เย้นหว่านจึงหยุดชะงักเท้าทันใด
แล้วเธอก็รีบกล่าวขึ้น “คุณอย่าทำอะไรนะ ท่านอาวุโสเจ็ดอยู่ในมือของพวกเรา!”
หญิงสาวได้ยินดังนั้น ก็หยุดชะงักทันที จากนั้นมองไปทางด้านหลังของเย้นหว่านอย่างระมัดระวัง
แล้วก็เห็นท่านอาวุโสเจ็ดถูกคนคุมตัวพาเดินเข้ามา เธอรีบตะโกนขึ้น “ท่านอาวุโสเจ็ด!”
ในขณะที่เธอพูด กริชในมือของเธอยังคงจี้อยู่ที่คอของโห้หลีเฉิน แต่ด้วยความตื่นตระหนกลนลาน กริชจึงกรีดโดนหนังที่คอของโห้หลีเฉิน
ตัวเย้นหว่านตึงเครียดยิ่งขึ้น แววตาจ้องตรงไปที่โห้หลีเฉิน
ใบหน้าของเขาขาวซีด เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส นอนสลบไสลไม่มีสติ
เย้นหว่านดีใจที่เขายังมีชีวิตอยู่ แต่ก็เจ็บปวดใจที่เขาได้รับบาดเจ็บ
เธอกำหมัดแน่น ข่มตัวเองให้ใจเย็นไว้ แล้วกล่าวกับท่านอาวุโสเจ็ด “ปล่อยโห้หลีเฉิน แล้วฉันจะปล่อยคุณ”
ผู้อาวุโสเจ็ดยิ้มอย่างเย็นชา “ถ้าหากว่ากูปล่อยโห้หลีเฉินตอนนี้ กูก็จะต้องตายอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน”
“คุณจะเอายังไง” เย้นหว่านถาม
เธอยังคงความสงบไว้ น้ำเสียงสุขุมเยือกเย็น แต่สวรรค์รู้ว่าในใจเธอตอนนี้กระวนกระวายมาก อยากจะฆ่าหญิงสาวคนนั้นเหลือเกิน และอยากจะวิ่งเข้าไปหาโห้หลิเฉิน
ท่านอาวุโสเจ็ดกล่าว “ปล่อยกูก่อน บนตัวของโห้หลีเฉินมีกับดักระเบิดเวลาอยู่ กูจะติดตั้งเวลาไว้ เมื่อกูปลอดภัยแล้ว ก็จะทำการหยุดเวลา มึงสามารถตรวจเช็กโปรแกรมที่กูตั้งว่าถูกต้องไหม เช่นนี้ทั้งสามารถรับประกันความปลอดภัยของมัน และก็สามารถรับประกันความปลอดภัยของกูด้วย”
เย้นหว่านหันหน้าไปมองเย้นโม่หลิน “พี่สามารถตรวจเช็กได้ไหม”
เย้นโม่หลินพยักหน้า “ได้”
จึงไม่มีการโต้แย้งใดๆ กับสิ่งนี้ ปล่อยให้เย้นโม่หลินควบคุมท่านอาวุโสเจ็ดมาที่ข้างลำตัวของโห้หลีเฉิน แล้วเปิดระเบิดที่อยู่บนข้อมือของเขาออก เขาเริ่มทำการติดตั้ง
เย้นโม่หลินมองดูอย่างจดจ่อ แล้วทำการตรวจเช็กอีกครั้ง จากนั้นพยักหน้าให้กับเย้นหว่าน “ไม่มีปัญหา”
เย้นหว่านกำมือแน่นแล้วกล่าว “ปล่อยเขาไป”
ท่านอาวุโสเจ็ดถอนหายใจโล่งอก และมองไปยังหญิงสาวด้วยสายตาจริงจัง “รู้ใช่ไหมว่าต้องทำอย่างไร
“รู้ค่ะ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ดิฉันจะเฝ้าอยู่ตรงนี้จนถึงวินาทีสุดท้าย ต่อให้ต้องพยายามสุดความสามารถ ก็จะไม่ยอมให้พวกเขาปลดล็อกก่อนเวลาอย่างแน่นอน” หญิงสาวกล่าว
“ลำบากเธอแล้วนะ”
ท่านอาวุโสเจ็ดยังคงรักษาความอ่อนโยน แสดงความซาบซึ้งใจต่อหญิงสาว ทำให้หญิงสาวพร้อมที่จะตายเพื่อเขา
