บทที่ 203 ผู้ชายต่างคนต่างนิสัย
เมื่อตอนที่หวางกวนจิ้งไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ก็ได้ยินเสียงของผู้ชายดังขึ้นจากด้านข้าง
“งั้นเอาห้องของผมให้คุณเย้นหว่านก็ได้ครับ”
เย้นหว่านมองไปที่ฉูรั่วไป๋อย่างตกตะลึง พลางรีบโบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “ไม่ได้ค่ะ ฉันจะไปเอาห้องของคุณได้ยังไง เดี๋ยวฉันไปอยู่โรงแรมอื่นดีกว่า”
“ผู้หญิงคนเดียว ไปอยู่ข้างนอกตามลำพังผมวางใจไม่ได้หรอกครับ”
ฉูรั่วไป๋มองมาที่เย้นหว่าน ก่อนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงน่าฟัง
ทว่าคำพูดที่ดูห่วงใยนี้ เมื่อได้ฟังในครั้งแรกก็ทำให้คนฟังรู้สึกถึงความคลุมเครือ
เย้นหว่านตะลึงไปครู่หนึ่ง ทว่าก็ไม่กล้านึกไปถึงความคลุมเครือนี้ ไอดอลของเธอทำไมช่างเป็นสุภาพบุรุษขนาดนี้
แล้วยังใจดีให้ห้องเธออีก
“ไม่เป็นไรครับ เดิมทีผมเข้าร่วมแค่ชั่วคราวอยู่แล้ว เดี๋ยวผมจะไปโรงแรมอื่นสักสองวันก่อน รอไว้ที่นี่มีห้องว่างค่อยกลับมาก็ได้ครับ”
ฉูรั่วไป๋ส่งยิ้มให้กับเย้นหว่าน “คุณไม่ต้องอึดอัดไปหรอกครับ จริงๆ แล้วผมมีวิลล่าอยู่แถวๆ นี้ด้วย ผมกลับไปอยู่ก็สะดวกเหมือนกัน”
ดังนั้นเขาจึงสะดวกที่จะมอบห้องให้กับเธอ
เย้นหว่านยังมีความลังเลอยู่บ้าง ถ้าต้องไปมาระหว่างโรงแรมอื่นก็คงจะไม่สะดวก
ในขณะที่เธอยังไม่ทันได้ตัดสินใจดี ฉูรั่วไป๋ก็ช่วยเธอในการตัดสินใจ
เขาหันไปพูดกับพนักงานแผนกต้อนรับที่อยู่เคาน์เตอร์ “เอาห้องที่ผมลงทะเบียนเอาไว้ให้กับเย้นหว่านเลยครับ เดี๋ยวคีย์การ์ดห้องผมจะเอาให้เธอเอง”
“ได้ค่ะคุณฉู”
พนักงานต้อนรับมีความสุขไปโดยปริยาย เมื่อสถานการณ์คลี่คลายได้แล้ว เธอจึงเริ่มลงมือตามขั้นตอนถัดไป
ในเมื่อตัดสินใจลงไปแล้ว เย้นหว่านก็ไม่สามารถบ่ายเบี่ยงได้อีก
เธอหันไปยิ้มให้กับฉูรั่วไป๋ “คุณฉู ขอบคุณคุณมากเลยนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ แค่เรื่องเล็กน้อย”
ฉูรั่วไป๋ยืนอยู่ไม่ไกลจากตำแหน่งของเย้นหว่านมากนัก “ในห้องยังมีของของผมวางอยู่ เดี๋ยวผมเข้าไปจัดการก่อน คุณจะได้เข้าไปอยู่ได้อย่างสะดวก”
“โอเคค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”
เย้นหว่านหันไปโบกมือให้หวางกวนจิ้งก่อนจะเดินตามฉูรั่วไป๋ขึ้นลิฟต์ไป
เย้นหว่านไม่คาดคิดเลยว่าจะได้มาพบกับไอดอลของตัวเองอย่างกะทันหัน ทั้งยังสามารถได้ใกล้ชิดขนาดนี้ ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นและกังวลไปตลอดทาง
เมื่อเดินไปถึงห้อง ฉูรั่วไป๋ก็เปิดประตูก่อนจะใช้คีย์การ์ดเปิดใช้งานห้อง
เขาหันไปพูดกับเย้นหว่าน “นี่เป็นคีย์การ์ดครับ คุณก็พกติดตัวเอาไว้ตอนไปข้างนอกด้วยนะ”
“โอเคค่ะ”
จริงๆ แล้วเย้นหว่านเองก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เดินตามเขาเข้าไปในห้อง ภายในห้องก็เห็นข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของฉูรั่วไป๋วางอยู่
ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบโดยเฉพาะ คิดดูแล้วเขาคงจะตั้งใจที่จะอยู่ที่นี่ไปสักพัก
“ฉันต้องขอโทษจริงๆ นะคะ ที่ทำให้คุณต้องลำบาก”
เย้นหว่านเอ่ยขอโทษออกมาอีกครั้ง ภายในใจรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาที่ออกจากห้องก็ต้องเป็นเธอที่ต้องออกไป
“ไม่เป็นไร เรื่องเล็กครับ”
ฉูรั่วไป๋ยิ้มๆ “คุณนั่งตามสบายเลยครับ รอผมเก็บของสักครู่?”
