บทที่ 200 ภรรยานายหนีไปแล้ว
เย้นหว่านรีบซ่อนตัวทันที
อีกด้าน หวางกวนจิ้งกำลังสั่งงานลูกน้อง ยังไม่ได้ขึ้นรถมา
พอเห็นโห้หลีเฉิน จึงรีบก้มหน้าลงทักทาย “สวัสดีค่ะท่านประธาน”
ช่วงนี้โห้หลีเฉินอารมณ์ดีมาก ถึงแม้สีหน้าของเขาจะนิ่งเฉย แต่เขากลับพยักหน้าให้
หวางกวนจิ้งเหมือนได้รับกำลังใจ จึงรีบพูดต่อ “ท่านประธานดีกับคุณเย้นมากเลยนะคะ อุตส่าห์เดินออกมาส่ง ทั้งที่งานเยอะขนาดนั้นแท้ๆ”
เย้นหว่านที่กำลังซ่อนตัวอยู่ได้ยินแบบนั้น ก็เหงื่อไหลออกมา
เธออุตส่าห์ซ่อนตัว แต่หวางกวนจิ้งกลับเอาเธอออกมาขายซะได้
เย้นหว่านกลัวจนแทบจะหยุดหายใจ เธอนึกแผนออก จึงรีบลุกขึ้นแล้วแย่งกระเป๋าของเพื่อนร่วมงานโยนออกไป
“ผลัก” ไม่เอียงไม่ห่าง กระเป๋าใบนั้นตกลงบนเท้าของโห้หลีเฉินพอดี
โห้หลีเฉินหยุดเดิน แล้วมองไปทางประตูรถบัสด้วยสายตาดุดัน
ในตอนนี้ บรรยากาศรอบตัวต่ำลงไปหลายองศา
เพื่อนร่วมงานที่ถูกแย่งกระเป๋าโยนออกไปหน้าซีดเผือด เธอรีบลุกขึ้นยืน “ท่านประธานคะ ฉันไม่ใช่คนโยนกระเป๋านะคะ ฉัน… ”
เธอพูดยังไม่ทันจบ ก็ถูกเย้นหว่านที่ซ่อนตัวอยู่ดึงชายเสื้อ
เย้นหว่านมองมาที่เธอ แล้วพูดด้วยเสียงที่เบามาก “บอกว่าเธอไม่ระวัง ฉันรับรองว่าเธอจะไม่เป็นอะไร”
เพื่อนร่วมงานคนนั้นหน้าซีด เธอรู้สึกลังเลใจมาก “แต่ว่า…”เธอจะกล้าโกหกท่านประธานได้ยังไงกัน
ทำไมเย้นหว่านถึงได้ทำอะไรแปลกๆแบบนี้ล่ะ ท่านประธานอุตส่าห์มาส่ง แต่เธอกลับซ่อนตัวซะได้
เย้นหว่านกลัวว่าโห้หลีเฉินจะสงสัย จึงรีบพูดออกไป “หลิวเจีย ถ้าเธอบอกว่าเป็นฝีมือของฉัน แต่ฉันไม่ยอมรับผิด เขาจะเชื่อที่ฉันพูด ไม่มีทางเชื่อเธอแน่ๆ”
และยังทำให้ท่านประธานกับคู่หมั้นของท่านประธานไม่พอใจด้วย
หลิวเจียเหงื่อไหลออกมา ทำไมเธอถึงได้ดวงซวยแบบนี้นะ ต้องมาโดนกลั่นแกล้งแบบนี้
เธอมองไปทางโห้หลีเฉินอย่างขี้ขลาด ก่อนจะพูดอ้ำอึ้ง “ขะ ขอโทษค่ะท่านประธาน… ฉัน… มือลื่นค่ะ”โห้หลีเฉินหน้านิ่ง เขาหันไปมองหลิวเจียเล็กน้อย ก่อนจะมองไปทางอื่น
หลังจากนั้น เขาก็ก้าวเดินจากไป
ทุกคนต่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เหมือนเพิ่งรอดพ้นมาจากอันตราย
โชคยังดีที่ท่านประธานไม่เอาเรื่อง
หลิวเจียเหมือนถูกดูดพลังไปจนหมด เธอทรุดนั่งอย่างหมดแรง
