ท่านอาวุโสเจ็ดยิ้ม “ผมรู้ที่อยู่ของเขาจริงๆ ”
คำพูดนี้ทำให้เย้นหว่านยิ่งหายใจติดขัดทันที แววตาจ้องตรงไปทางท่านอาวุโสเจ็ด “คุณจับเขาไปเหรอ”
นอกจากสิ่งนี้แล้ว เธอคิดไม่ออกถึงความเป็นไปได้อื่น”
ท่านอาวุโสเจ็ดยิ้มอย่างมีเลศนัย “บางที คุณสามารถคิดแบบนี้ได้”
ความหมายนี้ ทั้งไม่ตอบโต้และก็ไม่ยอมรับ
คลุมเครือ
เย้นหว่านขมวดคิ้ว หัวใจราวกับถูกหินก้อนมหึมาทับไว้ ทำให้รู้สึกไม่อึดอัดใจ
ถังจุ้ยขมวดคิ้วแล้วกล่าว “ท่านอาวุโสเจ็ด ทำไมคุณถึงบอกว่าคุณรู้อยู่ที่ของโห้หลีเฉิน คุณพูดปากเปล่า ใครจะไปรู้ว่าคุณอาจกำลังโกหกเสี่ยวหว่านอยู่”
ท่านอาวุโสเจ็ดยิ้มอย่างผ่าเผย สายตามองเย้นหว่านอย่างเป็นมิตร
“เครื่องติดตามบนตัวของโห้หลีเฉินหายไปแล้ว ใช่ไหม”
เย้นหว่านตะลึง แววตาสั่นเลิ่กลั่ก
เครื่องติดตามของโห้หลีเฉินหายไป เป็นเรื่องที่พวกเขาเพิ่งจะทราบกันเมื่อสักครู่ เวลาพูดก็ไม่ได้ส่งเสียงดังมาก และก็มีคนที่อยู่บนเรือลำเดียวกันเท่านั้นที่รู้
ถึงแม้ว่าท่านอาวุโสเจ็ดจะสอดแนมพวกเขาตลอดเวลา แต่ก็ไม่น่าจะได้ยินในสิ่งที่พวกเขาพูด
ในเมื่อเขารู้ว่าเครื่องติดตามของโห้หลีเฉินหายไป ถ้าไม่จับตัวโห้หลีเฉินไป ก็น่าจะรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน
จุดนี้จึงไม่ต้องสงสัย
เย้นหว่านเอ่ยปากอย่างกังวล “ท่านอาวุโสเจ็ด บอกฉันทีว่าโห้หลีเฉินอยู่ที่ไหน แล้วจะให้ฉันทำอะไรก็ยอม”
ท่านอาวุโสเจ็ดใบหน้าปรากฏรอยยิ้มอย่างมีชัย
เขายังคงอ่อนโยนและเป็นมิตร “เรื่องนี้พูดแล้วซับซ้อน ไปบ้านผมก่อน ผมจะค่อยๆ เล่าให้คุณฟัง”
ถังจุ้ยขมวดคิ้ว “เขาต้องการจับคุณ เสี่ยวหว่าน อย่าหลงกล”
เย้นหว่านจ้องตรงไปยังท่านอาวุโสเจ็ด แล้วกล่าวออกมาทีละคำ
“ได้ ฉันจะไปกับคุณ ถ้าหากว่าคุณไม่บอกที่อยู่ของเขาให้กับฉัน ท่านอาวุโสเจ็ด คุณจะต้องเสียใจ”
น้ำเสียงของเธอไม่หนักไม่เบา ไม่กัดฟันแต่อย่างใด แต่ว่าความเรียบนิ่งเช่นนี้ กลับทำให้คนรู้สึกขนลุกขนพอง
รอยยิ้มท่านอาวุโสเจ็ดยิ่งอ่อนโยนขึ้น ยื่นมือมาราวกับสุภาพบุรุษ “คุณเย้น เชิญ”
“เสี่ยวหว่าน อย่าหนี รอบๆ ยังมีคนของเราอยู่ ผมสามารถพาคุณฝ่าออกไป ที่นี่คือทะเล ไม่ง่ายที่เขาจะจับคุณได้”
ถังจุ้ยจับแขนของเธอไว้ แล้วกล่าวห้ามเธอเบาๆ
เย้นหว่านส่ายหน้าเบาๆ ในน้ำเสียงทุ้มต่ำกลับมีความมุ่งมั่นไม่สั่นคลอน
“เขารู้ว่าโห้หลีเฉินอยู่ที่ไหน ฉันจะต้องไป”
ถังจุ้ยจับแขนของเธอไว้แน่น อยากจะห้าม แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงปล่อยมืออย่างหงุดหงิด
“ผมไปด้วย”
ต่อให้เป็นถ้ำเสือหรือมังกร เขาก็จะบุกฝ่าไปพร้อมกับเธอ
