สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน – ตอนที่ 168 ไล่คน

บทที่ 168 ไล่คน

เย้นหว่านรู้สึกทึ่งกับท่าทีของโห้หลีเฉินที่มีต่อเธอ สายตาเธอลอบมองไปที่มู่หรุงชิ่น

เห็นใบหน้าที่ซีดลง แต่เธอก็ไม่แสดงออกมากเกินไป แค่คล้อยตามฉินฉู่อย่างเงียบๆด้วยรอยยิ้มตั้งแต่ต้นจนจบ

ทำตัวเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง

อาหารมื้อนี้จบลงอย่างมีชีวิตชีวา

วันนี้ฉินฉู่และเพื่อนคนอื่นได้เห็นภาพจู๋จี๋ระหว่างโห้หลีเฉินกับเย้นหว่านมามากจนเลี่ยน พอหลังจากที่ทานอาหารเย็นเสร็จก็อ้างอยากทานขนมเพื่อหาโอกาสอยู่ต่อ

แต่โห้หลีเฉินกลับไม่ได้สนใจ เขาอุ้มเย้นหว่านกลับไปทำแผลที่ห้องด้วยตัวเอง

หลังจากที่ทายาเสร็จ เย้นหว่านก็นอนลงบนเตียง อันที่จริงแล้วเธอกำลังอยู่ในช่วงพักฟื้นจึงไม่สามารถออกไปข้างนอกได้

แต่โห้หลีเฉินยังคงหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านอยู่บนโซฟาตามปกติ

ฉินฉู่และเพื่อนคนอื่นๆยังคงอยู่ชั้นล่าง เขาจะไม่สนใจหน่อยหรือ?

เย้นหว่านปวดขมับเล็กน้อย เธอเป็นกังวลมากกับการต้อนรับแขกของโห้หลีเฉิน

เธอคิดอยู่สักพักแล้วพูดว่า “คุณโห้ คุณลงไปอยู่ข้างล่างกับพวกเขาเถอะ”

“ไม่ต้อง เดี๋ยวพวกเขาก็ไปกันเอง”

เขาไม่ไหวติง

เย้นหว่านเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง “พวกเขาอุตส่าห์มาเป็นแขก ปล่อยพวกเขาไว้แบบนี้มันจะดูไม่ดี”

โห้หลีเฉินเลิกคิ้วเล็กน้อย ดวงตาของเขาดูเหมือนถูกย้อมด้วยแสงและจ้องไปที่เย้นหว่าน

“มาเป็นแขก?”

น้ำเสียงของเขาทุ้มและดูคลุมเครือ “เธอเป็นห่วงว่าบ้านของเราจะต้อนรับแขกไม่ดี?

หัวใจเย้นหว่านอ่อนยวบอย่างรวดเร็ว ที่เขาพูดอยู่ก็คือ บ้านของเรา

คำทั้งสามคำนี้เหมือนก้อนหินก้อนใหญ่ที่โยนลงไปในทะเลสาบในหัวใจเย้นหว่าน และทันใดนั้นคลื่นพายุก็ถูกเคลื่อนออก

เธอหน้าแดงและไม่กล้ามองหน้าโห้หลีเฉิน

“ฉันก็แค่อยากเตือนคุณเรื่องมารยาทเท่านั้นเอง”

เธอไม่ได้มีตำแหน่งเป็นเจ้าของบ้าน

แววตาของโห้หลีเฉินดูลึกซึ้งขึ้น เสียงทุ้มต่ำแฝงไปด้วยความสุขเล็กน้อย

“ฉันจะลงไปอยู่เป็นเพื่อนพวกเขาเอง คนอื่นจะได้ไม่รู้สึกว่าบ้านของเราไม่มีมารยาท”

เย้นหว่าน “…”

แก้มเธอแดงขึ้นเรื่อยๆ โห้หลีเฉินพูดคำว่าบ้านของเราได้คล่องปากแบบนั้นได้อย่างไร?

เขาเป็นคนอย่างไรกันแน่

เย้นหว่านกำลังลุกลี้ลุกลนและนอนอยู่บนเตียงโดยแสร้งทำเป็นตายใต้ผ้าห่ม

โห้หลีเฉินมองตรงไปที่เธอ จากนั้นก็เดินเข้ามาใกล้ที่เตียงและขยับผ้าห่มให้เธอ

“ฉันจะรีบขึ้นมา ถ้าเธอมีอะไรก็เรียกฉันได้”

เย้นหว่านเม้มปากโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ

เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังก้องเข้ามาในหัวใจของเธอทีละคำ

ความรู้สึกแบบนี้เหมือนคู่รักข้าวใหม่ปลามัน ไม่ว่าสามีจะไปที่ไหน เขาจะรายงานให้ภรรยาของเขาทราบอย่างอ่อนโยน และสัญญาว่าจะกลับมาในไม่ช้า

แต่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเธอและโห้หลีเฉิน

ทว่าความเป็นจริงล่ะ?