เย้นหว่านโผล่ศีรษะออกมาดู พอเห็นโห้หลีเฉินเดินจากไป แล้วยืนรอรถอยู่ข้างถนน ก่อนจะขึ้นรถจากไป เธอคงได้ถอนหายใจออกมา
เกือบไปแล้ว เธอเกือบจะถูกโห้หลีเฉินจับได้แล้ว
หลังจากที่หวางกวนจิ้งยืนส่งโห้หลีเฉินจากไปแล้ว เธอก็รีบขึ้นมาบนรถ แล้วเตรียมด่าหลิวเจีย
“หลิวเจีย เธอทำอะไรของเธอ แค่กระเป๋าใบเดียวกับจับไม่อยู่ นี่โชคยังดีที่ไม่โยนถูกท่านประธานนะ ไม่อย่างนั้นเธอตายแน่ๆ แต่ครั้งนี้เธอทำให้ท่านประธานโมโห เธอต้องได้รับบทลงโทษ โบนัสเดือนนี้ต้องถูกตัด”
“หะ” หลิวเจียหมดหวัง
คนก่อเรื่องอย่างเย้นหว่าน ไม่อยากให้หลิวเจียต้องมารับเคราะห์แทน เธอจึงรีบพูดขึ้นมา “พี่หวางคะ พี่เข้าใจผิดแล้วค่ะ คนที่โยนกระเป๋าออกไปไม่ใช่หลิวเจียแต่เป็นฉันเองค่ะ”
หวางกวนจิ้งมองไปทางเย้นหว่าน สีหน้าที่เคร่งเครียดก่อนหน้าก็ยิ้มออกมา “คุณเย้นคะ หลิวเจียทำผิดก็ต้องได้รับโทษ คุณอย่าช่วยพูดแทนเธอเลยค่ะ”
“พี่เข้าใจผิดแล้วค่ะ ฉันเป็นคนโยนกระเป๋าไปจริงๆ ทุกคนที่อยู่ในรถเป็นพยานได้ ถ้าพี่จะลงโทษ ก็หักโบนัสของฉันก็ได้ค่ะ”เย้นหว่านพูดยืนยัน
หลิวเจีย มองไปทางเย้นหว่านอย่างตกใจ ความไม่พอใจที่มีให้เย้นหว่านก่อนหน้านี้ ก็เลือนหายไปเพราะเย้นหว่านออกมาปกป้องเธอ
หวางกวนจิ้งจะกล้าหักโบนัสของเย้นหว่านได้ยังไง โบนัสในแต่ละเดือนของเย้นหว่านท่านประธานเป็นคนกำหนดเอง ถึงจะต้องลงโทษเธอก็ไม่มีสิทธิ์นั้น
หวางกวนจิ้งเป็นคนหัวไว พอเชื่อมโยงเรื่องโยนกระเป๋าเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ
ตอนที่โยนกระเป๋า เป็นตอนที่เธอกำลังจะพูด พอกระเป๋าถูกโยนออกไป ก็ทำให้เธอหยุดพูด
และตอนที่ท่านประธานเดินผ่าน เย้นหว่านที่เป็นคู่หมั้น กลับไม่ยอมโผล่หน้าออกมา และไม่ทักทายโห้หลีเฉินเลยด้วย
หลังจากลังเลอยู่สักพัก หวางกวนจิ้งก็ถามออกมา “คุณเย้นคะ คุณกำลังหลบหน้าท่านประธานอยู่ใช่ไหม”
สมแล้วที่เป็นหัวหน้า คำถามเดียวก็ตรงประเด็นแล้ว
ในขณะเดียวกัน ทุกคนบนรถต่างก็มองมาทางเย้นหว่านกันหมด
เย้นหว่านร้อนตัว ถ้าเธอบอกพวกเขา ว่าเธอกำลังหนีโห้หลีเฉินอยู่ พวกเขาจะต้องไม่พาเธอไปเมืองเจียงด้วยแน่ๆ
ถึงแม้พวกเขาจะให้ความเคารพเธอ แต่ในบริษัทนี้ คนที่ใหญ่ที่สุดก็คือโห้หลีเฉินอยู่ดี
