บทที่ 15 ฟังแล้วรู้สึกเป็นกันเอง
วันที่สอง
เย้นหว่านตื่นมา เห็นห้องที่แปลกไม่คุยเคยห้องนี้ อึ้งไปสักพัก
นี่เธออยู่ไหนเนี่ย ?
เธอใช้มือนวดที่ขมับตัวเอง พยายามนึก
ก็นึกได้แต่ว่า เมื่อคืนเธอได้ขึ้นรถของโห้หลีเฉิน นั่งอยู่สักพักก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว หลังจากนั้น เกิดอะไรขึ้น
เธอจำไม่ได้เลย
ช่างเถอะ !ออกไปแล้วค่อยว่ากัน
เธอเปิดผ้าห่มออก กำลังเตรียมที่จะลุกจากเตียง เวลานี้ประตูก็ได้ถูกเปิดออกจากด้านนอก ผู้ชายที่สูงใหญ่ได้
เดินเข้ามา เขาใส่เสื้อลำลองสบาย ในมือถือกล่องยาไว้ บุคลิกดูสะอาดเป็นผู้ดี
พอเขาเห็นเย้นหว่าน ใบหน้าที่หล่อก็มีรอยยิ้มขึ้นมา
“ พี่สะใภ้ ตื่นแล้วเหรอ ?”
เย้นหว่านงง เธอไม่รู้จักเขา แล้วมาเป็นพี่สะใภ้เขาตั้งแต่เมื่อไหร่ ? อีกอย่าง เธอก็ยังไม่มีแฟนนะ !
“ คุณคะ คุณจำคนผิดหรือเปล่า ? ”
“ เป็นไปได้ไง ? เมื่อคืนคุณเป็นไข้สูง หลีเฉินเป็นคนตามผมมาดูอาการคุณเองเลยนะ ”
แป๊บเดียวเธอก็คิดอะไรออก
เมื่อคืน ตอนอยู่บนรถ เธอรู้สึกปวดหัวเลยหลับอยู่ในรถของโห้หลีเฉิน
เธอไม่สบาย เขาเห็นแก่มนุษยธรรม เลยให้เธอนอนที่บ้านคืนนึง มันก็สมเหตุผล
เย้นหว่านลงจากเตียง ขอบคุณเขาอย่างมีมารยาท “ เมื่อคืน รบกวนคุณแล้วนะคะ ”
“ คนบ้านเดียวกัน พูดขอบคุณอะไรกัน ”
ฉินฉู่เดินมาทางเธอ ล้อเล่นพูด “ แต่ผมรู้จักกับหลีเฉินหลายปีมานี้
เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาดูแลคนๆนึงขนาดนี้
เมื่อคืนเขาเฝ้าคุณจนเกือบเช้าเลยนะ รอจนเธอลดไข้แล้วเขาถึงออกไป ”
เย้นหว่านตกใจอึ้ง ไม่กล้าเชื่อคำพูดของฉินฉู่
โห้หลีเฉินจะเป็นหว่งเธอขนาดนั้นทำไม ?
ฉินฉู่ยังยิ้มอย่างคลุมเครือ“ และก็ เธอยังจำได้มั้ย ? หลีเฉินเขาใช้ปากป้อนยาเธอ ”
ในสมองเธอได้ระเบิดขึ้น ใบหน้าเธอแดงก่ำ
เธอจำได้ว่ามีผู้ชายหน้าตาหล่อได้ใช้ปากป้อนยาให้เธอ แต่นั่นมันเป็นความฝันไม่ใช่เหรอ
ทำไมถึงเป็นโห้หลีเฉินได้ ?
หรือเมื่อคืนเธอตัวร้อนจนเบลอ เลยดูผิดไป ? นี่มันขายหน้าจัง
เธอรับยาที่ฉินฉู่ให้มา ไม่กล้าสู้หน้าโห้หลีเฉิน ลงจากชั้นสองก็กะจะแอบเดินจากไปเลย
เธอเดินถึงแค่ห้องรับแขก ก็เจอกับโห้หลีเฉินพอดี
พอเห็นหน้าเขา หน้าเธอก็เริ่มแดงโดยไม่รู้ตัว รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก “ อึม ขอโทษ ที่เมื่อคืนมารบกวนคุณ
ฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลย ”
“ มาทานอาหารเช้าก่อน ”
ร่างที่สูงใหญ่ของโห้หลีเฉินยืนขวางทางออกที่เธอจะเดินออกเอาไว้ เพื่อให้เธอไปทานข้าว
เย้นหว่านรีบใส่หัว “ ไม่ต้องค่ะ ฉันยังทำโครงสร้างออกแบบไม่เสร็จ เวลาไม่พอแล้วด้วย ฉันต้องรีบไปที่บริษัท ”
งานส่งช้าวันสองวันไม่เป็นไร ไม่ต้องรีบ คุณค่อยๆทำ ”
เขาปฏิเสธข้ออ้างของเธออย่างเรียบเฉย เย้นหว่านอึ้ง รู้สึกตกใจไม่น่าเชื่อ
เธอมึนงงถาม “ คุณทำไมจู่ๆถึงได้เปลี่ยนใจ ? ”เมื่อวันเขาพูดหนักแน่นเอามาก ว่าเธอจะต้องส่งโครงสร้างออกแบบวันนี้
แววตาของโห้หลีเฉินได้มีความอึดอัดแวะเข้ามาแป๊บนึง เขาพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ
“ ทำไม หรือเธอไม่พอใจ ? ”
“ เปล่า ๆ ”
เย้นหว่านรีบเดินไปทางห้องอาหาร เธอนอนไปทั้งคืน เธอจะมีปัญญาทำออกมาได้ไงหล่ะ
เธอเดินไปถึงห้องอาหาร ก็เห็นฉินฉู่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว
เขายิ้มให้เธออย่างตั้งใจมาก “ พี่สะใภ้ มานั่งเร็ว ”
เขาเรียกเธอพี่สะใภ้ ทำให้เธออึดอัดอย่างบอกไม่ถูก แล้วโห้หลีเฉินก็อยู่ด้วย เธอเม้มปากแล้วพูดกับเขา ”
คุณเรียกชื่อฉันก็ได้ หรือคุณอายุมากกว่าฉัน เรียกฉันน้อง เย้นหว่านก็ได้ “ น้อง เย้นหว่าน ? ก็ดีนะ เรียกแบบนี้แล้วดูสนิทกันดี ”
ฉินฉู่พูดด้วยน้ำเสียงสนิทสนม หันไปมองโห้หลีเฉินตั้งใจยั่วเขา “ นายว่าใช่มั้ย ? ”
“ แล้วแต่นาย ” โห้หลีเฉินนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะอย่างสง่า บุคลิกดูดีมาก สีหน้าเรียบเฉยดูสบาย
เขาน้ำเสียงไม่สูงไม่ต่ำกำลังดี “ แต่ตามหลักแล้ว นายเป็นรุ่นหลานของฉัน ต้องเรียก เย้นหว่านว่าป้า อยู่กับฉัน
นายจะเรียกยังไงก็ช่าง แต่ระวังเรียกจนเคยปากแล้วคนที่บ้านได้ยินเข้า ”
ตระกูลฉินให้ความสําคัญกับรำดับมาก ถ้าได้รู้เรื่องแล้วก็ คงตามบ่นฉินฉู่เช้าจนเย็นจนหัวจะระเบิด
นี่โห้หลีเฉินตั้งใจกำลังขู่เขาชัดๆ
ฉินฉู่โกรธจนไม่มีอารมณ์ หยิบตะเกียบขึ้นมา ก้มหน้าทานข้าวตัวเองไป