บทที่ 197 ต่อไปนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว
แฟนเหรอ
คำนี้ทำให้เย้นหว่านหน้าแดงแล้วแดงอีก
เธอรีบปฏิเสธทันที “ฉันกับโห้หลีเฉินเป็นอะไรกัน เธอก็รู้ดี จะเป็นแฟนกันได้ยังไง”
“ใช่ใช่ใช่ ไม่ใช่แฟนกัน แต่เป็นคู่หมั้นที่สมบูรณ์แบบโอเคไหม”กู้จื่อเฟยพูดหยอกล้อ
เย้นหว่านถลึงตาใส่เธอ แล้วพูดติดๆขัดๆ “อย่า… อย่าพูดไปเรื่อยนะ”
“ฉันไม่ได้พูดไปเรื่อยนะ พูดตามจริง แม้แต่แฟนกันจริงๆ ก็มีไม่กี่คนหรอกที่ทำได้ดีอย่างคุณโห้ เธอดูสิ คนที่งานยุ่งอย่างเขา ยอมแบ่งเวลาออกมา เพื่อมาอยู่กับเธอ แล้วยังมานั่งรอเธอคุยกับฉันอีก ไม่รู้ว่ามีผู้หญิงตั้งกี่คนที่อยากมีแฟนแบบนี้ เทียบกับผู้ชายที่ไปเดินซื้อของเป็นเพื่อนแล้ว เขามีความอดทนมากกว่าเยอะ”
พอฟังสิ่งที่กู้จื่อเฟยพูดจบ เย้นหว่านก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกของตัวเองออกมายังไงดี เธอเข้าใจเรื่องนี้มากกว่ากู้จื่อเฟย ว่าปกติโห้หลีเฉินงานยุ่งมากแค่ไหน แต่ตลอดมา เขากลับยอมเสียสละเวลาส่วนใหญ่ให้กับเธอ ตอนนี้ยังมาเยี่ยมเพื่อนเป็นเพื่อนเธอ แล้วนั่งรออย่างอดทนอีก
กู้จื่อเฟยชนไหล่เย้นหว่านเบาๆ แล้วพูดต่อ “เสี่ยวหว่าน วันนี้ฉินฉู่มาหาฉัน แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่งานเมื่อคืนให้ฉันฟังแล้ว ที่แท้มู่หรุงชิ่นก็หลอกเธอมาตลอดเลย คุณโห้กับเธอไม่ได้เป็นอะไรกันเลย”
เย้นหว่านพยักหน้ารับ
กู้จื่อเฟยพูดต่อ “อย่างนี้ก็ดีสิ ในเมื่อคุณโห้ไม่มีใคร เธอก็มีโอกาสน่ะสิ”
“โอกาสอะไร”
“ก็โอกาสที่จะได้คบกับคุณโห้ไง”
กู่จื่อเฟยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง สีหน้ายิ้มกริ่ม “คุณโห้ไม่มีคนที่ชอบ แล้วยังดีกับเธอถึงขนาดนี้ และฉันได้ข่าวมา ว่างานเลี้ยงเมื่อวานจัดขึ้นมาเพื่อเธอ เพราะเขาต้องการจะแนะนำเธอให้ทุกคนในเมืองเฉิงหนานได้รู้จัก ผู้ชายคนหนึ่ง ยอมแนะนําเธอให้คนอื่นได้รู้จัก แล้วยังจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ นั่นหมายความว่าเขาจะต้องชอบเธอมากแน่นอน”
เย้นหว่านชะงักไป สีหน้าของเธอตกตะลึงมาก
เมื่อคืนเธอแน่ใจว่าเธอได้เจอกับบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคมแทบจะทุกคน เธอคิดว่าโห้หลีเฉินจะแค่พาเธอไปชนแก้วกับแขกเป็นเพื่อนเขาเท่านั้น เพราะเธอเป็นคู่ควงของเขา
แต่พอมาคิดดูดีๆ ตอนที่ชนแก้วกับแขกในงาน เขาพาเธอไปด้วยตลอด ตอนที่เธอบอกว่าอยากจะพัก เขาก็บอกว่าจะพักพร้อมกับเธอด้วย