“ฉันจะหลบหน้าเขาทำไมล่ะคะ ก็แค่ตอนอยู่ที่บริษัท ต้องตั้งใจทำงาน ฉันไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของฉันกับโห้หลีเฉิน ส่งผลกระทบต่องานก็เท่านั้นเอง แล้วอีกอย่าง ตอนนี้เขาก็ออกไปทำธุระด้วย ก่อนจะออกไปเขาบอกกับฉันไว้แล้ว ฉันไม่อยากให้เขาต้องเสียเวลา”
พอทุกคนได้ยินคำอธิบายของเย้นหว่าน จึงเข้าใจทันที
ที่แท้ท่านประธานก็บอกกับเย้นหว่านแล้วนี่เอง เย้นหว่านไม่อยากทำให้ท่านประธานต้องเสียเวลา
หวางกวนจิ้งรู้สึกหน้าร้อน เขินอาย เพราะเมื่อตะกี้ เธอยังพูดแบบนั้นกับท่านประธาน ทำให้ท่านประธานต้องเสียเวลาอีก เธอไม่ควรทำแบบนั้นจริงๆ
แต่หลิวเจียเห็นอย่างชัดเจน ว่าตอนที่โห้หลีเฉินเดินมา เย้นหว่านซ่อนตัวยังไง นี่มันไม่เหมือนเป็นการหลบคำพูดครหาเลยนะ
เธอมองไปทางเย้นหว่าน ก่อนจะพูดออกมา “พี่หวางคะ ในเมื่อเป็นแค่การเข้าใจผิด งั้นก็ช่างมันเถอะค่ะ นี่ก็สายมากแล้ว เราออกเดินทางกันเถอะค่ะ”
มีคนหาทางลงให้ หวางกวนจิ้งก็ต้องยินดีอยู่แล้ว เธอรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “เอาล่ะ ทุกคนขึ้นรถเรียบร้อยแล้วใช่ไหม งั้นเราออกเดินทาง มุ่งตรงไปที่เมืองเจียงกันเลย”
รถบัสเริ่มสตาร์ทรถ แล้วออกเดินทางทันที
เย้นหว่านมองผ่านกระจก พอเห็นว่าผ่านตึกบริษัทโห้ถิงกรุ๊ปไปแล้ว ความกังวลใจของเย้นหว่านก็หายไปทันที
ในที่สุดเธอก็หนีออกมาจนได้
เธอเม้มปาก แล้วยิ้มออกมาอย่างดีใจ โห้หลีเฉิน อีกครึ่งเดือนค่อยเจอกันนะ
………..
หลังจากเลิกงาน
โรงจอดรถวีไอพีชั้นใต้ดิน โห้หลีเฉินนั่งรออยู่บนรถ แต่กลับไม่เห็นเย้นหว่านเดินมาสักที
เขายกมือขึ้นมาดูเวลาตนงนาฬิกาข้อมือ
นี่มันเลยเวลาเลิกงานมาครึ่งชัวโมงแล้ว ผู้หญิงคนนั้นกำลังทำอะไรออยู่ หรือว่าจะทำงานอยู่ แต่เขาก็สั่งเย้นเหวินหนานไว้แล้วนี่นา ว่าไม่ให้เย้นหว่านทำงานเพิ่ม
โห้หลีเฉินขมวดคิ้วขึ้น ก่อนจะพูดสั่ง “เว่ยชี นายขึ้นไปดูสิว่าเย้นหว่านทำอะไรออยู่”
“ครับ เจ้านาย”
เว่ยชีเดินลงจากรถ แล้วเดินเข้าไปในบริษัท
ไม่นานเขาก็เดินลงมาคนเดียว
โห้หลีเฉินเห็นว่าเขากลับมาคนเดียว แววตาของเขาจึงเข้มขึ้น เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
เขาเม้มปาก แล้วมองไปทางเว่ยชีด้วยสายตาแข็งกร้าว
เว่ยชีปาดเหงื่อบนหน้าผากออก แล้วยืนอยู่ข้างหน้าต่างรถ พูดรายงานอย่างกล้าๆกลัวๆ “เจ้านายครับ เช้าวันนี้คุณเย้นเดินทางไปเมืองเจียงพร้อมทีมออกแบบแล้วครับ”