่อต้องการให้พวกคุณช่วยหาตัวท่านอาวุโสเจ็ด”
ที่แท้นี่เป็นเป้าหมายของฉู่หยุนซี
ถึงว่าเย้นหว่านไม่เคยรู้สึกถึงความเป็นปฏิปักษ์จากฉู่หยุนซีเลย และก็ไม่เคยทำร้ายเธอ เพราะว่าเป้าหมายของพวกเขาไม่เหมือนกัน แต่ดันเป็นเพื่อนกับอีกฝ่าย
ท่านอาวุโสเจ็ดกับฝู้ยวนมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมาก หากว่าจับตัวฝู้ยวนได้ บางทีก็อาจจะตามหาเบาะแสของท่านอาวุโสเจ็ดเจอ
เพียงแต่ เย้นหว่านมีความสงสัยอย่างหนึ่ง
“เครือข่ายข่าวกรองของคุณแข็งแกร่งขนาดนั้น ทำไมถึงหาท่านอาวุโสเจ็ดไม่เจอ”
แม้แต่เรื่องตอนที่เธอต้องการตายจะไปกับหยูฉู่สองในขุมทรัพย์นั้น ฉู่หยุนซียังสืบรู้มาจนได้ อีกทั้งยังลงมือช่วยเธอไว้อีก เธอจึงไม่เข้าใจว่าท่านอาวุโสเจ็ดจะเล็ดลอดไปจากสายตาของเขาได้อย่างไร
ฉู่หยุนซียิ้มเศร้า “รอคุณจับเขามาได้แล้ว ความสงสัยนี้ของคุณก็จะได้รับความกระจ่างเอง”
ความหมายก็คือ จะยังไม่บอกตอนนี้
เย้นหว่านเองก็ไม่อยากจะเสียเวลาเสียแรงไปกับคำถามแบบนี้ จึงหันหน้าไปทางโห้หลีเฉิน “คุณโห้ คุณสามารถจับท่านอาวุโสเจ็ดได้ไหม”
โห้หลีเฉินพยักหน้า “ได้”
เมื่อได้รับคำยืนยันจากเขา เย้นหว่านก็เบาใจ จากนั้นก็ยิ้มตาหยีมองฉู่หยุนซี
ทำตาแบ๊วมองเขาปริบๆ “พี่ฉู่จ๊ะ……”
ฉู่หยุนซี:”……” สั่นไปทั้งตัว มองโห้หลีเฉินด้วยความตกใจกลัว
โห้หลีเฉิน:”……” เย็นวาบไปทั้งตัว ดวงตาเย็นยะเยือกทิ่มไปทางฉู่หยุนซี
บรรยากาศของชายหนุ่มทั้งคู่ได้กลายเป็นความน่ากลัวขึ้นทันที แต่เย้นหว่านราวกับไม่รู้สึก ยังคงมองฉู่หยุนซีด้วยใบหน้าที่ยิ้มอย่างมีความสุข
“พี่ฉู่จ๊ะ คุณดูสิโห้หลีเฉินรับปากแล้วว่าจะจับตัวท่านอาวุโสเจ็ดมาให้คุณ พวกเราสองคนก็สนิทกันขนาดนั้น คุณเห็นแก่ความคิดถึงที่ฉันมีต่อลูกสาว บอกที่อยู่ของแรบบิทให้กับฉันก่อนได้ไหม ฉันคิดถึงเธอจริงๆ ฉันอยากจะไปดูเธอ”
รู้ว่าแล้วว่าผู้หญิงคนนี้จู่ๆ ออดอ้อนออเซาะทำหน้าแบ๊ว จะต้องไม่มีเรื่องดีอย่างแน่นอน
ฉู่หยุนซีควบคุมรถเข็นแล้วถอยหลังออกไปสองสามเมตร ด้วยใบหน้าที่เย็นชา จริงจังและไร้ความปรานี
“อย่ามาทำตัวสนิทกับผมมากเกินไป ผมไม่มีความเป็นพี่เป็นน้องกับคุณ ผมสามารถกักขังคุณอย่างเย็นชาไร้ความปรานีมาสามปี ก็จะสามารถใจร้ายไม่บอกที่อยู่ของแรบบิทให้กับคุณได้ตลอดชีวิต คุณไปเอาเวลาไปตามหาท่านอาวุโสเจ็ดเถอะ มาใช้วิธีนี้กับผมไม่ได้ผลหรอก”
ใจร้าย เลือดเย็น ไร้ความปรานี ก็คงจะมีแต่ฉู่หยุนซีคนเดียวเท่านั้น
เย้นหว่านหรี่ตา “พี่ฉู่จ๊ะ คุณกลัวว่าโห้หลีเฉินจะหึง แล้วฆ่าคุณโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้นเหรอ คุณอย่ากลัวไปเลยนะ คุณโห้ไม่ได้เป็นคนใจแคบขนาดนั้น อีกอย่าง สามปีมานี้พวกเราก็ไม่ได้ทำอะไรกัน ฉันก็แค่รับใช้ดูแลอาหารวันละสามมื้อ อาบน้ำใส่เสื้อผ้าให้……”
“ฉู่หยุนซี!”
คำพูดของเย้นหว่านยังไม่ทันจบคำ โห้หลีเฉินก็ตวาดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมที่เล็ดลอดมาจากไรฟัน
ใบหน้าของเขาดำทะมึน ทางสามก้าวแต่ย่างเดินเพียงสองก้าวเท่านั้น กระโจนมาที่ด้านหน้าของฉู่หยุนซี มือที่กว้างใหญ่ได้กระชากคอเสื้อของเขาไว้ แทบจะยกเขาขึ้นมาจากรถเข็น
“นี่คุณกล้าให้เย้นหว่านเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำให้คุณเหรอ คุณไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วใช่ไหม!”
ฉู่หยุนซีขมขื่นในใจ แล้วจ้องถลึงตาใส่เย้นหว่าน
เขากล่าวอธิบาย “คุณอย่าไปฟังเธอพูดจาไร้สาระ ผมจะให้เธอทำเรื่องแบบนั้นทำไม ผมไม่ได้โรคจิตที่ชอบโชว์เรือนร่างให้ผู้หญิงดู”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ เย้นหว่านก็เริ่มแสร้งทำเป็นปาดน้ำตา “ใช่ ฉันจำผิดเอง คุณไม่ได้ทำ คุณไม่ได้……”