“โอเคค่ะ เอ่อ มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ?”
“ไม่เป็นไรครับ ของไม่เยอะ ผมจัดการไม่นาน ถ้าคุณอยากจะช่วยผมจริงๆ ล่ะก็ งั้นช่วยชงกาแฟให้ผมสักแก้วก็พอครับ”
“คุณอยากได้กาแฟรสแบบไหนคะ? ”
เย้นหว่านทำไปพูดไป เธอเดินไปที่เคาน์เตอร์ไวน์ หลังจากที่ดูหน้าจอแล้วเธอก็เริ่มชงกาแฟอย่างชำนาญ
โห้หลีเฉินชอบดื่มกาแฟมาก เวลาที่เขาทำงาน เธอก็จะชงกาแฟให้เขา ในเวลาสั้นๆ เธอก็สามารถทำเรื่องนี้ได้อย่างชำนาญ
เมื่อนึกไปถึงผู้ชายคนนั้น ภายในใจของเธอก็รู้สึกสับสน
ตอนนี้เธอหนีมาแล้ว ครั้งต่อไปเมื่อเจอเขาก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
บางทีอาจจะเปลี่ยนไปมากเลยก็ได้
เย้นหว่านกำลังครุ่นคิดยุ่งเหยิงไปหมด เธอเหม่อลอยจนไม่ได้ยินคำพูดของฉูรั่วไป๋
จนกระทั่งร่างสูงของฉูรั่วไป๋เดินมาถึงข้างตัวเธอ
เงาร่างของชายหนุ่มพาดผ่านเข้ามา เย้นหว่านสะดุ้งตกใจจนกาแฟหกใส่มือ
“ระวัง!”
ฉูรั่วไป๋รีบร้อนหยิบกาแฟออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงรีบจับมือของเย้นหว่านขึ้นมา ก่อนจะหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นเช็ดให้อย่างระมัดระวัง
เขาขมวดคิ้วมองไปยังมือที่แดงก่ำของเธออย่างเป็นกังวล
“เจ็บไหม?”
เรื่องราวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนที่เย้นหว่านกลับมามีสติอีกครั้ง มือของเธอก็ถูกฉูรั่วไป๋จับไปแล้ว
มือยังคงเจ็บอยู่นิดหน่อย แต่ฝ่ามืออุ่นๆ ของชายหนุ่มทำให้เธอรู้สึกลำบากใจ
เธอรีบชักมือกลับไป “ไม่เจ็บแล้วค่ะ ไม่เป็นอะไรแล้ว”
ในมือที่ว่างเปล่าของฉูรั่วไป๋ขยับเล็กน้อย เขามองไปทางเย้นหว่านอย่างไม่คาดคิด
ตั้งแต่เจอกันที่ด้านล่าง เย้นหว่านก็แสดงท่าทีชื่นชมเขามาตลอด ทั้งยังแสร้งไม่ระวังจนเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา สามารถพูดได้เลยว่าเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอย่างพอดิบพอดี
ตอนที่มาห้องของเขาอีก ชายหญิงที่อยู่กันตามลำพัง ทั้งยังเพิ่งจะทำกาแฟหก โดยปกติแล้วสามารถพูดได้เลยว่าบรรยากาศคลุมเครือที่เกิดขึ้นราวกับจงใจสร้างขึ้นมา
เขาเข้าไปดูอาการบาดเจ็บของเธอ เธอยังฉวยโอกาสเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ
ฉูรั่วไป๋เองที่มักจะเล่นกับผู้หญิงที่เข้าหาแบบนี้อยู่แล้ว เขาไม่มีทางปฏิเสธผู้หญิงดีๆ แบบนี้แน่ เรื่องราวในตอนกลางคืนระหว่างชายหญิงก็ต้องมีบรรทัดฐานที่ถูกกำหนดไว้อยู่แล้ว
เขาวางแผนว่าจะตามน้ำไปกับเย้นหว่าน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็เตรียมพร้อม ทว่าเย้นหว่านพึ่งจะดึงมือของเธอกลับไป หมายความอย่างอย่างไร?