ในใจเย้นหว่านเย็นชา ยืนอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ
เย้นโม่หลินจี้ท่านผู้อาวุโสเจ็ดด้วยกริชแล้วพาออกไป ฉู่หยุนซีก็ตามออกไปริมทะเลด้วย เพื่อปล่อยท่านอาวุโสเจ็ด
หลังจากที่พวกเขาจากไป ป่ายฉีก็ลงมากบันได
เขากล่าวกับหญิงสาวคนนั้นว่า “ผมจะไม่แตะต้องตัวล็อกนี้ แต่ต้องการให้แน่ใจว่าชีวิตของโห้หลีเฉินยังปลอดภัยดี ผมเป็นหมอ”
หญิงสาวกล่าว “ไม่ได้ รอให้ท่านอาวุโสเจ็ดปลอดภัยก่อน เมื่อเวลาการติดตั้งสิ้นสุดลง แล้วค่อยทำการตรวจเช็กก็ยังไม่สาย”
“ไม่สาย? โห้หลีเฉินนอนสลบมาแล้วกี่วัน ถ้าหากว่าเขาเป็นอะไรไป ต่อให้ท่านอาวุโสจะหนีไปยังสุดหล้าฟ้าเขียว ผมก็จะต้องตามฉีกร่างเขาให้เป็นชิ้นๆ ”
เย้นหว่านค่อยๆ เดินเข้าไปหาหญิงสาว “ตอนนี้ขอเพียงโห้หลีเฉินปลอดภัยดี ฉันกับเขาก็ไม่จำเป็นต้องมีความแค้นที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง คุณแน่ใจเหรอว่าจะเอาตัวมาแบกรับบัญชีแค้นนี้แทนท่านอาวุโสเจ็ด”
สามารถถูกใช้ให้มาทำหน้าที่สำคัญแบบนี้ สถานะของหญิงสาวคนนี้จะต้องไม่ธรรมดาแน่ และจะต้องรู้เรื่องต่างๆ มากมายอย่างแน่นอน เช่น สถานะของเย้นหว่านเป็นต้น
เย้นหว่านเป็นเพียงผู้หญิงที่ความสามารถไม่แกร่ง แต่กลับเป็นหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลเย้น ขอเพียงแค่เธอต้องการ เธอก็จะสามารถพลิกตลบโลกใบนี้ได้
ท่านอาวุโสเจ็ดในตอนนี้ถูกบีบจนถึงขั้นที่ต้องหลบหนี ถ้าหากว่าทำให้เย้นหว่านโกรธอีก เห็นทีว่าจะมีแต่เสียกับเสีย
หญิงสาวคนนั้นครุ่นคิด ไม่นานก็คิดได้
“ได้ พวกคุณสามารถตรวจสภาพร่างกายของเขาได้ แต่ถ้ากล้าแตะต้องระเบิด ฉันจะฆ่าเขาทันที”
เย้นหว่านหรี่ดวงตา แล้วพยักหน้า
เธอเดินมาที่ด้านข้างของโห้หลีเฉิน กุมมือของเขาเบาๆ
“คุณโห้ ลำบากคุณแล้วนะ ทุกอย่างจะดีขึ้นในไม่ช้า”
ป่ายฉีมองเย้นหว่านด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็นั่งลงยองๆ เริ่มทำการตรวจสภาพโห้หลีเฉิน
ยิ่งตรวจเขาก็ยิ่งอกสั่นขวัญแขวน
เมื่อเขาเห็นบาดแผลบนแผ่นหลังของโห้หลีเฉินนั้น เขาได้สูดอากาศเย็นๆ เข้าไปหนึ่งฟอด แล้วก็ซ่อนมันไว้ ไม่กล้าให้เย้นหว่านเห็น
เขาหันไปจ้องหญิงสาวอย่างเย็นเยียบ โน้มตัวเข้าไปใกล้เธอ แล้วกระซิบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“บาดเจ็บหนักขนาดนี้ พวกคุณได้ทำการรักษาบ้างไหม ถ้าไม่ใช่เพราะโห้หลีเฉินดวงแข็ง เขาก็คงตายไปนานแล้ว!”
หญิงสาวแววตาเลิ่กลั่ก น้ำเสียงเฉยชา “หน้าที่ของฉันคือการพยุงลมหายใจของเขาเท่านั้น”
บาดเจ็บหรือไม่ สาหัสหรือเปล่า เธอไม่สนใจ
ป่ายฉีขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน “ใช่ พยุงลมหายใจ ก็พยุงได้แค่ไม่กี่วัน ผ่านไปสักพักเขาก็คงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”
“โห้หลีเฉินบาดเจ็บสาหัสยากที่จะรักษา ช่วยเขาตอนนี้กับรอให้เขาตายในอีกสองสามวัน สำหรับพวกเรามันแตกต่างกันอย่างไร”
หญิงสาวยิ่งรู้สึกระแวง มองท่าทางที่น่ากลัวของป่ายฉี ทำให้จิตใจรู้สึกลนลาน
เธอฝืนยืนไว “แต่เย้นหว่านไม่ได้คิดเช่นนี้ คุณยังไม่กล้าบอกเขา ไม่ใช่เหรอ”
ท่าทางดุร้ายของป่ายฉีปรากฏขึ้น
“พวกคุณคุยอะไรกัน”
เย้นหว่านมองทั้งคู่ด้วยความสงสัย
หญิงสาวเหมือนกับจะเจอความมั่นใจ หันไปมองเย้นหว่านด้วยสายตาแดกดัน “คุณหมอคนนี้กำลังคุยกับฉันเรื่องอาการของโห้หลีเฉิน”
เย้นหว่านรีบถามขึ้น “อาการของเขาเป็นยังไง”
หญิงสาวมองป่ายฉีอย่างยียวน แล้วกล่าวกับเย้นหว่านว่า “ก็แค่สาหัสนิดหน่อยเท่านั้น สามารถรักษาได้ ใช่ไหม”
เมื่อเธอพูดคำสองคำสุดท้าย เธอก็หันหน้าไปมองป่ายฉี แต่แล้ว รอยยิ้มบนมุมปากของเธอกลับหยุดนิ่งขึ้นในเวลานี้
เธอมองรอยยิ้มแหยบนมุมปากของป่ายฉีอย่างน่ากลัว และยังรู้สึกเจ็บแปลบที่ลำคอ
“คุณ……”
เธอยังไม่ทันได้พูดจบ ก็ต้องจมไปอยู่ในความมืด
หญิงสาวล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น ป่ายฉีรีบจับข้อมือของโห้หลีเฉิน แล้วรีบปลดระเบิดที่มัดอยู่บนแขนของเขา
เย้นหว่านมองดูเขา โดยที่ไม่พูดอะไร เพียงแค่จับมือของโห้หลีเฉินไว้อย่างแน่นเท่านั้น
จนกระทั่งตอนนี้เอง ความนิ่งสงบของเธอเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง น้ำตาเริ่มคลอเบ้า จากนั้นค่อยๆ ไหลลงมา
เธอหอมมือของเขาแล้วสะอึกสะอื้น “คุณโห้ ที่รัก คุณจะต้องไม่เป็นอะไรนะ ป่ายฉีเป็นหมออัจฉริยะ ไม่มีใครบนโลกนี้ที่เขาช่วยไม่ได้”
“เสียงดังแกร๊ก ป่ายฉีแกะระเบิดออกมาแล้ว ตัวเลขบนนั้นก็หยุดเดินเช่นกัน
“เสี่ยวหว่าน รออยู่ตรงนี้นะ ผมจะนำระเบิดไปทิ้ง แล้วจะกลับมา”
เมื่อพูดจบเขาก็ตรงขึ้นไป หลังจากผ่านไปสักพัก ถึงได้กลับมา
จากนั้นหยิบเครื่องมือมาตรวจห้องใต้ดินทุกซอกทุกมุม แล้วก็เจอระเบิดฝังอยู่อีกสองสามลูก
เขายิ้มเยาะ “ท่านอาวุโสเจ็ดมีแผนสำรองจริงๆ ด้วย รอเขาปลอดภัยแล้ว ระเบิดที่ฝังอยู่ตรงนี้ก็จะปะทุระเบิดขึ้น พวกเราทุกคนก็จะต้องตายอยู่ที่นี่”
แววตาเย้นหว่านเย็นยะเยือก “เขาต้องการให้พวกเราทุกคนตาย แต่ว่าคนที่ตายจะต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน”
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วส่งข้อความไปให้เย้นโม่หลิน
หลังจากนั้นไม่นาน บนทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุด สปีทโบ๊ทลำนั้นที่วิ่งด้วยความเร็ว ได้ส่งเสียงดัง “ตูม” ขึ้น
เย้นโม่หลินกับฉู่หยุนซีที่ยืนอยู่ริมทะเล มองดูภาพนี้ผ่านกล้องส่องทางไกล