บทที่ 138 โห้หลีเฉิน ไม่มีการหักห้ามใดๆ ทั้งสิ้น
เย้นหว่านกับโห้หลีเฉินมาบริษัทด้วยกัน
มาถึงบริษัทด้วยกัน ขึ้นลิฟต์วีไอพีเดียวกัน
แม้กระทั่งมือของโห้หลีเฉินยังอยากโอบเธอด้วยความเคยชิน
คิดได้ว่าก่อนหน้านี้ลั่วอานบอกว่าห้องควบคุมกล้องวงจรปิดมีคนจ้องอยู่ตลอด ตอนนี้ภาพของเธอกับโห้หลีเฉินอยู่ด้วยกัน คงถูกคนในบริษัทเห็นเข้าแล้ว
เย้นหว่านปวดหัวอย่างมาก พยายามดึงระยะห่างออกจากโห้หลีเฉิน มองเขาแล้วพูดขึ้น
“คุณโห้ คุณรู้มั้ยว่าพวกพนักงานที่บริษัทติดตามเนื้อหาในวงจรปิดมาก ตอนนี้พวกเราทำอะไร พวกเขาต่างมองเห็นกันหมด?”
“อืม”
โห้หลีเฉินตอบง่ายๆ คำหนึ่ง เหมือนเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆ ที่ไม่สลักสำคัญอะไรเรื่องหนึ่ง
ขณะพูดเขายังเข้ามาใกล้เย้นหว่านอีก
เย้นหว่านรีบหลบไปด้านหลัง กลัวเขาฟังไม่เข้าใจ รีบเน้นเสียงไปอีกรอบ
“คุณโห้ เพื่อนร่วมงานในบริษัทของคุณมองเห็นพวกเราขึ้นลิฟต์เดียวกัน แล้วจะคิดมากเอาได้ ยิ่งเห็นพวกเราอยู่ในลิฟต์……คุยเล่นกัน ต้องเข้าใจผิดแน่ๆ
ถึงตอนนั้นคนในบริษัทคิดว่าระหว่างพวกเรามีความสัมพันธ์อะไร จะสร้างผลกระทบที่ไม่ดีมั้ง”
“ระหว่างพวกเรามีความสัมพันธ์อะไร?”
โห้หลีเฉินเพิกเฉยคำพูดหลักใหญ่ของเย้นหว่านไปโดยตรง จับแค่ประเด็นที่ไม่สำคัญแบบนี้มา
เขามองเย้นหว่านตรงๆ สายตาล้ำลึกและคลุมเครือ
เย้นหว่านปวดหัว ความสัมพันธ์อะไร? พวกเขาไม่ควรมีความสัมพันธ์อะไรเข้าใจไหม
เธอถอยหลังดึงระยะห่างจากโห้หลีเฉิน พูดอยู่ด้านข้างด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คุณโห้ คุณไม่กลัวพนักงานของคุณจะมาถกเถียงถึงคุณมั่วๆ เหรอ?”
“ไม่กลัว”
โห้หลีเฉินก้าวขายาว ร่างสูงใหญ่บีบชิดมาตรงหน้าของเย้นหว่าน อย่างกับภูเขาลูกหนึ่งยันเธอติดผนังลิฟต์
เขาค่อยๆ ก้มหน้า ระยะห่างนั้นใกล้เธอมาก ราวกับจะจูบลงได้ทุกเวลา
น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำแหบแห้ง ยั่วยวนแบบเซ็กซี่
“ขอเพียงเป็นความสัมพันธ์กับเธอ พูดกันได้ตามสบายเลย”
ผู้ชายคนนี้
เกือบทำให้เธอรับมือไม่ไหวแล้ว
เธอหันหน้าหนีอย่างจิตใจว้าวุ่น หลบสายตาที่เร่าร้อนของเขา ในสมองว่างเปล่าสับสน
และในเวลานี้ ทั้งห้องควบคุมกล้องวงจรปิดก็ระเบิดในชั่วพริบตาเดียว
พนักงานควบคุมวงจรปิด อีกทั้งยังมีเหล่าพนักงานที่ทำงานชั้นท่านประธานมาชมด้วย แต่ละคนเหมือนกินสารหนูไปสิบชั่ง บนหน้าทั้งซีดทั้งแดง ตกใจจนแม้แต่ปากยังหุบไม่ลง
ความสัมพันธ์ไม่กระจ่างของเย้นหว่านกับโห้หลีเฉินที่แพร่กระจายไปทั่วมาตลอด เข้าออกพร้อมกันก็ช่างไป โดยเฉพาะไม่ได้มีการกระทำที่เกินเลย และไม่สามารถพิสูจน์ความจริงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาได้
แต่ว่าตอนนี้……
คาดไม่ถึงว่าท่านประธานจูบเย้นหว่านในลิฟต์ไปอย่างไม่สนใจอะไรสักนิด
นี่ไม่ใช่คู่รักคืออะไร?