ความเป็นจริงนี้มันทำให้เธอไม่อยากจะเชื่อ ราวกับเรื่องเพ้อฝัน

ในเวลาเดียวกัน ใจของมู่หรุงชิ่นก็เริ่มร้อนรน

เธอเริ่มเสียใจด้วยซ้ำที่มาในวันนี้

เดิมทีเธอคิดจะใช้เหตุผลว่ามาเยี่ยมเย้นหว่านเพื่อจะได้เจอกับโห้หลีเฉิน และจะได้ถือโอกาสอยู่กับโห้หลีเฉินได้นานตราบเท่าที่เธอต้องการ แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่โต๊ะอาหารนั้นกลับไม่เป็นไปอย่างที่เธอคิดเอาไว้

โห้หลีเฉินไม่ค่อยทานอาหารกับเธอ แววตาที่สูงส่งของเขาไม่สนใจเลยว่าเธอชอบทานอะไร ดังนั้นเขาจึงไม่รู้รสชาติที่เธอชอบซึ่งเป็นเรื่องปกติ

อย่างไรก็ตามไม่คิดว่าเขากลับรู้ว่าเย้นหว่านชอบอะไร

อาหารที่อยู่บนโต๊ะทั้งหมดล้วนเป็นอาหารจานโปรดของเย้นหว่าน ซึ่งไม่ใช่อาหารประเภทที่มู่หรุงชิ่นทานได้

โห้หลีเฉินทั้งยังดูแลเอาใจใส่เย้นหว่านทุกขั้นตอนอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่ต้นจนจบเขามองมู่หรุงชิ่นแทบนับครั้งได้

ความแตกต่างนี้มองเพียงแว๊บเดียวก็รู้แล้วว่าโห้หลีเฉินดีกับใคร และไม่ดีกับใคร

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้มู่หรุงชิ่นได้โกหกเย้นหว่านมาโดยตลอดว่าเธอเป็นแฟนของโห้หลีเฉิน และเป็นคนรักตัวจริงของเขา

พอมาวันนี้ เย้นหว่านจะนึกสงสัยหรือไม่?

มู่หรุงชิ่นร้อนใจ เธอเสียเวลาคิดอยู่นานกว่าจะหลอกเย้นหว่านได้ ทั้งยังทำให้เย้นหว่านปฏิเสธการแต่งงานกับโห้หลีเฉิน เธอเกือบจะทำสำเร็จแล้วเชียว แต่ถ้าเรื่องถูกเปิดเผยในเวลานี้ล่ะก็…

ไม่ เธอไม่ยอม

ผู้หญิงที่อยู่เคียงข้างโห้หลีเฉินจะต้องเป็นเธอเท่านั้น แม้ว่าเป็นเย้นหว่าน เธอก็ไม่ยอม

เธอจะต้องแก้ไขเรื่องนี้ให้ได้

มู่หรุงชิ่นคิดหาทุกวิถีทางอยู่ภายในใจ พอเธอเงยหน้าขึ้นก็เห็นโห้หลีเฉินเดินลงมา

สูทที่ตัดเย็บอย่างปราณีตเข้ากับร่างสูงได้อย่างสมบูรณ์แบบ ใบหน้าที่หล่อเหลาทำให้คนหลงใหลจนแทบคลั่ง

ยิ่งท่าทางของเขาสูงส่งเหมือนราชาผู้สูงศักดิ์มองลงมาที่ทุกคน

เขาพูดด้วยความเย็นชา “ยังไม่ไปกันอีก?”

เป็นการขับไล่ออกไปตรงๆ

อย่างที่เขาพูด พอเย้นหว่านตื่นขึ้นมา พวกเขาก็ไม่มีอำนาจต่อรองใดๆ

ใบหน้ามู่หรุงชิ่นกลับมาซีดขาวอีกครั้ง เธอรู้สึกขมขื่นใจอย่างไม่อาจอธิบายได้

หากไปทั้งแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าเธอจะมีโอกาสมาเจอเย้นหว่านอีกครั้งได้อีกเมื่อไหร่ ถ้าเย้นหว่านนึกสงสัยและคุยกับโห้หลีเฉินจนความแตก แผนการของเธอก็จะพังลงได้

ดังนั้นมู่หรุงชิ่นจึงยืนขึ้นและพูดอย่างยิ้มๆ

“เฉิน ตอนที่ฉันมาถึง เสี่ยวหว่านก็กำลังหลับอยู่พอดี พอทานข้าวก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยกัน ฉันอยากจะขึ้นไปเยี่ยมเธอ คุยกับเธอสักหน่อยได้ไหม?”