ท่านอาวุโสเจ็ดปล่อยคนที่อยู่เรือชูชีพลำอื่น แล้วพาตัวเย้นหว่านกับถังจุ้ยไปที่เกาะเล็กๆ ธรรมดา
บ้านที่นี่ล้วนเป็นบ้านมุงจากริมทะเลทั้งหมด ดูแล้วสภาพความเป็นอยู่เรียบง่ายและธรรมดา
แต่สิ่งที่เย้นหว่านคิดไม่ถึงก็คือ ที่นี่คือที่อยู่อาศัยของท่านอาวุโสเจ็ด และที่นี่ยังเลี้ยงชายร่างสูงกำยำจำนวนมากที่เพียบพร้อมด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์
เกาะนี้ทั้งเกาะล้วนอำพรางได้อย่างสมบูรณ์
ถึงว่าหลายปีมานี้ หน่วยข่าวกรองที่แข็งแกร่งพอๆ ฉู่หยุนซี ก็ไม่สามารถที่จะหาเบาะแสของท่านอาวุโสเจ็ดได้
ถ้าไม่ใช้ตัวเขาเองที่อยากจะเปิดเผยตัว ก็คงจะแยกตัวจากโลกแล้วจริงๆ และก็ไม่มีใครสามารถตามหาตัวเขาเจอได้
โชคดีที่ได้เบาะแสจากฝู้ยวน พวกเขาถึงได้ตามมาถึงที่นี่ บังคับให้ท่านอาวุโสเจ็ดปรากฏตัว
ถังจุ้ยถูกท่านอาวุโสเจ็ดขังอยู่ในห้องอื่น ส่วนเย้นหว่านถูกเขาพามาที่อีกห้องหนึ่ง
“คุณเย้น เชิญนั่ง”
ท่านอาวุโสเจ็ดรินน้ำชาให้เย้นหว่านอย่างสุภาพบุรุษ
ถึงแม้ว่าสภาพแวดล้อมจะเรียบง่าย แต่ว่าอุปกรณ์ถ้วยน้ำชากลับประณีตสวยงาม
เย้นหว่านไม่ได้รับชาของเขา แต่จ้องมองเขาตรงๆ แล้วกล่าวถามขึ้น :”พูดมา โห้หลีเฉินอยู่ที่ไหน”
นี่คือเหตุผลที่เธอตามมา และเป็นสิ่งเดียวที่เธอให้ความสำคัญ
ก่อนหน้านี้เชื่อคำพูดของโห้หลีเฉิน นึกว่าเขาจะสามารถหนีรอดจากอีกทางได้อย่างราบรื่น แต่ว่าตอนนี้ เย้นหว่านเริ่มรู้สึกถึงความผิดพลาดของตัวเอง
ตามความสามารถของโห้หลีเฉิน เธอยังสามารถหนีมาได้อย่างราบรื่น เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่สามารถหนีได้ แต่ว่าตอนนี้เกิดเรื่องขึ้น สามารถยืนยันได้เพียงว่า ตอนนั้นเขาอาจจะได้รับบาดเจ็บ
เพียงแต่ว่าเธอไม่รู้……
หัวใจของเย้นหว่านประหนึ่งกับถูกบางสิ่งจับไว้ ที่พร้อมจะขยี้แตกพรุนได้ตลอดเวลา
ถ้วยชาไม่มีคนรับ เป็นธรรมดาที่ท่านอาวุโสเจ็ดจะต้องดึงกลับไป แล้วตัวเองก็จิบดื่มเอง
เมื่อดื่มแล้ว เขาถึงได้ยิ้มแล้วกล่าวขึ้น “บางทีตอนนี้คุณควรจะห่วงความปลอดภัยของตัวเองมากกว่านะ เย้นหว่าน”
“คุณมาถึงที่นี่ก็ไม่สามารถจะออกไปได้อีก ต่อให้คุณจะรู้ที่อยู่ของโห้หลีเฉินก็ตาม คุณก็ไม่สามารถที่จะไปหาเขา”
“ฉันจะไปหาเขาได้หรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ”
เย้นหว่านลุกขึ้นในทันใด แล้วเข้าไปใกล้ท่านอาวุโสเจ็ด “บอกฉันมาว่าเขาอยู่ที่ไหน ไม่อย่างนั้น ฉันจะไม่รับรองความปลอดภัยของคุณ คุณต้องเชื่อว่าความเร็วของการบุกเข้ามาของคนข้างนอก เร็วสู้ความเร็วของฉันไม่ได้”
