บทที่ 189 ที่แท้คุณก็ใส่ใจผมเหมือนกัน
“ไปเถอะครับ เราเข้าไปในงานกัน”
มู่จื่ออี้มองไปทางเย้นหว่านด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะยื่นแขนให้ควงอย่างสุภาพ
เย้นหว่านมองแขนของเขาอย่างมึนงง น้อยครั้งที่เธอจะเข้าร่วมงานเลี้ยงอะไรแบบนี้ แต่ครั้งก่อนๆที่เข้าร่วมงานเลี้ยง เธอก็มักจะควงแขนโห้หลีเฉินไว้แบบนี้
แต่คืนนี้ เปลี่ยนเป็นคนอื่น
แบบนี้คงจะเป็นความจริงหลังจากที่ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติสินะ เธอก็แค่ได้สัมผัสกับมันก่อนก็เท่านั้นเอง
ภายในของเธอรู้สึกเจ็บอย่างประหลาด เย้นหว่านกัดฟันทน ก่อนจะยื่นมือไปควงแขนของมู่จื่ออี้ไว้
ทั้งสองเตรียมจะเดินเข้าไป แต่สายตาของเย้นหว่านกลับสบตาเข้ากับสายตาของโห้หลีเฉินซะก่อน
เขาเดินฝ่าวงล้อมผู้คน แล้วก้าวเดินเข้ามาหาเธอทีละก้าว ชายหนุ่มส่วนสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ช่างดูโดดเด่นยิ่งกว่าใคร และสายตาของเขาก็คุกรุ่นราวเปลวไฟ ก็กำลังจ้องมองมาที่เธอ
เย้นหว่านชะงักงัน พอเห็นสายตาของเขา ทำให้เธอเริ่มหายใจติดขัด
จนถึงตอนที่เขามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
สายตาที่อันตรายของโห้หลีเฉินมองไปที่มือของเย้นหว่านที่กำลังควงแขนของมู่จื่ออี้อยู่ บรรยากาศรอบตัวเยือกเย็นมากขึ้นไปอีก
เขาพูดด้วยเสียงแหบต่ำ “เย้นหว่าน มานี่ครับ”
เย้นหว่านตกตะลึง เธอคิดไม่ถึงว่าโห้หลีเฉินจะเดินเข้ามาหาแบบนี้ จึงไม่รู้จะทำตัวยังไง
พอเงยหน้าขึ้นมอง เธอก็เห็นว่ามู่หรุงชิ่นกำลังเดินมาทางนี้เช่นกัน เธอใส่ชุดราตรีสีแดงสุดเซ็กซี่ ดูสง่างามมาก ทุกคนต่างก็รู้ว่าคืนนี้มู่หรุงชิ่นคือคู่ควงของโห้หลีเฉิน
แล้วเย้นหว่าน จะเป็นอะไรได้
เย้นหว่านเก็บความไม่ชอบใจเอาไว้ในใจ ก่อนจะส่ายหน้าไปมา
สีหน้าของโห้หลีเฉินเคร่งขรึมมาก สถานการณ์เริ่มไม่ดี ทำให้ทุกคนต่างตื่นตกใจ และหวาดกลัว
มู่จื่ออี้ย่นคิ้ว ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ใช้ร่างที่สูงใหญ่บังเย้นหว่านไว้ข้างหลัง
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นคง และไม่หวั่นกลัว
“คุณโห้ คืนนี้เย้นหว่านเป็นคู่ควงของผม รบกวนคุณอย่าทำให้เธอลำบากใจ”
“คู่ควงของคุณอย่างนั้นเหรอ”
โห้หลีเฉินพูดเสียงสูง บ่งบอกถึงความไม่พอใจ
“คุณมู่ เย้นหว่านเป็นคู่หมั้นของผม คุณคิดจะแย่งชิงอย่างนั้นเหรอ”
พอได้ยินประโยคนี้ เย้นหว่านก็ใจกระตุก ทำอะไรไม่ถูก
ก็แค่เป็นคู่ควงเข้างานเลี้ยงเท่านั้นเอง ทำไมถึงได้กลายเป็นการแย่งชิงไปได้ล่ะ
เรื่องแบบนี้ ส่งผลกระทบต่อหน้าตาของตระกูลโห้ และทำให้โห้หลีเฉินขายหน้า หลังจากนี้ เขาจะต้องโจมตีมู่จื่ออี้แน่นอนเลย
เย้นหว่านไม่อยากให้เรื่องราวมันแย่ไปมากกว่านี้ เธอจึงรีบพูดอธิบาย แต่มู่จื่ออี้กลับชิงพูดขึ้นมาก่อนหน้าเธอ