ตอนนั้นเธอคิดแค่ว่าเขาเป็นเจ้าของงาน เป็นเจ้าของวันเกิด
คิดไม่ถึงว่าโห้หลีเฉินจะมีจุดประสงค์แบบนี้ ในสถานการณ์แบบนั้น เขากลับแนะนําเธอในฐานะคู่หมั้น ให้ทุกคนได้รู้จัก
หลังจากจบงานนี้ไป ถ้าเธอกับเขาไม่ได้แต่งงานกัน สำหรับโห้หลีเฉินแล้ว คงจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเขามากแน่ๆ
แต่เขากลับไม่กังวลเลย…
พอคิดถึงเรื่องที่โห้หลีเฉินพยายามขอเธอแต่งงาน เขาก็มั่นคงกับความคิดนี้มาก
เย้นหว่านคิดมาตลอดว่าที่โห้หลีเฉินอยากจะแต่งงานกับเธอ เพราะอยากใช้ประโยชน์จากเธอ แต่พอไม่มีเรื่องของมู่หรุงชิ่น แล้วเพราะอะไร…
“เสี่ยวหว่าน คุณโห้ต้องชอบเธออยู่แน่ๆเลย”
กู้จื่อเฟยพูดเกลี้ยกล่อมอยู่ด้านข้าง เธอพูดด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ
เธอรู้สึกอิจฉามาก เย้นหว่านสามารถได้รับความรักจากโห้หลีเฉินที่แสนเพอร์เฟค อีกทั้งโห้หลีเฉินยังเอาใจใส่เย้นหว่านมาก จากนี้ไปเย้นหว่านจะต้องเป็นที่อิจฉามากแน่ๆ
เธอรู้สึกภูมิใจมาก เพื่อนเพื่อนสนิทกับเย้นหว่านมาหลายปี เธอเองก็รู้ว่าเย้นหว่านเป็นแค่ลูกเลี้ยงของตระกูลเย้น การใช้ชีวิตไม่อิสระและดีถึงขนาดนั้น
สามารถได้เจอกับผู้ชายที่ดี การแต่งงานที่ดีแบบนี้ ในที่สุดเธอก็รอคอยจนได้เจอสักที
เย้นหว่านใจสั่น และนั่งเหม่อลอย ข้างหูยังมีเสียงของกู้จื่อเฟยดังวนไปวนมาอยู่
เสี่ยวหว่าน คุณโห้จะต้องชอบเธออยู่แน่ๆเลย
เย้นหว่านใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่อยู่ เหมือนกระต่ายที่บ้าคลั่ง ควบคุมตัวเองไม่ได้ พุ่งตัวเข้ามา
สำหรับเธอแล้ว โห้หลีเฉินเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ และสูงส่งเกินกว่าที่เธอจะคว้าไว้ได้
ดังนั้นถึงแม้จะใช้ชีวิตอยู่กับเขามานานถึงขนาดนี้ เธอก็ไม่เคยกล้าคิดถึงเรื่องนี้ และไม่กล้าคาดเดาด้วย
แต่ว่าตอนนี้…
โห้หลีเฉินชอบเธอเหรอ
พอคำถามนี้ผุดออกมา ทำให้เย้นหว่านสับสนไปหมด
เธอมองไปทางผู้ชายที่นั่งอยู่บนโซฟา เห็นเขากำลังนั่งอย่างสง่าอยู่ ในมือถือไอแพดอยู่ สีหน้าของเขาจริงจังมาก ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนหลุดออกมาจากภาพวาด
ดูแล้วเจริญตามาก
งดงามจนแทบละสายตาไปไม่ได้
ผู้ชายแบบนี้น่ะเหรอจะมาชอบเธอจริงๆ…
เหมือนรู้สึกได้ถึงสายตาของเย้นหว่าน โห้หลีเฉินเงยหน้าขึ้นมา ทำให้สายตาของทั้งคู่สบตากัน
เย้นหว่านหัวใจหยุดเต้น
สายตาของโห้หลีเฉินที่มองมาทางเธอ เหมือนมองความคิดของเธอออกทั้งหมด เขายกยิ้ม แล้วทำสีหน้าเจ้าเล่ห์
เย้นหว่านหายใจติดขัด หน้าแดงก่ำ
