บทที่ 177 ผู้ชายรักผู้หญิง
นี่เป็นครั้งแรกที่เย้นหว่านเห็นโห้หลีเฉินไม่สบายไม่สบาย แล้วยังดูอ่อนแอถึงขนาดนี้ ทำให้เธอร้อนใจขึ้นมา
เธอพูดออกมาโดยไม่ทันคิด “แล้วฉันต้องทำยังไง คุณถึงสบายขึ้นบ้างคะ”
“กอดผมไว้”
เสียงของเขาต่ำมาก ร่างสูงใหญ่ทำท่าจะยืนไม่ไหวแล้ว และพร้อมจะล้มลงไปได้ทุกเวลา
เย้นหว่านคิดว่าเขาเริ่มไม่ไหวแล้ว ให้เธอรีบไปพยุงตัวเข้าไว้ ดังนั้นเธอจึงรีบเดินไปจับมือเขาพาดบ่า แล้วเธอก็ยื่นมือมากอดเอวเขาไว้
เธอที่กำลังกอดเอวเขาไว้ กลับคิดไม่ถึงว่าโห้หลีเฉินเหมือนได้รับอนุญาตอะไรบางอย่าง เขาจึงรีบดึงเย้นหว่านเข้ามากอดไว้ แล้วจูบเธออีกครั้ง
จูบครั้งนี้ทั้งอบอุ่นและรีบร้อน
ทำให้เธอรู้สึกสับสนทำอะไรไม่ถูก
เย้นหว่านชะงักงัน ก่อนจะรู้สึกได้ว่า โห้หลีเฉินเขา…
เย้นหว่านรู้สึกเหมือนสมองระเบิด บึ้ม ก่อนจะเริ่มเข้าใจ ว่าสิ่งที่โห้หลีเฉินต้องการคืออะไร
แต่ว่า จะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน
เธอพยายามดิ้นรนต่อต้าน แต่โห้หลีเฉินกลับไม่ปล่อยโอกาสให้เธอเลย เขากอดเธอแล้วพลิกตัวกลับ ให้เย้นหว่านยืนชิดกำแพงห้องแทน
แผ่นหลังของเย้นหว่านชนเข้ากับสวิตช์ไฟในห้อง จนทำให้ในห้องตกอยู่ในความมืด
และในความมืด อารมณ์ต่างๆจะยิ่งรุนแรงขึ้น
โห้หลีเฉินที่เดิมทีควบคุมอารมณ์ตัวเอง ตอนอยู่ต่อหน้าเย้นหว่าน เหมือนถูกปลดเขตป้องกันออก ราวกับม้าพยศที่ถูกถอดสายคล้องออก รีบพุ่งตัวเข้ามาทันที
ทำให้เขาบ้าคลั่งจนควบคุมไม่อยู่
ในความมืด ทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมด
เย้นหว่านถูกยกตัวขึ้นมาจากพื้น ก่อนจะถูกผลักให้ล้มลงบนเตียง ตามมาด้วย ร่างสูงใหญ่ที่ทาบทับลงมาบนร่างของเธอ
ผู้ชายที่ร่างสูงใหญ่พอมาอยู่ในความมืด กลับดูยิ่งสูงใหญ่มากกว่าเดิม
เย้นหว่านมองหน้าเขาอย่างมึนงง ก่อนที่เงามืดที่อยู่ในความทรงจําของเธอจะปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง
ภาพบรรยากาศในความมืด และมีผู้ชายร่างสูงใหญ่อยู่บนตัวเธอเหมือนในอดีต
น้ำเสียงที่เหมือนปีศาจร้ายของผู้ชายคนนั้นดังขึ้นมาในสมองของเธอ
กล้ามีปัญหากับฉัน ก็ต้องได้รับค่าตอบแทนที่สาสม
ค่าตอบแทน
ที่เธอต้องเสียไปคือครั้งแรกของเธอ
นานมากแล้วที่เธอไม่เคยนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นขึ้นมา แต่ในเวลานี้ ในสถานการณ์นี้ และเงาร่างของโห้หลีเฉิน ทำให้เธอนึกถึงเงาของผู้ชายคนนั้นขึ้นมาอีกครั้ง