“ขอแค่เย้นหว่านยินยอม ผมก็จะแย่งชิงกับคุณ”
เขาพูดเสียงทุ้ม แต่กลับเด็ดขาดมั่นคง ไม่มีความเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
และสิ่งที่เขาพูด เหมือนเป็นการประกาศสงครามมากกว่า
เย้นหว่านยิ่งตกใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าของโห้หลีเฉินที่บึ้งตึงมาก ริมฝีปากของเขาเม้มเป็นเส้นตรงบ่งบอกถึงอันตรายที่ใกล้จะระเบิดออกมา
น้อยครั้งที่เธอจะได้เห็นเขาทำสีหน้าแบบนี้ เพราะถ้าเขาทำสีหน้าแบบนี้ หมายความว่าจะต้องมีคนเคราะห์ร้ายแน่นอน
“คุณโห้คะ คุณเองก็มีคู่ควงแล้ว ฉันกับมู่จื่ออี้บังเอิญเจอกันหน้างาน ก็เลยจับคู่กัน มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรนี่คะ”
เย้นหว่านก้าวออกมาข้างหน้า เธอหยุดยืนด้านหน้ามู่จื่ออี้ น้ำเสียงที่เธอห้วนมาก และเหินห่างมากด้วย
การพูดแขวะคนอื่นแบบนี้ ทั่วทั้งเมืองเฉิงหนาน ยังจะมีใครกล้าพูดแบบนี้กับโห้หลีเฉินอีกเหรอ
หญิงสาวทั้งสามคนที่ยังยืนอยู่ด้านข้าง ต่างก็มองเย้นหว่านด้วยสีหน้าตกใจ นี่เธอแค้นใจที่ถูกโห้หลีเฉินทอดทิ้ง จนไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง ถึงได้กล้าแขวะโห้หลีเฉินแบบนี้
เธอคงใกล้จะโดนโยนออกไปนอกงานแล้วล่ะ
ทั้งสามคนกล่าวอโหสิกรรมให้เย้นหว่านในใจ
แต่เย้นหว่านกลับไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย เธอยืนจ้องหน้าโห้หลีเฉิน โดยไม่รู้ตัวเลย ว่าเธอปกปิดความไม่พอใจไว้ไม่อยู่
เธอกำลังโมโห
นี่เป็นสิ่งที่โห้หลีเฉินคิดได้อันดับแรก แต่เขากลับไม่มีอาการไม่พอใจ ความรู้สึกดีใจพุ่งออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้กินน้ำผึ้งที่แสนหวานเข้าไป
บรรยากาศคุกรุ่นรอบตัวโห้หลีเฉินสลายตัวไปทันที เขาเดินไปข้างหน้า แล้วดึงเย้นหว่านเข้ามาหา
เขาก้มหน้าลงมอง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหยอกเอิน
“หึงเหรอครับ”
เย้นหว่านสะดุ้ง ก่อนที่หน้าของเธอจะเริ่มแดงขึ้นมา
เธอรีบพูดปฏิเสธ “ฉันไม่ได้หึง คุณโห้รบกวนถอยออกไปด้วยค่ะ”
เธอพูด ก่อนจะเตรียมผลักเขาออกไป แต่กลับถูกเขาโอบเอวไว้ แล้วดึงเข้ามากอด
กลิ่นหอมที่แสนคุ้นเคยของโห้หลีเฉินโชยเข้ามาในจมูก ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะพุ่งตัวเข้าหา ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกตาข่ายขนาดใหญ่คลุมลงมา จนเธอขยับไปไหนไม่ได้
เย้นหว่านตกใจ แต่ผู้ชายตรงหน้ากลับกอดแน่นขึ้นอย่างได้ใจ
ริมฝีปากที่แสนเซ็กซี่ของเขาอยู่ใกล้เธอมาก ลมหายใจของเขาพ่นมาที่หน้าของเธอ ทำให้ดูเหมือนคู่รักกำลังสวีทหวานกันมาก
“ดูเหมือนว่า ภายในใจของคุณ ผมเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความสำคัญอะไรเลย”
เย้นหว่านสมองว่างเปล่าไปทันที เธอไม่กล้าคิดตีความคำพูดที่โห้หลีเฉินพูดออกมา
เธอหน้าแดงก่ำ พยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดของเขา
แต่โห้หลีเฉินกลับไม่ปล่อยโอกาสให้เธอดิ้นหลุด เขากอดเธอไว้แน่น ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเอาแต่ใจ
“ไปชนแก้วกับแขกในงานกับผม”
ในเมื่อเธอมาถึงแล้ว งั้นเขาก็จะแนะนำเธอให้ทุกคนได้รู้จัก
ในขณะเดียวกัน มู่หรุงชิ่นก็เดินมาถึง ก่อนจะหยุดยืนอยู่อีกข้างของโห้หลีเฉิน ถึงแม้เธอจะไม่ได้พูดอะไร แต่กลับมีท่าทีเหมือนติดตามโห้หลีเฉินอยู่
หญิงสาวทั้งสองคนล้วนแต่ใส่ชุดราตรีสีแดง และดูเหมาะสมกับโห้หลีเฉินทั้งสองคน
นี่เขาคิดจะควงสาวงามทั้งสองคนอย่างนั้นเหรอ
เย้นหว่านย่นคิ้ว เธอรู้สึกอารมณ์เสียมาก
เย้นหว่านผลักโห้หลีเฉินออกเล็กน้อย “ฉันไม่สบาย ไม่มีแรงไปชนแก้วเป็นเพื่อนคุณหรอก”
โห้หลีเฉินย่นคิ้ว “ไม่สบายตรงไหน”
เย้นหว่านยังโมโหอยู่ จึงพูดออกมาโดยไม่ทันคิด “แค่เห็นหน้าคุณ ฉันก็ไม่สบายแล้ว”
โห้หลีเฉิน “…”
คนอื่นๆต่างก็ตกใจกันไปหมด เย้นหว่านจะใจกล้ามากเกินไปหรือเปล่า นี่เธอพูดอย่างไม่กลัวตาย กล้าท้าทายอิทธิพลของโห้หลีเฉินแบบนี้ เธอไม่กลัวว่าจะโดนจับตัวไปฆ่าหรือยังไงกัน
พอพูดจบ เย้นหว่านเริ่มรู้สึกเสียใจทีหลัง เธอเตรียมจะพูดเสริม แต่กลับรู้สึกตัวเบา ขาทั้งสองข้างลอยขึ้นมาจากพื้น
ก่อนจะพบว่าโห้หลีเฉินได้อุ้มเธอขึ้นมาแล้ว
เย้นหว่านตกใจ “คุณโห้ คุณทำอะไรของคุณเนี่ย”
คนเยอะขนาดนี้ เขายังจะอุ้มเธอขึ้นมาอีก ทำให้เธอกลายเป็นจุดเด่นของงานทันที ทุกคนต่างก็มองมาทางพวกเธอกันหมด
เย้นหว่านหน้าแดงก่ำ เธออายจนแทบอยากจะมุดดิ้นหนี
แต่โห้หลีเฉินกลับไม่สนใจสายตาของใคร เขาอุ้มเย้นหว่านเดินตรงเข้าไปในงาน
แขกที่มาร่วมงานมีเยอะมาก แต่ทุกคนกลับรีบถอยตัวออกมาจนเป็นทางเดินให้โห้หลีเฉินเดินเข้าไป ก่อนจะมองเย้นหว่านที่อยู่ในอ้อมกอดของโห้หลีเฉินด้วยสายตาอิจฉา
และสายตาอิจฉาที่รุนแรงที่สุดก็คงจะเป็นสายตาของมู่หรุงชิ่น
ตั้งแต่งานเริ่มต้นขึ้นมา ผู้หญิงที่สามารถยืนเคียงข้างโห้หลีเฉินได้นานที่สุด ก็คือมู่หรุงชิ่น ทุกคนต่างพากันคิดว่าเธอเป็นคู่ควงของโห้หลีเฉินในคืนนี้
แต่ทุกคนเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง หลังจากที่เย้นหว่านปรากฏตัวขึ้นมา โห้หลีเฉินก็ไม่แม้แต่จะมองหน้ามู่หรุงชิ่น และไม่สนใจเธอเลย
เห็นได้ชัดว่ามู่หรุงชิ่นไม่ใช่คู่ควงของโห้หลีเฉิน
สายตาทุกคู่ที่มองมา ทำให้มู่หรุงชิ่นอับอายจนหน้าแดง และรู้สึกขายหน้ามาก
เธอโตมาจนถึงทุกวันนี้ ยังไม่เคยขายหน้าต่อหน้าผู้คนอย่างนี้มาก่อน คุณหนูตระกูลมู่หรงอย่างเธอ กลับสู้หญิงสาวธรรมดาอย่างเย้นหว่านไม่ได้
ในสายตาของโห้หลีเฉิน มีแต่เย้นหว่านอยู่ในนั้น
เธออิจฉา อิจฉาจนแทบจะบ้าตาย