พอนึกขึ้นได้ เธอก็รีบหันหน้าหนี ไม่กล้ามองหน้าโห้หลีเฉินอีก
เขาอันตรายมากจริงๆ บนร่างของเขาเต็มไปด้วยแรงดึงดูด ที่ทำให้เธอทำตัวไม่ถูก
กู้จื่อเฟยมองเย้นหว่านที่หน้าแดงก่ำยิ้มๆ ก่อนจะพูดแนะนำอย่างจริงจัง “คุณโห้มีเงิน มีอำนาจ ที่สำคัญหน้าตาดีมาก บนโลกนี้หาผู้ชายที่ดีแบบนี้คนที่สองไม่เจอแล้ว เสี่ยวหว่าน เธอคิดว่ายังไง ยังไงซะเธอกับเขาก็หมั้นหมายกันแล้ว ก็คบกับเขาไปเลยสิ”
คบกับเขา…
เย้นหว่านใจเต้นแรงขึ้นอีก
เธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย แต่พอมาคิดดู เธอไม่มีความรู้สึกต่อต้านกับเรื่องนี้เลย แล้วยังรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกด้วย
หรือว่าเธอเองก็อยากจะคบกับเขาอยู่เหมือนกัน
เย้นหว่านไม่มั่นใจในความรู้สึกของตัวเอง และสับสนใจมาก
หลังจากกลับมาจากการไปเยี่ยมกู้จื่อเฟย เย้นหว่านก็รู้สึกสับสนไปหมด พอต้องเผชิญหน้ากับโห้หลีเฉินมักจะทำตัวไม่ถูก
เขาดูเหมือนจะชอบเธอ แต่กลับไม่เคยพูดออกมาเลยสักครั้งว่าชอบเธอ
แล้วเธอล่ะ รู้สึกยังไงกับเขากันแน่
เรื่องนี้สับสนจนแยกแยะไม่ออก เย้นหว่านหาทางออกไม่เจอ
วันนี้ หลังจากที่โห้หลีเฉินเลิกงาน เขาก็นั่งรถกลับบ้านพร้อมกับเย้นหว่านตามเดิม แต่กลับไม่ได้กลับบ้านพักของเขาเอง
“คุณย่าให้เรากลับไปหาท่าน แล้วกินข้าวกับท่าน” โห้หลีเฉินพูดกับเธอ
พอนึกถึงเรื่องที่เธอได้รับบาดเจ็บครั้งที่แล้ว คุณนายใหญ่ตระกูลโห้ยังไปเยี่ยมเธอด้วยตัวเอง หลังจากแผลหายดี ตามหลักแล้ว เย้นหว่านก็ควรไปหาคุณนายใหญ่ตระกูลโห้เหมือนกัน
ดังนั้นเธอจึงพยักหน้ารับ
แต่พอเย้นหว่านมองชุดธรรมดาที่เธอใส่อยู่ ก็รู้สึกร้อนรน เธอพูด “คุณโห้คะ ยังพอจะมีเวลาไหมคะ ฉันขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เป็นทางการก่อนได้ไหมคะ”
เพราะยังไง อีกฝ่ายก็เป็นถึงคุณนายใหญ่ตระกูลโห้
แต่โห้หลีเฉินกลับส่ายหน้าให้ ก่อนจะมองไปที่ชุดของเย้นหว่าน เขาไม่มีความไม่พอใจอะไรเลย
“คุณใส่แบบนี้ก็ดีแล้วครับ”
“แต่ว่ามันจะดูแต่งตัวสบายไปไหมคะ”
“ไม่หรอก ต่อไปนี้เราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ต้องทำความคุ้นชินไว้ก่อน”
ครอบครัวเดียวกัน ก็ต้องทำตัวตามสบายถึงจะถูก
นี่เป็นหลักการปกติ ไม่มีอะไรแปลก
แต่ว่า เธอกับเขาเป็นครอบครัวเดียวกันตั้งแต่เมื่อไหร่ พวกเธอยังไม่ได้แต่งงานกันเลย ทำไมโห้หลีเฉินถึงได้พูดได้ง่ายดายแบบนี้
พอเน้นหว่านคิดว่าเขามีใจให้เธอ จึงเริ่มทำตัวไม่ถูก หน้าแดงก่ำมองไปนอกหน้าต่าง