ความรู้สึกที่เหมือนกัน อันตรายที่เหมือนกัน
ทำให้เย้นหว่านเกร็งไปทั้งตัว เหมือนแยกไม่ถูกว่าตอนนี้เป็นความฝันหรือว่าเรื่องจริง
ความรู้สึกหวาดกลัวที่ถูกกดไว้ในส่วนลึกของหัวใจ ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
เธอตัวแข็งอย่างควบคุมไม่ได้ ร่างกายของเธอสั่นเทา
เสียงของเธอเหมือนกำลังจะร้องไห้ “อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ ออกไป…”
ออกไป
อย่ามาแตะต้องตัวเธอ
เป็นเพราะผู้ชายคนนั้น ถึงทำให้ชีวิตของเธอต้องกลายเป็นแบบนี้
การแต่งงานของเธอกลายเป็นการทำข้อตกลง เธอไม่มีความกล้ามากพอที่จะรักโห้หลีเฉิน
หลังจากคืนนั้น ชีวิตของเธอต้องวุ่นวายไปหมด ทำให้เธอกลายเป็นคนสิ้นหวัง และแทบจะนอนไม่หลับเลย…
โห้หลีเฉินทนไม่ได้มานานแล้ว ร่างกายของเขาร้อนระอุเหมือนโดนไฟแผดเผา แต่เขายังคงฝืนทนไว้ ไม่ยอมปล่อยให้การกระทําของตัวเขาเองทำให้เขาต้องมาเสียใจทีหลัง
แต่ว่า สุดท้ายเขาก็ทำให้เย้นหว่านกลัวจนได้
เขารู้สึกได้ถึงร่างกายที่สั่นเทาของเธอ เขากลืนน้ำลาย ก่อนจะหยุดทุกการกระทำทันที
“เย้นหว่าน…”
เสียงของเขาต่ำมาก เพราะต้องพยายามควบคุมไฟร้อนในตัว และพยายามเรียกชื่อเธออย่างใจเย็น เพื่อให้เธอคลายความหวาดกลัว
แต่กลิ่นไอของโห้หลีเฉินกับผู้ชายคนนั้น และบรรยากาศในตอนนี้ มันเหมือนกันมากจริงๆ
จนเธอแยกแยะไม่ออกว่าเป็นความจริงหรือความฝัน เธอรู้สึกเหมือนถูกทิ้งไว้ในถ้ำน้ำแข็ง และถูกดึงเข้าสู่ความมืดมิดที่ไร้จุดสิ้นสุดอีกครั้ง
“ปล่อยฉันไปเถอะ…ฮือฮือฮือ ทำไมคุณถึงไม่ยอมปล่อยฉันไปสักที…”
เสียงของเธอสะอึก บริเวณขอบตาเริ่มมีน้ำตาไหลออกมา
ในความมืดที่เห็นอะไรไม่ชัดเจน แต่ดาวเหนือที่กำลังส่องแสงอยู่บนท้องฟ้าที่มืดมิด กลับทำให้โห้หลีเฉินรู้สึกแสบตา
เขาทำให้เธอตกใจซะแล้ว
ร่างสูงใหญ่ของโห้หลีเฉินลุกขึ้นมาจากเตียง โดยไม่แม้แต่จะลังเล ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำ
หลังจากนั้น ก็มีเสียง ปัง ที่เป็นเสียงประตูห้องน้ำถูกปิดลงอย่างแรง
พอรู้สึกตัวเบา เย้นหว่านจึงรีบลุกขึ้นมา แล้วถอยไปอยู่อีกมุมของเตียง สักพักถึงจะได้สติกลับมา
แววตาของเธอยังคงมืดมน แต่ก้อนหินใหญ่ที่กดเธอไว้ เหมือนจะเบาลงไปเยอะมาก
ภาพเหตุการณ์ที่เหมือนกัน ฝันร้ายที่เหมือนกัน แต่ว่าครั้งนี้ เขากลับยอมปล่อยเธอไป