โห้หลีเฉินเม้มปาก ไม่ได้ตอบรับไปในทันที

เดิมทีเขาอยากจะส่งพวกเขากลับไปทันที จากนั้นก็ขึ้นไปอยู่เป็นเพื่อนเย้นหว่าน หากเป็นเช่นนี้เย้นหว่านอาจจะหาว่าเขาไร้มนุษยสัมพันธ์ของการเป็นเจ้าบ้าน และทำให้ครอบครัวของพวกเขาเสียหน้าได้…

ตอนนี้ถ้าได้มู่หรุงชิ่นขึ้นไปอยู่คุยกับเย้นหว่าน เย้นหว่านก็จะได้ไม่เบื่อที่อยู่คนเดียว

นี่เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

ดังนั้นโห้หลีเฉินจึงพยักหน้า “ไปเถอะ แต่อย่านานล่ะ เธอต้องการพักผ่อน”

“อืม”

มู่หรุงชิ่นยังคงรักษาใบหน้าที่สง่างาม และรอยยิ้มที่งดงามจนถึงที่สุดเมื่ออยู่ต่อหน้าโห้หลีเฉิน แม้ว่าหัวใจของเธอจะเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างมากก็ตาม

ฉินฉู่เหลือบมองปากเขา “อ๋อ ฉันเข้าใจแล้ว…ถ้าคิดจะมาเป็นแขกที่บ้านตระกูลโห้จะต้องประจบพี่สะใภ้ก่อนเป็นอันดับแรก วันหลังถ้ามาบ้านนี้อีกไม่ต้องไปคุยกับหลีเฉินแล้วล่ะ แค่ไปคุยกับพี่สะใภ้ก็ไม่โดนระเบิดลงแล้ว”

โห้หลีเฉินนั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทางสง่างาม เขาพูดเสียงไม่หนักไม่เบา

“นายก็ลองคุยกับเธอดูสิ”

รู้สึกได้ถึงบรรยากาศอันตรายภายในห้องโดยไม่สามารถอธิบายได้

ฉินฉู่รู้สึกเพียงว่าหัวตัวเองกำลังถูกแขวนเอาไว้เพื่อรอคมมีด

เขาถึงกับหดคอและคิดในใจ หวงเมียขนาดนี้ นี่มันเสียสติเกินไปแล้ว

“แกร๊ก”

เสียงเปิดประตูห้อง

เย้นหว่านตกใจ โห้หลีเฉินบอกว่าจะรีบขึ้นมา แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้

เขาไล่คนไปหมดแล้วหรือ?

เย้นหว่านทำอะไรไม่ถูก เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ประตู แต่ก็เห็นร่างสูงเพรียวของมู่หรุงชิ่น

เธอมาทำไม?

เย้นหว่านไม่มีโอกาสพบเธอบ่อยมากนัก แต่ทุกครั้งที่พบมันกลับทำให้เธอรู้สึกหนักใจมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่เพื่อเป็นการให้เกียรติ เย้นหว่านจึงยิ้มทักทาย “คุณมู่หรุง มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

“ฉันขึ้นมาเยี่ยมเธอน่ะ เธอเป็นอย่างไรบ้าง?”

การแสดงออกของมู่หรุงชิ่นดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น เธอยิ้มราวกับว่าเย้นหว่านเป็นเพื่อนรักของเธอ

“ดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ ไม่เป็นอะไรมากแล้ว”

เย้นหว่านยิ้มอย่างสุภาพ จากนั้นก็ดึงผ้าห่มออกและลุกลงจากเตียง

เธอเดินไปที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่มในห้อง “คุณอยากดื่มอะไรไหม?”

มู่หรุงชิ่นทอดสายตามองไปยังเท้าของเธอก็เห็นว่าไม่ได้มีอาการร้ายแรงอะไร นอกจากการเดินที่เชื่องช้า

แล้วทำไมโห้หลีเฉินถึงยังต้องอุ้มเธอลงไปข้างล่าง?

มู่หรุงชิ่นเปลี่ยนสีหน้า “เท้าเธอไม่ได้เป็นอะไรนี่?”

สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน

สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน

“คุณผู้หญิง ผมจะไม่แต่งงานกับคุณ” นี้คือประโยคแรกที่เขาพูดกับเธอ เธอรู้ชัดเจนว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นยังไง แกล้งทำเป็นคู่หมั้นของเขาอย่างเชื่อฟัง แต่ในหนึ่งวัน เธอโดนเขาจับขึ้นเตียงและลูบไล้ เธอตกใจ “คุณโห้ คุณเคยบอกแล้วว่า เราเป็นแค่ความสัมพันธ์ทางสัญญา” “ผมยกเลิกแล้ว” เขาได้รู้แล้วว่า เธอเป็นผู้หญิงที่เขาตามหามานาน เขาจะปล่อยมือไปได้ยังไง? “เพื่อเป็นการชดเชย ผมเป็นของคุณแล้ว”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset