บทที่ 135 หรือว่าเธอชอบเขา
ในใจคิดว่าจะบีบเย้นหว่านให้ตายอย่างไร โห้หลีเฉินยกมือกดหน้าจอคอมพิวเตอร์ลงไปแล้ว
ผู้บริหารระดับสูงในสายทางนั้น มองเห็นหน้าจอมืดไปกะทันหัน ต่างทำหน้ามึนงงกัน
นี่เกิดเรื่องอะไรกัน?
ยังจะประชุมอยู่หรือไม่?
ความคิดของท่านประธานยากคาดเดา
โห้หลีเฉินไม่มีกะจิตกะใจทำงานได้ จึงออกจากห้องหนังสือมา คิดจะกลับไปอาบน้ำที่ห้อง
เขาพึ่งเดินมาได้มากี่ก้าว ได้ยินเสียงพูดคุยลอยมาจากมุมหนึ่งที่ไม่ไกลอกไป
เหมือนเป็นเย้นซินกำลังคุยโทรศัพท์
“พี่ พี่ถึงไหนแล้วเหรอ?”
ได้ยินว่าคุยโทรศัพท์กับเย้นหว่าน ฝีเท้าของโห้หลีเฉินก็หยุดลง
ต่อมาเขาได้ยินว่า
“ไม่มีอะไร แค่เป็นห่วงพี่นิดหน่อย พี่กับมู่จื่ออี้ออกเดตกับเป็นยังไงบ้าง
เมื่อวานเห็นเขากอดพี่แบบนั้น ฉันก็รู้ว่าเขาชอบพี่มาก วันนี้พวกพี่ก็ไปออกเดตกันอีก……พี่ พี่บอกฉันมาตามตรง มู่จื่ออี้เป็นคนที่พี่ชอบใช่มั้ย?
ฮ่าๆ ดูแล้วฉันคงโทรมารบกวนพี่ออกเดตแล้ว เอาล่ะ รอพี่กลับมาค่อยเล่าให้ฉันฟัง ออกเดตให้สนุกนะ”
ได้ยินคำพูดแต่ละประโยคนี้ สีหน้าของโห้หลีเฉินยิ่งดูแย่ลง ราวกับแผ่นโม่หินที่สีผสมปนเปกัน ดำจนน่าตกใจ
เย้นหว่านไม่ให้เขาไปด้วย เป็นเพราะคนที่กินข้าวด้วยคือมู่จื่ออี้……
โห้หลีเฉินทำไมถึงนึกไม่ได้ว่าเป็นมู่จื่ออี้
เย้นซินวางสายโทรศัพท์ เดินเข้ามาอย่างไม่เจตนา มองเห็นโห้หลีเฉินยืนอยู่ตรงนั้นดูแปลกใจมาก
“พี่ พี่เขย พี่อยู่ตรงนี้ได้ยังไงกัน?”
นึกถึงเนื้อหาที่หล่อนพูดออกไปเมื่อสักครู่ ชั่วขณะหนึ่งหล่อนทำหน้าหวาดผวา “พี่เขยมาตั้งแต่เมื่อไรกัน ที่ฉันพูด พี่ได้ยินหมดแล้วเหรอ?”
โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปากบาง ไม่ได้พูดอะไร
กลิ่นอายเย็นเฉียบประกายอยู่รอบตัว อึมครึมอันตราย น่าหวาดหวั่นอย่างมาก
เขาทำหน้าเย็นชา ก้าวยาวๆ เดินไปข้างหน้า
เย้นซินเห็นเขาเป็นแบบนี้ เหมือนถูกเปิดโปงทำให้ลนลาน รีบเอ่ยปากอธิบาย
“พี่เขย พี่ฟังฉันอธิบายก่อน เมื่อกี้ฉันเพียงแค่ล้อเล่นกับพี่สาวเท่านั้น เธอกับมู่จื่ออี้ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกัน เป็นแค่การกินข้าวมื้อหนึ่งระหว่างเพื่อนเอง พี่อย่าเข้าใจผิดนะ”
หล่อนพูดอย่างจริงใจมาก แต่ฟังขึ้นมา เหมือนอยากปิดบังไว้แต่โดนแฉออกมา
“จะว่าไป พี่เขยดีเยี่ยมขนาดนี้ รักใคร่กับพี่สาวขนาดนั้น ในใจพี่สาวมีพี่เขย คงไม่ไปข้องแวะกับผู้ชายอื่นเด็ดขาด พี่สาวฉันเป็นคนรักเดียวมาตลอด”
สีหน้าของโห้หลีเฉินยิ่งเย็นลงไป
เย้นหว่านใจเดียวไม่ใจเดียวไม่สำคัญ สำคัญคือในใจเย้นหว่านเดิมทีไม่มีเขา
ก่อนหน้านี้เธอกับมู่จื่ออี้ความสัมพันธ์ดีมาก ใจที่มู่จื่ออี้ชอบเธอชัดเจนมาก เธอกลับไม่ได้ปฏิเสธมาโดยตลอด……
หรือความจริงเธอก็ชอบมู่จื่ออี้?
“ปัง!”
โห้หลีเฉินถีบประตูห้องนอนเปิดอย่างรุนแรง
ไอเย็นรอบตัวเขาเกือบกลายเป็นของแข็ง ก้าวขายาวเดินเข้าไป
“พี่เขย พี่อย่าคิดมากจริงๆ นะ พี่สาวไม่ได้ออกเดตกับมู่จื่ออี้……”
เย้นซินรีบอธิบาย อยากตามเข้าไป เวลานี้ประตูบานนั้นกลับตีเข้ามาใส่หน้าหล่อนกะทันหัน
หล่อนรีบถอยหลัง หลบไปอย่างตกใจ ต่อมาได้ยินเสียงปิดประตูที่เสียดแก้วหู
ประตูห้องกระแทกจากด้านในมาอย่างหนัก
กั้นระหว่างประตู หล่อนมองไม่เห็นท่าทีตอนนี้ของโห้หลีเฉิน แต่กลับโค้งมุมปากอย่างบรรลุเจตนาร้าย ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
โห้หลีเฉินโกรธแล้ว
เขาเป็นผู้ชายสูงส่งขนาดนี้ ย่อมไม่อนุญาตให้คู่หมั้นของตนเองสวมเขาให้อย่างเด็ดขาด
หล่อนเริ่มรอคอยเย้นหว่านกลับมาแล้ว โห้หลีเฉินจะจัดการเย้นหว่านอย่างไรล่ะ?
ลงโทษ?
หรือว่าถอนหมั้น?
รอยยิ้มบนใบหน้าของเย้นซินนับวันยิ่งเยอะ ดีที่สุดถอนหมั้นไปโดยตรง หล่อนก็มีโอกาสแทนที่เย้นหว่านแล้ว
โดยเฉพาะนี่เป็นการผูกพันด้วยการสมรสของตระกูลโห้และตระกูลเย้น ให้ทั้งเมืองหนานรู้กันไปทั่วตั้งแต่แรกแล้ว
ถึงแม้โห้หลีเฉินจะไม่อยากแต่งกับเย้นหว่านแล้ว แต่เพื่อรักษาชื่อเสียง คงจะไม่ถอนงานหมั้นไปอย่างง่ายดาย เช่นนั้นวิธีดีที่สุดก็คือให้เย้นซินที่สะอาดบริสุทธิ์มาแทนที่เย้นหว่าน แต่งเข้าไป
คิดว่าเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไปนี้ เย้นซินก็ดีใจจนเกือบอดใจไม่ไหว
โห้หลีเฉินเข้าไปในห้อง ไอเย็นซึมเข้ากระดูกตลบฟุ้งไปรอบตัว
เขาหยิบมือถือออกมา สั่งเว่ยชี “ภายในห้านาที ฉันต้องรู้ว่าตอนนี้เย้นหว่านอยู่ไหน ทำอะไรอยู่ เอาให้ละเอียดห้ามตกหล่น”
“ครับ เจ้านาย”
ในสายนั้น ถึงแม้เว่ยชีจะสงสัย แต่ด้วยความสามารถของผู้ช่วยระดับสูง จึงเริ่มปฏิบัติตามคำสั่งบอสทันที
ไม่นานเว่ยชีทางนั้นก็ส่งเอกสารฉบับหนึ่งเข้ามา
ในเอกสารมีตัวหนังสือ รูปภาพ และคลิปวิดีโอ
เนื้อหาเป็นเย้นหว่านกับมู่จื่ออี้กำลังทานข้าวที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง และเนื้อหาในคลิปวิดีโอ เป็นมู่จื่ออี้กำลังวาดภาพเหมือนให้เย้นหว่าน
ด้านข้างมีนักไวโอลินกำลังเล่นบทเพลงที่โรแมนติกอยู่ เย้นหว่านวางท่าทางที่ดูดี มู่จื่ออี้จ้องมองเธออย่างจริงจัง ขีดเขียนลากเส้นลักษณะของเธอลงบนกระดาษ
ถึงแม้เป็นเพียงวิดีโอ กลับมีกลิ่นอายโรแมนติกที่ทะลุผ่านหน้าจอออกมา
คาดไม่ถึงเธอจะไปออกเดตจริง……
“ปัง!”
เสียงดังมาทีหนึ่ง โห้หลีเฉินขวางมือถือไปที่กำแพง ชั่วขณะหนึ่งก็แตกเป็นเศษเสี้ยว
อากาศภายในห้องลดลงถึงจุดเยือกแข็ง
ในร้านอาหาร เย้นหว่านยังไม่รู้สักนิด เธอเพียงแค่ไปทานข้าวธรรมดามื้อหนึ่ง กลับกระตุ้นคลื่นยักษ์ใหญ่แค่ไหน
เธอท้าวคางด้วยมือข้างหนึ่ง พยายามรักษาท่วงท่าไม่ขยับ ให้มู่จื่ออี้วาดภาพเหมือนให้เธอ
“เสร็จแล้ว”
มู่จื่ออี้หยุดดินสอลง มองคนในภาพ อารมณ์ละมุนละไมเต็มสายตา
เย้นหว่านไม่ได้สังเกตอารมณ์ของเขา รีบผ่อนคลายเปลี่ยนท่วงท่าไป ยื่นมือไปทางเขาด้วยความรอคอยอยู่บ้าง
“ฉันดูหน่อย”
“อืม”
มู่จื่ออี้ยื่นภาพเหมือนให้เธอ
เย้นหว่านตอนที่มองภาพเหมือน อดประหลาดใจไม่ได้
เธอรู้มาตลอดว่ามู่จื่ออี้วาดรูปไม่เลว แต่คาดไม่ถึงว่าจะมีพรสวรรค์น่าทึ่งแบบนี้
ตอนที่เขาบอกว่าอยากวาดรูปเหมือนให้เธอเกลาเทคนิคให้หน่อย เธอเพียงคิดว่าเขาแค่คันมือ วาดรูปง่ายๆ กลับนึกไม่ถึงว่าเขาจะวาดเธอออกมาได้เหมือนขนาดนี้ จิตใจท่าทางฝีมือการวาดยิ่งดีมาก
เพียงแค่สเก็ตซ์ภาพ เขาวาดออกมายังเหมือนยิ่งกว่ารูปถ่ายเสียอีก
เย้นหว่านอดชมเชยไม่ได้ “มู่จื่ออี้ น่าเสียดายจริงๆ นะที่คุณไม่ไปเป็นจิตรกร”
“คุณอยากให้ผมเป็นจิตรกร?”
มู่จื่ออี้ยิ้ม มองเย้นหว่านอย่างอ่อนโยน
เย้นหว่านพยักหน้า มองภาพในมือแล้วทอดถอนใจ “แน่นอนสิ คุณเกิดมาเพื่อวาดรูป ถ้าคุณเป็นจิตรกร ต้องทำให้คนตื่นตะลึงในผลงานไปหมดแน่”
พรสวรรค์แบบนี้ ไม่เป็นจิตรกรก็น่าเสียดายจริงๆ
มู่จื่ออี้มองความชื่นชมในสายตาของเย้นหว่านอย่างอาลัยอาวรณ์ หลังจากนั้นแวบหนึ่ง เขาจ้องมองเธอ พูดด้วยน้ำเสียงต่ำมากๆ
“ได้ ผมจะไปเป็นจิตรกร”
ถ้าเธอชอบ เขาสามารถเป็นได้หมด
เย้นหว่านมองเขาอย่างประหลาดใจ ยิ้มบอก “งั้นก็ดี ตอนที่คุณจัดนิทรรศการศิลปะ ต้องอย่าลืมชวนฉันไปดูด้วยนะ”
น่าประหลาดใจ เธอมีความมั่นใจต่อมู่จื่ออี้มาก เขาจะต้องมีวันนั้นแน่
มู่จื่ออี้ยิ้มตอบ “แต่ผมยังเป็นแค่ผู้ช่วยเล็กๆ ความสามารถไม่พอ คุณเป็นนักออกแบบใหญ่ มีประสบการณ์มากกว่าผม ถ้าผมเจอปัญหาเข้า คุณจะช่วยผมรึเปล่า?”
“แน่นอน”
เย้นหว่านตอบรับอย่างไม่ลังเลสักนิด
ถ้าสามารถเห็นจิตรกรเกิดขึ้นได้ ก็เป็นคุณงามความดีของเธอ
มู่จื่ออี้แววตาแฉลบความดีใจเข้ามา เขายกมุมปากขึ้นอย่างเบิกบาน ชั่วขณะนั้นงามจนดอกไม้รอบด้านทำให้สีสันหายไปหมด
หลังจากทานเสร็จ เดิมทีมู่จื่ออี้อยากนัดเย้นหว่านไปดูหนัง เย้นหว่านยังนึกถึงโห้หลีเฉินที่อยู่ที่บ้าน ตั้งแต่ต้นจนจบไม่วางใจ ไม่นานก็เลือกกลับบ้านแล้ว