เหมือนกับว่าฝันร้ายที่เธอฝันซ้ำไปซ้ำมาเป็นร้อยเป็นพันรอบ ในที่สุดก็มีอยู่หนึ่งรอบ ที่ความมืดมิดนี้ ปรากฏความหวังเล็กๆขึ้นมา
เย้นหว่านกอดผ้าห่มนั่งอยู่ตรงมุมห้อง มือของเธอจับผ้าห่มไว้แน่น
ริมฝีปากบางค่อยๆยกขึ้นช้าๆ ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ
“โห้หลีเฉิน ขอบคุณมากค่ะ”
หลังจากผ่านไปสักพัก พออารมณ์ของเย้นหว่านกลับมาเป็นปกติ เธอก็เดินไปเปิดไฟ ก่อนจะเห็นเสื้อผ้าที่ถูกถอดทิ้งไว้อย่างกระจัดกระจาย
และยังมีกลิ่นไอความร้อนรุ่มที่ยังหลงเหลืออยู่ภายในห้อง
หน้าของเธอแดงก่ำ รู้สึกทำตัวไม่ถูก จึงรีบเดินไปเก็บเสื้อผ้าใส่ตะกร้าให้เรียบร้อย และได้ยินเสียงน้ำไหลออกมาไม่หยุดภายในห้องน้ำ
เธอชะงักไป พอนึกถึงการกระทำที่บ้าบิ่นของโห้หลีเฉินก่อนหน้านี้ มันไม่เหมือนเขาในเวลาปกติ
เขาเหมือนหมาป่าที่เสียการควบคุมตัว
โห้หลีเฉินเป็นอะไรกันแน่
เขาดูผิดปกติมาก
เย้นหว่านลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะเดินไปหน้าห้องน้ำ แล้วเคาะประตูเบาๆ
“คุณโห้คะ…”
เสียงของเธอยังคงแข็งกร้าวไปบ้าง ถ้าต้องเผชิญหน้ากับโห้หลีเฉินในตอนนี้ เธอคงทำอะไรไม่ถูกแน่ๆ
ไม่มีเสียงตอบกลับเธอจากในห้องน้ำ มีแค่เสียงน้ำไหล
“คุณโห้คะ คุณยังโอเคอยู่หรือเปล่าคะ”
เย้นหว่านถามขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบเช่นเดิม
แต่เสียงน้ำที่ได้ยินไม่เหมือนก่อนหน้านี้ แสดงว่าโห้หลีเฉินกำลังขยับตัว
เมื่อก่อนโห้หลีเฉินไม่เคยเป็นอย่างนี้
เย้นหว่านอย่างคิดยิ่งเป็นห่วง เสียงเคาะประตูของเธอจึงยิ่งดังขึ้นไปอีก
“คุณโห้คะ คุณตอบฉันหน่อยสิคะ ไม่อย่างนั้นฉันจะเข้าไปแล้วนะคะ”
เธอพูด ก่อนจะยื่นมือไปเปิดประตู แต่กลับพบว่า โห้หลีเฉินล็อกประตูจากข้างใน
ทำให้เธอเป็นห่วงมากกว่าเดิม
นี่มันผิดปกติมาก
ต้องเกิดอะไรขึ้นกับโห้หลีเฉินแน่นอน
เธอร้อนใจจนเหมือนมดที่กำลังไต่อยู่บนกะทะร้อน เธอตบประตูอย่างแรง สักพัก เสียงของโห้หลีเฉินก็ดังออกมา
เสียงของเขาต่ำมาก เหมือนไม่มีแรง และพร้อมจะหมดแรงได้ทุกเวลา
“โทรเรียกฉินฉู่มา”
เย้นหว่านชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบตอบกลับ “ได้ค่ะ ฉันจะรีบโทรหาเขาเดี๋ยวนี้”
เธอไม่อยากให้เสียเวลาเลยแม่แต่วินาทีเดียว รีบเดินไปความหาโทรศัพท์ แล้วกดโทรหาฉินฉู่ทันที