สำหรับคำข่มขู่ของเย้นหว่าน ท่านอาวุโสเจ็ดไม่รู้สึกสะทกสะท้าน
เขายกถ้วยน้ำชาขึ้นมาซดจนหมด แล้วค่อยๆ กล่าว :
“เย้นหว่าน โห้หลีเฉินอยู่ในมือของฉันจริงๆ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส อาจจะตายได้ตลอดเวลา ฉันซ่อนเขาเอาไว้ ในที่ที่คุณไม่สามารถจะหาเจอได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยชีวิตของเขา คุณจะต้องอยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟัง”
เย้นหว่านหัวใจบีบเกร็งขึ้น นิ้วมือกำแน่นด้วยพลังมหาศาล จนเล็บมือทิ่มเข้าไปในเนื้อของฝ่ามือ
เลือดสดๆ ไหลออกมา
เธอจ้องท่านอาวุโสเจ็ด กัดฟันแล้วกล่าว “คุณจับฉันมาขังไว้ต้องการอะไร”
“มีคุณอยู่ในกำมือ ฉันสามารถทำเรื่องได้มากมายหลายอย่าง”
ท่านอาวุโสเจ็ดยิ้มเบาๆ “เย้นหว่าน ฝู้ยวนตายแล้ว เดิมทีหากฉันต้องการให้แผนการของฉันเป็นจริง ก็จะต้องมาเริ่มก้าวแรกใหม่ ต้องวางแผนอีกหลายปี ถึงจะมีโอกาส แต่ว่าตอนนี้คุณมาหาถึงที่เอง คุณอยู่ในกำมือของฉัน พี่ของคุณก็ต้องยอมอ่อนข้อให้ ฉันก็จะสามารถเริ่มแผนการใหม่ของฉันได้อีกครั้ง”
“หา ใช้ฉันเป็นตัวประกันเหรอ ก็ได้ แต่ว่าฉันขออยู่ด้วยกันกับโห้หลีเฉิน”
ทันใดนั้นเย้นหว่านเอื้อมมือออกไปคว้าข้อมือของท่านอาวุโสเจ็ดไว้ เลือดในฝ่ามือเปรอะเปื้อนไปที่เสื้อสีขาวและผิวหนังของเขา
เธอกล่าวทีละคำๆ :”ให้ฉันได้พบเขา”
ท่านอาวุโสเจ็ดมองเลือดสดๆ บนข้อมืออย่างรังเกียจ น้ำเสียงเย็นชาเชิงดูหมิ่นและเหยียดหยาม
“เย้นหว่าน ตอนนี้คือคุณอยู่ในกำมือของฉัน คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะมาตั้งเงื่อนไขกับฉัน”
พลางพูดพลางค่อยๆ แกะมือของเย้นหว่านออก
ดูเหมือนเป็นการกระทำที่อ่อนโยน แต่กลับทำให้เย้นหว่านไม่สามารถที่จะตอบโต้ได้ มองท่านอาวุโสเจ็ดดึงแขนออกด้วยตาปริบๆ
ท่านอาวุโสเจ็ดสะบัดแล้วเดินไปที่หน้าประตู มุมปากยังคงมีรอยยิ้มอย่างสุภาพบุรุษ
“เย้นหว่าน อย่าคิดเล่นลูกไม้ใดๆ ชีวิตของโห้หลีเฉิน อยู่ในการตัดสินใจของคุณ ถ้าคุณคิดที่จะทำอะไร ฉันก็จะให้เขาตาย”
ทิ้งประโยคนี้แล้ว ท่านอาวุโสเจ็ดก็เดินออกไปอย่างสง่างาม
ปิดประตูไม้จากด้านนอก ทันใดนั้นสภาพแวดล้อมด้านในห้องก็เปลี่ยนไปทันที
ที่ผนังมีชั้นแผ่นเหล็กแข็งยื่นออกมา ตั้งแต่ล่างจรดบนไปจนถึงเพดาน เกิดเป็นกรงเหล็กล้อมรอบอย่างแน่นหนา
นอกจากหน้าต่างบานเล็กทึบที่แม้แต่นิ้วมือก็ไม่สามารถยื่นออกไปได้แล้ว ห้องนี้ก็ไม่มีแสงสว่างหรือช่องว่างที่จะติดต่อยังโลกภายนอกได้
เย้นหว่านมองดูรอบๆ ด้วยสายตาเย็นชา
นี่เธอ ถูกคุมขังแล้วเหรอ