นี่ไม่ใช่คุณนายท่านประธานในอนาคตแล้วเป็นอะไร?
เหล่าผู้หญิงที่แอบหวังจะโชคดีอยู่ในใจ ใจสลายในชั่วขณะนั้น มีความอิจฉาต่อเย้นหว่าน แม้ริษยาเกลียดชังแค่ไหนก็พูดไม่ออก
เธอช่างโชคดีเหลือเกิน
ท่านประธานเป็นโสดมายี่สิบกว่าปี แต่ไหนแต่ไรข้างกายไม่เคยมีผู้หญิงคนไหน นึกไม่ถึงสุดท้ายจะตกเป็นของเย้นหว่าน
“ติ๊ง”
เสียงดังทีหนึ่ง ประตูลิฟต์ค่อยๆ เปิดออกแล้ว
เย้นหว่านถูกโห้หลีเฉินล้อมไว้ในอ้อมอก จิตใจว้าวุ่นรับไม่ไหว มองเห็นลิฟต์เปิดแล้ว เสมือนมองเห็นทางรอดของชีวิต
เธอเอ่ยปากอย่างรีบร้อน “ลิฟต์เปิดแล้ว ควรออกไปได้แล้ว”
“ได้”
โห้หลีเฉินตอบรับอย่างสบายใจ แต่ก่อนที่เขาจะปล่อยเธอไป ริมฝีปากบางกลับตกลงมากะทันหัน
ตกลงที่ตรงกลางระหว่างคิ้วของเย้นหว่านพอดี
เย้นหว่านแข็งค้างไปฉับพลัน ราวกับโดนฟ้าผ่าแล้ว ทั้งตัวแข็งทื่อ กระแสไฟไหลไปทั่วตัว
ตอนนี้โห้หลีเฉินไม่มีการหักห้ามใดๆ ทั้งสิ้นจริงเหรอ?
ในลิฟต์มีกล้องวงจรปิด นอกลิฟต์ยังมีคน คาดไม่ถึงเขาจูบเธอมาแบบนี้ จูบเธอ……
เย้นหว่านแก้มแดงระเรื่อ เดินออกจากลิฟต์ ไม่กล้ามองสายตาของเพื่อนร่วมงานข้างนอก ก้มหน้าเดินไปข้างนอกอย่างรีบร้อน
เธอต้องรีบออกไปจากที่นี่ เธออยากหายไปจากที่เดิม
แต่เธอยังเดินไม่ถึงสองก้าว ฝ่ามือใหญ่ของโห้หลีเฉินก็จับข้อมือของเธอไว้กะทันหัน
เย้นหว่านเหมือนนกที่ตกใจตัวโก่ง มองเพื่อนร่วมงานคนอื่นด้วยความลนลานทีหนึ่ง สับสนจนอยากสะบัดมือของเขาออก
เธอพูดเสียงต่ำ “คุณ คุณทำอะไร? รีบปล่อยฉันนะ ยังมีคนมองอีกมาก”
“เมื่อคืนเธอพูดแล้วว่าเป็นผู้หญิงของฉัน ตอนนี้จะอายอะไร?”
โห้หลีเฉินดึงเธอไปใกล้ เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหูของเธอ ยั่วยวนแบบกำกวม
เย้นหว่านตระหนกตกใจจนลำคอจะกระโดดออกมาแล้ว สมองมึนงงพูดจาสับสน
เธอพูดอย่างลนลาน “ฉันก็แค่ ก็แค่เขินเท่านั้น คุณปล่อยสิ”
คำพูดนี้ ยังหาความชื่นชอบให้โห้หลีเฉินได้
นี่เธอยอมรับว่าเป็นผู้หญิงของเขาแล้ว
ในสายตาที่ลึกล้ำของโห้หลีเฉินเปื้อนรอยยิ้ม เบิกบานใจอย่างเต็มเปี่ยม ทำให้เขาอยากกอดเธอไว้ในอ้อมอกที่สุด อยากจูบเธอให้สุดๆ สักครั้ง แต่เห็นเธอหน้าแดงไปหมด จิตใจสับสน เขาก็ปล่อยมือน้อยๆ ของเธอออก
ในเมื่อเธอเขินอาย เขาก็ตามใจเธอดีกว่า
พอได้รับอิสระ เย้นหว่านไม่กล้าชักช้าสักวินาทีเดียว ภาพลักษณ์ของเธอ ชื่อเสียงของเธอ กลัวว่าจะรักษาไม่อยู่แล้ว
เธอไม่กล้ามองใครที่ไหน ถือกระเป๋าไว้ วิ่งไปด้านหน้าอย่างว่องไว
ใช่ ต้องวิ่ง
ภาพร่างเรียวเล็กนั้นวิ่งไวมาก เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็หายไปในระเบียงทางเดินเส้นนี้แล้ว
แววตาโห้หลีเฉินเจือความเอ็นดู เขาก้าวขายาว เดินไปทิศทางของเธออย่างไม่ช้าไม่เร็ว
เหลือผู้คนกลุ่มหนึ่งที่ตกใจจนกลายเป็นคนโง่เอาไว้
ถ้าเข้าร่วมงานแถลงข่าว เย้นหว่านมาบริษัทก็คือมาแต่งหน้าแต่งตัว
เธอวิ่งหอบมาถึงห้องแต่งตัว พึ่งเดินเข้าไปก็กลายเป็นที่จับจ้องทันที คนทั้งห้องแต่งตัวล้วนใช้สายตาที่ซับซ้อนเป็นพิเศษมองเธอ
ราวกับในสายตานั้นล้วนเป็นจิตวิญญาณซุบซิบที่ลุกไหม้
ในใจเย้นหว่านหนาวเย็นทันใด หรือว่าเรื่องที่เธอโดนโห้หลีเฉินจูบในลิฟต์แพร่มาถึงห้องแต่งตัวเร็วขนาดนี้
ทุกคนล้วนรู้กันหมดแล้ว?
นี่ๆๆ……
เย้นหว่านแก้มแดง อายจนเพียงอยากหายตัวไปจากที่เดิม
ชั่วขณะนั้นแม้แต่งานแถลงข่าวเธอก็ไม่อยากไปเข้าร่วมแล้ว นี่โห้หลีเฉินจงใจอย่างแน่นอน ทำลายเธออย่างชัดเจน
“มองอะไรกันอยู่ล่ะ? ไม่รู้ว่าจ้องคนอื่นแบบนี้ คนอื่นจะเขินมากเหรอ?”
เย้นเหวินหนานเดินออกมาจากข้างหนึ่ง ตวาดใส่ผู้คนที่เหม่อลอย เพียงแค่ประโยคสุดท้าย กลับเป็นการหยอกล้อ
ชั่วขณะหนึ่งผู้คนหัวเราะอย่างเข้าใจ มองเย้นหว่านด้วยความคลุมเครือ ถึงหันหน้าทำงานของตนเองต่อไป
ถึงแม้ถูกกู้หน้าให้ แก้มของเย้นหว่านกลับยิ่งแดงซ่าน
ไม่เพียงโห้หลีเฉินแกล้ง เพื่อนเขาคนนี้ ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นคนดีอะไร
กลั่นแกล้งเหมือนกัน
เย้นเหวินหนานยิ้มอย่างมีเลศนัย มองไปทางด้านหลังเย้นหว่าน “เธอไม่ได้เข้ามาด้วยกันกับโห้หลีเฉินเหรอ เขาล่ะ?”
เย้นหว่าน “……”
ที่จริงเขาก็เห็นคลิปวิดีโอวงจรปิดแล้วใช่ไหม?
เย้นหว่านกลัดกลุ้มด้วย หน้าแดงด้วย
เธอกับโห้หลีเฉินมีความสัมพันธ์นี้ กลัวว่าจะอธิบายไม่กระจ่างอีก แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ ต่อไปถอนหมั้นยิ่งจะกระอักกระอ่วน
หรือว่าตอนนี้โห้หลีเฉินกำเริบเสิบสานขนาดนี้ ไม่เคยพิจารณาหลังจากถอนหมั้นเลยเหรอ?
หากไม่ได้พิจารณา ต่อไปมู่หรุงซิ่นจะไม่ถูกหลักทำนองคลองธรรมขนาดนี้เหรอ?