ไม่คิดว่า…. จะเป็นการแสร้งเล่นตัวไปก่อนงั้นเหรอ?
ฉูรั่วไป๋มองไปที่เย้นหว่านด้วยสายตาล้ำลึกอย่างมีความหมาย พร้อมกับรอยยิ้มบางที่ส่งให้เธอ
ในเมื่อเธอนึกอยากเล่นสนุก เขาก็ไม่รังเกียจที่จะใช้เวลากับผู้หญิงสวยๆ อย่างเธอมากหน่อย
“มือของคุณแดงไปหมดเลย ไปแช่น้ำก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมไปทายาให้”
เย้นหว่านรีบปฏิเสธ “ไม่รบกวนหรอกค่ะ มันไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น”
ทว่าสีหน้าของฉูรั่วไป๋ก็ยังเป็นเช่นเดิม มีรอยยิ้มสดใสประดับประดาอยู่บนหน้าเขา “มือของคุณสวยขนาดนี้ ทั้งยังเป็นมือของนักออกแบบ เพราะงั้นไม่สามารถทำให้มันเสียหายได้นะครับ เด็กดี รอผมอยู่นี่เดี๋ยวนะครับ”
น้ำเสียงของเขาที่ฟังดูใส่ใจ
พูดจบก็ไม่รอให้เย้นหว่านได้ตอบกลับอะไร ฉูรั่วไป๋ ก็เดินออกไปด้านนอกเสียก่อน
เย้นหว่ายืนเหม่อ มองดูเงาหลังของฉูรั่วไป๋ที่เดินออกไป โดยปกติแล้วไม่ว่าโห้หลีเฉินไปที่ไหน ในห้องของเขาต้องมีกล่องปฐมพยาบาล
ดูท่าแล้วไม่ใช่คนรวยทุกคนที่จะมีนิสัยเหมือนโห้หลีเฉิน อย่างน้อยก็ไม่ใช่ฉูรั่วไป๋
แม้ว่ามือจะได้รับบาดเจ็บไม่มาก แต่ถ้าไม่รีบจัดการก็อาจจะรุนแรงขึ้นมาได้ เย้นหว่านไม่อยากคิดมากอีก เธอจึงเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อแช่น้ำ
หลังจากนั้นไม่นานฉูรั่วไป๋ก็เข้ามาใหม่
ในมือของเขามีถุงอยู่ ซึ่งในถุงก็มียาอยู่หลายอย่าง
เย้นหว่านมองไปอย่างคาดไม่ถึง “คุณฉู คุณซื้อมาทำอะไรเยอะแยะคะเนี่ย?”
“อ่า ผมไม่รู้ว่าปกติแล้วคุณจะใช้ยาตัวไหน ผมเลยซื้อมาด้วยกันหมดนี่เลย”
ฉูรั่วไป๋เปิดถุงออก ก่อนจะหยิบครีมตัวยามาวางเอาไว้ด้านหน้าเย้นหว่าน “คุณเคยโดนน้ำร้อนลวกมาก่อนหรือเปล่า? มียาตัวไหนที่ใช้บ่อยๆ ไหมครับ?”
โดยปกติแล้วการใช้ยาทาจะให้ผลลัพธ์ได้ดีแต่ละบุคคลแตกต่างกัน
เย้นหว่านไม่เพียงแต่ขยับสีหน้า ฉูรั่วไป๋นี้ช่างเป็นคนละเอียดรอบคอบมากจริงๆ
เธอเลือกเอาหลอดยาที่เธอรู้สึกคุ้นเคยมากที่สุดมา “อันนี้ค่ะ”
“โอเค เดี๋ยวผมทาให้”
ฉูรั่วไป๋มองตามมืออย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยิบไปก่อนเย้นหว่าน
หลังจากเปิดฝาและบีบครีมออกมาแล้ว
ตามนิสัยปกติของเขาต้องจับมือของเย้นหว่าน ทว่าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้น เขาไม่ได้ขยับตัวแต่มองไปที่เย้นหว่าน
“ยื่นมือออกมาสิครับ”